From 1955 to 1974 Moore became a Tr

From 1955 to 1974 Moore became a Trustee of the National Gallery, London. He took International Sculpture Prizes at the 24th Venice Biennale in 1948 and at the 2nd Sao Paulo Biennale in 1953. The award of Companion of Honour in 1955, the Order of Merit in 1963, and the Erasmus Prize in 1968 are just a few from a list of over seventy accolades he gained from over a dozen countries.

Moore received increasingly prestigious commissions abroad, including the monumental Roman travertine marble Reclining Figure 1957-58 (LH 416) for the UNESCO headquarters in Paris, and at home the abstract Knife Edge Two Piece 1962 (LH 516) in bronze which stands outside the Houses of Parliament. He became an icon for post-war Britain, something of a national institution with everyone wanting a work by Henry Moore. From the 1950s onwards, with a huge increase in commissions, Moore produced much larger sculptures, and employed assistants including Anthony Caro, Phillip King, John Farnham, Malcolm Woodward, and Michel Muller to help him. The scale and quantity of his work grew and grew; in total there are about 919 sculptures, 5500 drawings and 717 graphics.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จาก 1955 ถึง 1974 มัวร์เป็น ผู้จัดการมรดกของหอศิลป์แห่งชาติ ลอนดอน เขาได้รางวัลประติมากรรมนานาชาติ ที่ Biennale เวนิส 24 ในค.ศ. 1948 และ Biennale เปา 2 ในปีค.ศ. 1953 รางวัลเพื่อนเกียรติใน 1955 สั่งบุญใน 1963 และ รางวัลรัสในปี 2511 มีเพียงไม่กี่จากรายการของเขาได้รับจากประเทศโหล accolades กว่าเซเว่นตี้ มัวร์ได้รับเกียรติขึ้นคณะกรรมการต่างประเทศ รวม travertine โรมันอนุสาวรีย์หินอ่อนนอนรูป 1957-58 (LH 416) สำหรับการยูเนสโกสำนักงานใหญ่ ในปารีส และบ้านนามธรรมมีดขอบสองชิ้น 1962 (LH 516) ในทองแดงที่ยืนอยู่นอกบ้านของรัฐสภา เขากลายเป็นไอคอนสำหรับราชอาณาจักรหลังสงคราม บางสิ่งบางอย่างของสถาบันการศึกษาแห่งชาติกับทุกคนที่ต้องการทำงาน โดยเฮนรี่มัวร์ จากช่วงทศวรรษ 1950 เป็นต้น ไปเพิ่มขึ้นอย่างมากในค่าคอมมิชชั่น มัวร์ผลิตประติมากรรมขนาดใหญ่มาก และจ้างผู้ช่วย Anthony Caro กษัตริย์ฟิลลิป จอห์นฟราน Malcolm วูดวาร์ด และมูล เลอร์ Michel เพื่อช่วยเขา ขนาดและปริมาณของงานของเขาเติบโต และเติบ โต รวม มีรูปปั้นเกี่ยวกับ 919, 5500 รูปวาด และกราฟิก 717

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จาก 1955-1974 มัวร์กลายเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของหอศิลป์แห่งชาติลอนดอน เขาเอารางวัลประติมากรรมระหว่างประเทศที่เวนิซ Biennale 24 ในปี 1948 และครั้งที่ 2 Biennale เซาเปาลูในปี 1953 ได้รับรางวัลของเพื่อนทหารกองเกียรติยศในปี 1955 สั่งซื้อบุญในปี 1963 และได้รับรางวัลราสมุสในปี 1968 เป็นเพียงไม่กี่จาก รายการกว่าเจ็ดสิบรางวัลที่เขาได้รับจากกว่าสิบประเทศ. มัวร์ได้รับค่าคอมมิชชั่นที่มีชื่อเสียงมากขึ้นในต่างประเทศรวมทั้งหินอ่อนโรมันอนุสาวรีย์รูปไสยาสน์ 1957-1958 (LH 416) ให้ยูเนสโกสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีสและที่บ้านมีดขอบนามธรรมสอง ชิ้น 1962 (LH 516) สีบรอนซ์ซึ่งย่อมาจากนอกบ้านของรัฐสภา เขาก็กลายเป็นไอคอนหลังสงครามอังกฤษบางสิ่งบางอย่างของสถาบันการศึกษาแห่งชาติกับทุกคนที่ต้องการทำงานโดยเฮนรีมัวร์ จากปี 1950 เป็นต้นมามีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในค่าคอมมิชชั่นมัวร์ผลิตประติมากรรมขนาดใหญ่มากและผู้ช่วยการจ้างงานรวมทั้งแอนโธนีคาโรฟิลลิปคิงจอห์นฟาร์นอัมมิลล์ส์วู้ดเวิร์ดและมิเชลมุลเลอร์ที่จะช่วยเขา ขนาดและปริมาณของการทำงานของเขาเติบโตและขยายตัว; ในขณะนี้มีประมาณ 919 รูปปั้น, ภาพวาดและ 5500 717 กราฟิก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จาก 1955 ถึง 1974 มัวร์เป็นผู้จัดการมรดกของหอศิลป์แห่งชาติ , ลอนดอน เขารับรางวัลประติมากรรมนานาชาติที่ 24 ในปี 1948 และ Biennale เวนิส Biennale 2 เซา เปาโลใน 2496 รางวัลของคู่หูของเกียรติใน 1955 , การสั่งซื้อของบุญใน 1963 และอีราสมุสรางวัลในปี 1968 เป็นเพียงไม่กี่จากรายการกว่า 70 รางวัลที่เขาได้รับจากกว่า 12 ประเทศ