The catchment has never been cultiv

The catchment has never been cultivated and it originally supported
a rangeland vegetation cover. In 1968 it was planted with
Eucalyptus occidentalis trees and these trees have been harvested
twice (in 1978 and 1990), with the tree cover being subsequently
restored by natural regrowth. Logging operations took place across
the entire area of the catchment and involved the removal of ca.
25e40 m3 of biomass during each cutting campaign. The harvested
timber was extracted from the catchment manually, in order to
minimise the impact of the harvesting operations on the soil surface.
The tree cover is not uniform within the catchment, and about
20% of its area, primarily along its northern margin, is characterised
by discontinuous trees and a sparse grass cover. Elsewhere, the tree
cover is relatively uniform. The soils under the eucalyptus trees are
largely devoid of ground cover and much of the surface beneath the
trees and sparse grass cover is therefore bare. The bare soils are
exposed to rainsplash and surface runoff during heavy rainfall and
significant sheet erosion occurs at such times. The area with
discontinuous tree cover is the area of greatest soil loss (Porto et al.,
2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลุ่มน้ำที่เคยปลูก และได้สนับสนุนเดิมrangeland พืชปก ในปี 2511 ก็ได้ปลูกด้วยOccidentalis ยูคาลิปตัสและต้นไม้เหล่านี้มีการเก็บเกี่ยวสองครั้ง (ในปี 1978 และปี 1990), พร้อมครอบคลุมแผนภูมิกำลังมาเรียกคืนจากธรรมชาตินั้น บันทึกการดำเนินงานเกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งหมดของลุ่มน้ำที่ และเกี่ยวข้องกับการกำจัดของ ca25e40 m3 ของชีวมวลในระหว่างแต่ละแคมเปญตัด การเก็บเกี่ยวไม้ถูกสกัดจากลุ่มน้ำนี้ด้วยตนเอง ในใบสั่งลดผลกระทบของการดำเนินงาน harvesting บนผิวดินครอบคลุมแผนภูมิไม่สม่ำเสมอภาย ในลุ่มน้ำที่ และเกี่ยวกับ20% ของพื้นที่ หลักตามขอบของภาคเหนือ มีประสบการ์โดยต้นไม้ที่ไม่ต่อเนื่องและครอบบ่อหญ้า อื่น ๆ แผนภูมิหน้าปกเป็นรูปค่อนข้าง ดินเนื้อปูนใต้ต้นยูคาลิปตัสเป็นส่วนใหญ่ปราศจากการครอบคลุมพื้นดินและส่วนใหญ่ของพื้นผิวใต้ต้นไม้และหญ้าบ่อครอบคลุมจึงเปลือย ดินเนื้อปูนเปลือยอยู่ไหลบ่า rainsplash และพื้นผิวสัมผัสระหว่างฝนตกหนัก และกัดเซาะแผ่นสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว พื้นที่ที่มีต้นไม้ที่ไม่ต่อเนื่องครอบคลุมเป็นพื้นที่สูญเสียดินมากที่สุด (ปอร์ et al.,2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อ่างเก็บน้ำไม่เคยได้รับการปลูกฝังมา
แต่เดิมและสนับสนุนพืชทุ่งหญ้าปก ในปี 1968
มันเป็นที่ปลูกต้นไม้ยูคาลิปoccidentalis
และต้นไม้เหล่านี้ได้รับการเก็บเกี่ยวสองครั้ง(ในปี 1978 และ 1990)
ที่มีต้นไม้ปกคลุมภายหลังที่มีการบูรณะโดยregrowth ธรรมชาติ
เข้าสู่ระบบการดำเนินงานที่เกิดขึ้นทั่วพื้นที่ทั้งหมดของการเก็บกักน้ำและมีส่วนร่วมกับการกำจัดของแคลิฟอร์เนีย
25e40 M3 ของชีวมวลในแต่ละแคมเปญตัด เก็บเกี่ยวไม้ถูกสกัดจากการเก็บกักน้ำด้วยตนเองเพื่อที่จะลดผลกระทบของการดำเนินงานเก็บเกี่ยวบนพื้นผิวดิน. ปกต้นไม้ไม่สม่ำเสมอภายในการเก็บกักน้ำและประมาณ20% ของพื้นที่ส่วนใหญ่พร้อมอัตรากำไรทางตอนเหนือของมันคือ โดดเด่นด้วยต้นไม้ต่อเนื่องและครอบคลุมหญ้าเบาบาง อื่น ๆ ต้นไม้ปกค่อนข้างสม่ำเสมอ ดินใต้ต้นไม้ยูคาเป็นส่วนใหญ่ไร้คลุมดินและมากของพื้นผิวที่ใต้ต้นไม้และปกหญ้าโปร่งโล่งจึง ดินเปลือยมีการสัมผัสกับ rainsplash และกะเทาะผิวในช่วงฝนตกหนักและการพังทลายของแผ่นที่สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว พื้นที่ที่มีต้นไม้ปกคลุมเป็นพื้นที่ต่อเนื่องของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดิน (ปอร์โต et al., 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

catchment ไม่เคยปลูกและปกติมันได้รับการสนับสนุน : rangeland พืชคลุม ในปี 1968 มันปลูกยูคาลิปตัส ต้นไม้ และต้นไม้เหล่านี้ occidentalis

มีการเก็บเกี่ยวสองครั้ง ( ในปี 1978 และ 1990 ) ที่มีต้นไม้ปกคลุมได้ในภายหลัง
เรียกคืนโดยความชื้นธรรมชาติ การดำเนินงานเกิดขึ้นทั่ว
พื้นที่ทั้งหมดของลุ่มน้ำ และเกี่ยวข้องกับการกำจัด
.25e40 M3 ของชีวมวลในแต่ละ การส่งเสริมการขาย การเก็บเกี่ยวไม้ถูกสกัดจาก
กัก

ด้วยตนเอง เพื่อลดผลกระทบของวิกฤติการดำเนินงานบนผิวดิน ต้นไม้ ไม่ใช่เครื่องแบบปก
กัก
ภายใน และประมาณ 20% ของพื้นที่หลักตามขอบของภาคเหนือ มีเอกลักษณ์
ต้นไม้ไม่ต่อเนื่องและหญ้าที่ขึ้นปก . ที่อื่น ๆ , ต้นไม้
ครอบคลุมค่อนข้างสม่ำเสมอ ดินใต้ต้นยูคาลิปตัสเป็น
ส่วนใหญ่ไร้ครอบคลุมพื้นดินและมากของพื้นผิวใต้ต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นปกคลุม
จึงเปลือย ดินเปล่ามี
ตาก rainsplash ผิวดินในช่วงฝนตกหนักและที่สำคัญแผ่นดินและ
เกิดขึ้น ในเวลาแบบนี้ พื้นที่กับ
ต้นไม้ปกคลุมไม่ต่อเนื่องคือพื้นที่มากที่สุดการสูญเสียดิน ( Porto et al . ,
2005 )