Thus, one examines the structure of

Thus, one examines the structure of the polymer indirectly through a chemical reaction. A reaction that acts specifically at the 1,2-glycol linkages to cleave a polymer breaks it into smaller units, the size of which is determined by the number of monomer units between these sites. Treatment with periodate can cause this cleavage. On the assumption that all 1,2-glycol linkages are cleaved and that none of the head-to-tail linkages are cleaved during treatment with periodate, ∆ is equal to the increase in the number of molecules after cleavage divided by the total number of monomer units, as in equation (5.14):

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดังนั้น หนึ่งตรวจสอบโครงสร้างของพอลิเมอร์โดยทางอ้อมผ่านทางปฏิกิริยาเคมี ปฏิกิริยาที่ทำหน้าที่โดยเฉพาะที่เชื่อมโยง 1, 2 เอทิแบะเป็นพอลิเมอร์ แบ่งได้เป็นหน่วยขนาดเล็ก ขนาดที่ถูกกำหนด โดยจำนวนหน่วยน้ำยาระหว่างเว็บไซต์เหล่านี้ รักษา ด้วย periodate อาจทำให้เกิดความแตกแยกนี้ บนสมมติฐานที่ 1, 2 เอทิลิงค์ทั้งหมดจะแหวก และว่า ไม่มีการเชื่อมโยงหัวหางแหวกในระหว่างรักษาด้วย periodate ∆จะเท่ากับการเพิ่มขึ้นของจำนวนโมเลกุลหลังปริหาร ด้วยจำนวนหน่วยน้ำยา ในสมการ (5.14):

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดังนั้นหนึ่งตรวจสอบโครงสร้างของพอลิเมออ้อมผ่านปฏิกิริยาทางเคมี ปฏิกิริยาที่ทำหน้าที่เฉพาะที่เชื่อมโยง 1,2-ไกลคอลยึดลิเมอร์แบ่งออกเป็นหน่วยที่เล็กกว่าขนาดของซึ่งจะถูกกำหนดโดยจำนวนหน่วยโมโนเมอร์ระหว่างเว็บไซต์เหล่านี้ การรักษาด้วย periodate สามารถก่อให้เกิดความแตกแยกนี้ บนสมมติฐานว่าทุกการเชื่อมโยง 1,2-ไกลคอลที่มีการตัดและว่าไม่มีความเชื่อมโยงหัวไปหางจะแยกระหว่างการรักษาด้วย periodate, Δเท​​่ากับเพิ่มขึ้นในจำนวนของโมเลกุลหลังจากแตกแยกหารด้วยจำนวนรวมของ หน่วยโมโนเมอร์เช่นเดียวกับในสมการ (5.14)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดังนั้นหนึ่งตรวจสอบโครงสร้างของพอลิเมอร์โดยอ้อมผ่านปฏิกิริยาทางเคมี ปฏิกิริยาที่ทำหน้าที่เฉพาะใน 1,2-glycol เชื่อมโยงเพื่อตัดพอลิเมอร์แบ่งเป็นห้องขนาดเล็ก มีขนาด ซึ่งจะถูกกำหนดโดยจำนวนหน่วยโมโนเมอร์ระหว่างเว็บไซต์เหล่านี้ การรักษาด้วย periodate สามารถก่อให้เกิดความแตกแยกนี้ บนสมมติฐานที่ 12-glycol ของการเชื่อมโยงที่ไม่มีหัวและหางของการเชื่อมโยงระหว่างการรักษาด้วย periodate ∆ , ก็เท่ากับเพิ่มจำนวนโมเลกุลหลังจากการแบ่งตามจำนวนของหน่วยโมโนเมอร์ ในสมการ ( 5.14 )