This studywas carried out in order

This studywas carried out in order to understand the technical and economic characteristics of different Egyptian
Nile tilapia (Oreochromis niloticus) hatchery systems. Hatchery operators at fifty tilapia hatcheries in four
governorates were interviewed and four focus group discussions were held with 61 participants in March
2012. Technical characteristics and economic performance datawere obtained for three tilapia hatchery systems:
hapa-based in earthen ponds (hapa), hapa-based in greenhouse tunnels (greenhouse) and concrete tanks in
greenhouse tunnels with water heating (heated greenhouse).
The study showed that the average tilapia hatchery production was 9.92 million seed per year (5.82 million,
12.17 million and 12.25 million for hapa, greenhouse and heated greenhouse systems, respectively) while the
average employment level was 4.5 full-time equivalents (FTE). On average 95.8% of hatchery production was
sold as fry, while only 4.3% of seed production was sold as fingerlings. Both total costs and total revenues were
highest in heated greenhouse hatcheries, followed by greenhouse-based and lowest in hapa-based systems.
Net profits were highest in greenhouse-based systems (45.1% of sales), compared to both heated greenhouse
(33.2% of sales) and hapa-based systems (37.6% of sales).
Focus group discussions showed that hatchery operators currently face many critical factors: shortages of good
quality brood fish; poorwater quality and shortages ofwater; high fuel costs; lack of access to affordable finance;
a ban on fry transport between governorates; and limited knowledge of best management practices.
The study concluded that greenhouse-based hatcheries aremore profitable than heated greenhouse systems which
producemore but face additional costs and hapa-based hatcherieswhich are low-cost but have a shorter production
period. Greenhouse-based hatcheries are also more likely to remain profitable when faced with financial shocks

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Studywas นี้ทำความเข้าใจลักษณะทางเทคนิค และเศรษฐกิจของอียิปต์แตกต่างกันระบบโรงเพาะปลานิล (Oreochromis niloticus) แม่น้ำไนล์ ผู้ประกอบการโรงเพาะที่ hatcheries ปลานิล 50 ในสี่governorates ถูกสัมภาษณ์ และสนทนากลุ่มโฟกัส 4 ถือได้ว่า มีผู้เข้าร่วมที่ 61 ในเดือนมีนาคม2012 ลักษณะทางเทคนิคและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ datawere รับระบบโรงเพาะปลานิลสาม:hapa อยู่ในกระถางบ่อ (hapa), hapa อยู่ในเรือนกระจกอุโมงค์ (เรือนกระจก) และถังคอนกรีตในอุโมงค์เรือนกระจก ด้วยน้ำร้อน (อุ่นเรือนกระจก)การศึกษาพบว่า การผลิตปลานิลเฉลี่ยโรงเพาะคือ เมล็ด 9.92 ล้านต่อปี (5.82 ล้าน12.17 ล้านและล้าน = 12.25 hapa เรือนกระจก และ ระบบเรือนกระจกอุ่น ตามลำดับ) ในขณะระดับการจ้างงานเฉลี่ย 4.5 เทียบเท่าเต็มเวลา (ช่วย) โดยเฉลี่ยได้ 95.8% ของผลิตโรงเพาะขายเป็นทอด ในขณะขายเพียง 4.3% ของการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นชนิด ต้นทุนรวมและรายได้รวมสูงสุดในเรือนกระจกอุ่น hatcheries ตาม ด้วย ใช้เรือนกระจก และต่ำสุดในระบบที่ใช้ hapaกำไรสุทธิสูงที่สุดในเรือนกระจกตามระบบ (45.1% ของยอดขาย), เทียบกับเรือนกระจกทั้งอุ่น(33.2% ของยอดขาย) และระบบใช้ hapa (37.6% ของยอดขาย)สนทนากลุ่มมาแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการโรงเพาะกำลังเผชิญหลายปัจจัยสำคัญ: ของดีที่ขาดแคลนคุณภาพปลา brood poorwater คุณภาพและขาดแคลน ofwater ต้นทุนเชื้อเพลิงสูง ไม่สามารถเข้าถึงเงินราคาไม่แพงการห้ามขนส่งทอดระหว่าง governorates และปฏิบัติการจัดการความรู้จำกัดการศึกษาสรุป aremore hatcheries ใช้เรือนกระจกนั้นมีกำไรกว่าระบบเรือนกระจกอุ่นซึ่งproducemore แต่หน้าจ่าย และ hapa จาก hatcherieswhich ต้นทุนต่ำ แต่มีการผลิตสั้นลงรอบระยะเวลา เรือนกระจกตาม hatcheries มีแนวโน้มที่จะยังคงมีกำไรเมื่อเผชิญกับแรงกระแทกการเงิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้ studywas ดำเนินการเพื่อให้เข้าใจลักษณะทางเทคนิคและเศรษฐกิจของอียิปต์ที่แตกต่างกัน
ปลานิล (Oreochromis niloticus) ระบบโรงเพาะฟัก ผู้ประกอบการโรงเพาะฟักที่โรงเพาะฟักปลานิลห้าสิบสี่
Governorates ถูกสัมภาษณ์และสี่สนทนากลุ่มที่ถูกจัดขึ้นที่มีผู้เข้าร่วม 61 ในเดือนมีนาคม
2012 ลักษณะทางเทคนิคและ datawere ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่ได้รับสำหรับระบบโรงเพาะฟักปลานิลสาม:
ขั้นตอนที่ใช้ในบ่อดิน (Hapa) ​​Hapa ที่อยู่ในอุโมงค์เรือนกระจก (เรือนกระจก) และถังคอนกรีตใน
อุโมงค์เรือนกระจกด้วยน้ำร้อน (เรือนกระจกร้อน)
การศึกษาพบว่า การผลิตปลานิลโรงเพาะฟักเฉลี่ย 9,920,000 เมล็ดต่อปี (5,820,000,
12170000 และ 12250000 สำหรับ Hapa เรือนกระจกเรือนกระจกและระบบความร้อนตามลำดับ) ในขณะที่
ระดับการจ้างงานเฉลี่ย 4.5 เทียบเท่าเต็มเวลา (FTE) โดยเฉลี่ย 95.8% ของการผลิตในโรงเพาะฟักได้รับการ
ขายเป็นทอดขณะที่มีเพียง 4.3% ของการผลิตเมล็ดพันธุ์ขายเป็นลูกปลา ทั้งค่าใช้จ่ายรวมและรายได้รวม
สูงที่สุดในโรงเพาะฟักร้อนเรือนกระจกตามด้วยเรือนกระจกที่ใช้และต่ำสุดในระบบ Hapa ตาม
กำไรสุทธิที่สูงที่สุดในระบบเรือนกระจกตาม (45.1% ของยอดขาย) เมื่อเทียบกับทั้งสองเรือนกระจกร้อน
(33.2% ของยอดขาย) และระบบ Hapa-based (37.6% ของยอดขาย)
สนทนากลุ่มแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการโรงเพาะฟักในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัจจัยสำคัญหลายขาดแคลนที่ดี
พ่อแม่พันธุ์ที่มีคุณภาพ; ที่มีคุณภาพ poorwater และการขาดแคลนน้ำธรรมชาติ; ค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูง การขาดการเข้าถึงเงินทุนที่เหมาะสม;
ห้ามในการขนส่งระหว่างทอด Governorates; และความรู้ที่ จำกัด ของการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการ
การศึกษาสรุปได้ว่าโรงเพาะฟักเรือนกระจกตาม aremore กำไรกว่าระบบความร้อนเรือนกระจกซึ่ง
producemore แต่ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและ hatcherieswhich Hapa ที่ใช้มีต้นทุนต่ำ แต่มีการผลิตที่สั้นกว่า
ระยะเวลา โรงเพาะฟักเรือนกระจกที่ใช้นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะยังคงมีกำไรเมื่อต้องเผชิญกับแรงกระแทกทางการเงิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ดำเนินการเพื่อให้เข้าใจลักษณะทางเทคนิคและทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันของอียิปต์
ปลานิลที่เลี้ยงระบบฟาร์ม . ผู้ประกอบการโรงเพาะฟักในโรงเพาะฟักที่ 50 ปลานิล 4
เขตถูกสัมภาษณ์และสี่การอภิปรายกลุ่มจัดขึ้นด้วย 61 เข้าร่วมในเดือนมีนาคม
2012ลักษณะทางเทคนิคและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ และได้ 3 ระบบฟักไข่ปลานิล :
อยู่ในบ่อดิน ( Hapa Hapa Hapa อยู่ในเรือนกระจก ) อุโมงค์ ( เรือนกระจก ) และถังคอนกรีตในเรือนกระจกอุโมงค์น้ำความร้อนด้วย

