ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อสมเด การแปล - ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อสมเด ไทย วิธีการพูด

ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ทรงลงมือกำจัดจลาจลที่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดกรุงธนบุรีสำเร็จแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมา และได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรีด้วย โดยทรงพระนามให้ตนเองว่า “ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

สภาพภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์
ภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณแหลมที่ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก และมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าให้ขุดคูพระนครขึ้นตั้งแต่บริเวณบางลำภูไปจนถึงวัดเลียบ ซึ่งมีผลให้กรุงรัตนโกสินทร์มีสภาพคล้ายกับเกาะสองชั้น ในขณะเดียวกัน ก็โปรดให้มีการสร้างพระบรมมหาราชวังแบบง่ายๆขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย ส่วนกำแพงของพระนครนั้นก็สร้างจากอิฐของกรุงศรีอยุธยา
และเนื่องจากกรุงรัตนโกสินทร์ มีชัยภูมิในการป้องกันข้าศึกชั้นเยี่ยม ทั้งมีแม่น้ำเจ้าพระยาขวางกั้นทางด้านตะวันตก และมีกรุงธนบุรีที่ดัดแปลงเป็นค่ายคอยต้านข้าศึกเอาไว้ ทำให้พม่าไม่สามารถยกทัพมาบุกกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลยสักครั้ง

กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จะหมายถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเชื่อมต่อระหว่างประวัติศาสตร์ยุคเก่าและประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ที่มีการพัฒนาประเทศไป ตามอารยธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก หากกล่าวถึงความรุ่งเรืองในด้านต่างๆในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สามารถแบ่งได้มีดังนี้
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลงจากสมัยอยุธยาเท่าไรนัก กล่าวคือ ยังคงมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุขสูงสุดในการปกครองประเทศอยู่ ส่วนการปกครองส่วนกลาง จะแบ่งลักษณะได้ดังนี้ คือ
อัครมหาเสนาบดีแบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่ง ได้แก่
สมุหกลาโหม ถือเป็นหัวหน้าฝ่ายทหาร และทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้
สมุหนายก ถือเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน และทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือ
จตุสดมภ์ แบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสมุหนายก จตุสดมภ์ แบ่งออกเป็น เสนาบดีกรมเมือง เสนาบดีกรมวัง เสนาบดีกรมคลัง และ เสนาบดีกรมนา

กฎหมายที่ใช้ในการปกครองในยุคสมัยนี้ ก็ถือเลียนแบบอย่างจากกฎหมายสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรี แต่ได้นำมาปรับแก้ไขให้ทันยุคทันสมัยขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1 เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า “กฎหมายตราสามดวง” อันได้แก่ ตราราชสีห์ ตราคชสีห์ และตราบัวแก้ว ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ ก็ถูกใช้กันมาอย่างยาวนานจนถึงในสมัยของรัชกาลที่ 5

กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ประวัติศาสตร์ไทยช่วงนี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และมีการทำ “สนธิสัญญาเบาริง” ในสมัยรัชกาลที่ 4เพราะรัชกาลที่ 4 ทรงตระหนักได้ถึงภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยม ซึ่งกำลังไล่คุกคามประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนั้น รัชกาลที่ 4 จึงทรงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายมาเป็นการคบค้ากับชาติตะวันตกมากขึ้น เพื่อความอยู่รอดของประเทศจึงได้ทำ ‘สนธิสัญญาเบาริง’ กับประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะนั้นโดยมี เซอร์ จอห์น เบาริงเข้ามาเป็นราชทูตเจรจากับไทย

ด้านกฎหมายและการศาลในสมัยรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้ตรากฎหมายขึ้นหลายฉบับ เพื่อทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กฎหมายมรดก สินสมรส เป็นต้น ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มี “กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์” ผู้เป็นพระบิดาแห่งกฎหมายไทย เป็นบุคคลสำคัญในการปฏิรูปกฎหมายและการศาลในหลายๆด้าน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ทรงลงมือกำจัดจลาจลที่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดกรุงธนบุรีสำเร็จแล้วพระองค์ก็ได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมาและได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรีด้วยโดยทรงพระนามให้ตนเองว่าซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน "สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช"สภาพภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์ภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่ในบริเวณแหลมที่ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านรัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าให้ขุดคูพระนครขึ้นตั้งแต่บริเวณบางลำภูไปจนถึงวัดเลียบซึ่งมีผลให้กรุงรัตนโกสินทร์มีสภาพคล้ายกับเกาะสองชั้นในขณะเดียวกันก็โปรดให้มีการสร้างพระบรมมหาราชวังแบบง่ายๆขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยส่วนกำแพงของพระนครนั้นก็สร้างจากอิฐของกรุงศรีอยุธยาและเนื่องจากกรุงรัตนโกสินทร์มีชัยภูมิในการป้องกันข้าศึกชั้นเยี่ยมทั้งมีแม่น้ำเจ้าพระยาขวางกั้นทางด้านตะวันตกและมีกรุงธนบุรีที่ดัดแปลงเป็นค่ายคอยต้านข้าศึกเอาไว้ทำให้พม่าไม่สามารถยกทัพมาบุกกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลยสักครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นจะหมายถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเชื่อมต่อระหว่างประวัติศาสตร์ยุคเก่าและประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่มีการพัฒนาประเทศไปตามอารยธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตกหากกล่าวถึงความรุ่งเรืองในด้านต่างๆในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นสามารถแบ่งได้มีดังนี้การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงจากสมัยอยุธยาเท่าไรนักกล่าวคือยังคงมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุขสูงสุดในการปกครองประเทศอยู่ส่วนการปกครองส่วนกลางจะแบ่งลักษณะได้ดังนี้คืออัครมหาเสนาบดีแบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่งได้แก่สมุหกลาโหมถือเป็นหัวหน้าฝ่ายทหารและทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้สมุหนายกถือเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือนและทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือจตุสดมภ์แบ่งออกเป็น 4 ฝ่ายซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสมุหนายกจตุสดมภ์แบ่งออกเป็นเสนาบดีกรมเมืองเสนาบดีกรมวังเสนาบดีกรมคลังและเสนาบดีกรมนากฎหมายที่ใช้ในการปกครองในยุคสมัยนี้ก็ถือเลียนแบบอย่างจากกฎหมายสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีแต่ได้นำมาปรับแก้ไขให้ทันยุคทันสมัยขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1 เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า "กฎหมายตราสามดวง" อันได้แก่ตราราชสีห์ตราคชสีห์และตราบัวแก้วซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ก็ถูกใช้กันมาอย่างยาวนานจนถึงในสมัยของรัชกาลที่ 5กรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475ประวัติศาสตร์ไทยช่วงนี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของก้าวเข้าสู่ยุคใหม่และมีการทำ "สนธิสัญญาเบาริง" ในสมัยรัชกาลที่ 4เพราะรัชกาลที่ 4 ทรงตระหนักได้ถึงภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยมซึ่งกำลังไล่คุกคามประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนั้นรัชกาลที่ 4 จึงทรงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายมาเป็นการคบค้ากับชาติตะวันตกมากขึ้นเพื่อความอยู่รอดของประเทศจึงได้ทำ 'สนธิสัญญาเบาริง' กับประเทศอังกฤษซึ่งในขณะนั้นโดยมีเซอร์จอห์นเบาริงเข้ามาเป็นราชทูตเจรจากับไทยด้านกฎหมายและการศาลในสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้ตรากฎหมายขึ้นหลายฉบับเพื่อทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกฎหมายมรดกสินสมรสเป็นต้นส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มี "กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์" ผู้เป็นพระบิดาแห่งกฎหมายไทยเป็นบุคคลสำคัญในการปฏิรูปกฎหมายและการศาลในหลายๆด้าน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โดยทรงพระนามให้ตนเองว่า "สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" และมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านรัชกาลที่ 1 ในขณะเดียวกัน 1 ถึงรัชกาลที่ 3 ที่มีการพัฒนาประเทศไป กล่าวคือ หัวเรื่อง: การปกครองส่วนส่วนกลางจะแบ่งลักษณะได้ดังนี้คืออัครมหาเสนาบดีแบ่งออกเป็น2 ได้แก่ ตำแหน่งสมัครสมุหกลาโหมถือเป็นหัวหน้าฝ่ายทหาร ถือเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน แบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย จตุสดมภ์แบ่งออกเป็นเสนาบดีกรมเมืองเสนาบดีกรมวังเสนาบดีกรมคลังและ 1 เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า "กฎหมายตราสามดวง" อัน ได้แก่ ตราราชสีห์ตราคชสีห์และตราบัวแก้วซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ 5 กรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. และมีการทำ "สนธิสัญญาเบาริง" ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 4 เพื่อความอยู่รอดของประเทศจึงได้ทำ 'สนธิสัญญาเบาริง' กับประเทศอังกฤษซึ่งในขณะนั้นโดยมีเซอร์จอห์น 4 ทรงโปรดให้ตรากฎหมายขึ้นหลายฉบับ เช่นกฎหมายมรดกสินสมรสเป็นต้นส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มี "กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์" ผู้เป็นพระบิดาแห่งกฎหมายไทย





