( อุ่นเรือน ) พบว่า โดยเฉลี่ยฟักไข่ปลานิลการผลิตที่ดีต่อปี ( 5.82 ล้านเมล็ด ล้าน ,
12.17 ล้านบาทและ 1225 ล้าน Hapa , โรงเรือนและระบบเรือนกระจกอุ่นตามลำดับ ) ในขณะที่
ระดับการจ้างงานเฉลี่ย 4.5 เทียบเท่าเต็มเวลา ( FTE ) เฉลี่ยเปรียบเทียบ % ของการผลิตในโรงเพาะฟักคือ
ขายทอด ในขณะที่เพียงร้อยละ 4.3 ของการผลิตเมล็ดพันธุ์ขายเป็นลูกปลา . ทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดและรายได้รวมสูงสุดในโรงเรือนโรงเพาะฟักร้อน )
,ตามตามและถูกที่สุดในเรือนกระจก Hapa ตามระบบ กําไรสุทธิสูงสุด
ในโรงเรือนที่ใช้ระบบ ( 45.1 % ของยอดขาย ) , เมื่อเทียบกับทั้งอุ่นเรือน
( ร้อยละ 33.2 ของยอดขาย ) และ Hapa ตามระบบ ( 37.6 % ของยอดขาย ) .
การอภิปรายกลุ่มที่สนใจ พบว่า ผู้ประกอบการโรงเพาะฟักในขณะนี้เผชิญปัจจัยสําคัญมาก การขาดแคลนปลาคอกคุณภาพดี
; คุณภาพ poorwater และการขาดแคลนน้ำ ;ต้นทุนเชื้อเพลิงสูง การขาดการเข้าถึงเงินทุนที่ราคาไม่แพง ;
ห้ามทอดการขนส่งระหว่างเขต และความรู้ จำกัด ของการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการ .
การศึกษาสรุปได้ว่า โรงเรือนโรงเพาะฟักจะมีกำไรกว่าอุ่นเรือนตามระบบซึ่ง
producemore แต่ใบหน้าและ hatcherieswhich Hapa ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากต้นทุนต่ำ แต่มีระยะเวลาการผลิต
สั้นกว่าโรงเรือน โรงเพาะฟัก โดยยังมีแนวโน้มที่จะยังคงทำกำไรได้เมื่อเผชิญกับการกระแทกทางการเงิน