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ทรงลงมือกำจัดจลาจลที่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดกรุงธนบุรีสำเร็จแล้วพระองค์ก็ได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมาและได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรีด้วย" สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช " ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน


สภาพภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์ภูมิประเทศของกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่ในบริเวณแหลมที่ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านรัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าให้ขุดคูพระนครขึ้นตั้งแต่บริเวณบางลำภูไปจนถึงวัดเลียบในขณะเดียวกันก็โปรดให้มีการสร้างพระบรมมหาราชวังแบบง่ายๆขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยส่วนกำแพงของพระนครนั้นก็สร้างจากอิฐของกรุงศรีอยุธยา
และเนื่องจากกรุงรัตนโกสินทร์มีชัยภูมิในการป้องกันข้าศึกชั้นเยี่ยมทั้งมีแม่น้ำเจ้าพระยาขวางกั้นทางด้านตะวันตกและมีกรุงธนบุรีที่ดัดแปลงเป็นค่ายคอยต้านข้าศึกเอาไว้

กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นจะหมายถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเชื่อมต่อระหว่างประวัติศาสตร์ยุคเก่าและประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่มีการพัฒนาประเทศไปหากกล่าวถึงความรุ่งเรืองในด้านต่างๆในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นสามารถแบ่งได้มีดังนี้
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงจากสมัยอยุธยาเท่าไรนักกล่าวคือยังคงมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุขสูงสุดในการปกครองประเทศอยู่ส่วนการปกครองส่วนกลางจะแบ่งลักษณะได้ดังนี้ความ
อัครมหาเสนาบดีแบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่งได้แก่
สมุหกลาโหมถือเป็นหัวหน้าฝ่ายทหารและทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ถือเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือนและทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือ

สมุหนายกจตุสดมภ์แบ่งออกเป็น 4 ฝ่ายซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสมุหนายกจตุสดมภ์แบ่งออกเป็นเสนาบดีกรมเมืองเสนาบดีกรมวังเสนาบดีกรมคลังและเสนาบดีกรมนา

กฎหมายที่ใช้ในการปกครองในยุคสมัยนี้ก็ถือเลียนแบบอย่างจากกฎหมายสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีแต่ได้นำมาปรับแก้ไขให้ทันยุคทันสมัยขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1 เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า " กฎหมายตราสามดวง " อันได้แก่ตราคชสีห์และตราบัวแก้วซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ก็ถูกใช้กันมาอย่างยาวนานจนถึงในสมัยของรัชกาลที่
5
กรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ . ศ . 2475
ประวัติศาสตร์ไทยช่วงนี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของก้าวเข้าสู่ยุคใหม่และมีการทำ " สนธิสัญญาเบาริง " ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะรัชกาลที่ 4 ทรงตระหนักได้ถึงภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยม
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: