สี่หลักการพื้นฐานแนวทางการพัฒนาของแ

สี่หลักการพื้นฐานแนวทางการพัฒนาของแนวคิดดาวที่สว่างสดใสและการเลือกใช้วัสดุที่แสดงด้านล่าง ครั้งแรกที่ไม่มีแหล่งเดียวของความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ควรจะใช้ในการกำหนดวิธีการ "กลายเป็นดาวสุกใส." วิทยาศาสตร์ศาสนาปรัชญาประวัติศาสตร์วรรณกรรมและศิลปะแต่ละอยู่ในประเด็นที่แตกต่างกันให้ข้อมูลที่แตกต่างกันและมีมาตรฐานที่แตกต่างกันโดยที่จะตัดสินการรับรู้ของความเป็นจริงหรือความถูกต้องของแนวคิดและหลักการ ยกตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์บอกเราว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาในขณะที่วิทยาศาสตร์ระบุแนวคิดหลักการและกฎหมายที่ควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้น ศาสนาให้วิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคตและศีลธรรมจำเป็นเพื่อให้บรรลุมัน ศิลปะการแสดงประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และศาสนาในรูปแบบความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออก ปรัชญาให้โครงสร้างการจัดงานท​​ี่แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ของการเชื่อมต่อระหว่างความคิดและมีความหมายที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับช่องว่างตรรกะที่มีศักยภาพหรือความไม่ถูกต้อง แต่ละเหล่านี้สามารถให้มาตรฐานโดยที่เราสามารถตัดสินทางเลือกของวิธีการในการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กของการเชื่อมโยงกับวัสดุที่แสดงด้านล่างแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีตลอดจนความหลากหลายในหมู่แหล่งที่แตกต่างกันของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมนุษย์และการพัฒนา
ประการที่สองเป็นแนวคิดที่ได้รับการพัฒนาจาก "ระบบ" หรือ "organismic" มุมมอง (Huitt 2000; Lazslo 1996; เฮด 1978) จากมุมมองนี้บุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวเองจัด emergingsystem ที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ homeodynamic ทั้งภายในและภายนอก (เยตส์, 2002) นั่นคือภายในของแต่ละบุคคลจะพร้อมกันที่อยู่ทางจิตวิญญาณทางกายภาพทางปัญญาอารมณ์สังคม ฯลฯ ปัญหาและความต้องการ ภายนอกบุคคลที่มีอิทธิพลต่อและได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติสังคมและวัฒนธรรมบริบทซึ่งเป็นหนึ่งในชีวิต Bandura ของ (1986) แนวคิดของ "ชะตาซึ่งกันและกัน" และ Bronfenbrenner ของ (1979) แนวคิดของ "ระบบนิเวศของการพัฒนา" จับความคิดที่ว่าบุคคลทั้งสองมีอิทธิพลและได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นกระบวนทัศน์หรือวิวโลกที่จัดขึ้นโดยสมาชิกของสังคมและสอนให้เด็กและเยาวชนมีแผนที่ถนนที่ใช้เมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่และมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่พวกเขาและเด็กของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ สเติร์นส์ (1994) เห็นว่าหน่วยสืบราชการลับ (หรือความสามารถในการเรียนรู้) จะปรากฏขึ้นเมื่อบุคคลที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมเมื่อมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมหรือเมื่อมีการเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคน ๆ หนึ่งหรือความปรารถนาที่จะทำให้จุดเดียวกันนี้ มุมมองระบบเข้ากันได้กับที่ทันสมัย​​ที่สุดของกระบวนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ (เช่นคาปรา 1996; Lazslo, 1996) เช่นเดียวกับหลายปรัชญาของพระเจ้า (เช่น De Chardin 1989; Savi 1989; เฮด 1978)
ประการที่สามมนุษย์จะถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณความเชื่อพื้นฐานของทุกศาสนาหลักของโลกเช่นเดียวกับนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก (เช่นเทมเปิลและ Giniger, 1998) งานเขียนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาที่แตกต่างกันเป็นแหล่งสำคัญที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาฐานความรู้สำหรับวิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นเลิศจะมีลักษณะเช่นเดียวกับในแต่ละโดเมน นักปรัชญาได้รับการหารือเรื่องของจิตวิญญาณตั้งแต่สมัยโบราณอย่างสุดขั้วในงานเขียนของโสกราตีสและเพลโตและประวัติศาสตร์มีการบันทึกความสำเร็จของหลายประวัติศาสตร์ศาสนาและจิตวิญญาณตัวเลข จำนวนมากของภูมิปัญญาจากแหล่งเหล่านี้ได้รับการ amassed กว่าพัน ๆ ปีของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ วิทยาศาสตร์เป็นน้องใหม่ในกระบวนการนี​​้ในการที่งานเขียนของนักวิทยาศาสตร์ช่วงน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นมนุษย์ แม้จะมีความพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงมุมมองวัตถุนิยมทั้งหมดของมนุษย์โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญหลายอย่างเช่นไอน์สไต (1941) และจุง (1933) ได้ปฏิเสธมุมมองนี้
หลักการที่สี่คือการที่ประสบความสำเร็จในกิจการใด ๆ ที่เป็นผลมาจากครั้งแรกที่การพัฒนาวิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นไปได้ในการพัฒนาเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการการดำเนินการและการประเมินผลและในที่สุดก็สะท้อนให้เห็นถึงและการปรับจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการจะประสบความสำเร็จหรือ เป้าหมายใหม่ที่พัฒนาขึ้น แนวคิดของ W.Y.M.I.W.Y.G. (สิ่งที่คุณวัดคือสิ่งที่คุณได้รับ; ฮัมเมลและ Huitt, 1994) เป็นศูนย์กลางของกระบวนการนี​​้ สิ่งหนึ่งที่มุ่งเน้นไปที่ผ่านการประเมินและการวัดกลายเป็นผลสุดท้ายหนึ่งมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะได้รับก่อนหน้านี้ที่ระบุไว้หรือไม่หรือแม้กระทั่งถ้าบางผลอื่น ๆ ที่ได้รับการตั้งเป็นเป้าหมาย กล่าวอีกทางหนึ่งมนุษย์เติบโตต่อสิ่งที่พวกเขามุ่งเน้นไปที่ผ่านการประเมินและการวัด มันเป็นความสำคัญอย่างยิ่งว่าการประเมินระบบของความคืบหน้าในหลายมิติจะทำในฐานะนักการศึกษา (รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้นำชุมชน ฯลฯ ) ช่วยให้คนหนุ่มสาวในกระบวนการเจริญเติบโตของพวกเขาหลายมิติ; มิฉะนั้นพลังงานจะยังคงใส่ลงไปในมิติเดียวเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทักษะพื้นฐานที่วัดจากคะแนนการทดสอบมาตรฐาน ในขณะที่ตัวชี้วัดเดียวนี้อาจจะมีความสำคัญก็ไม่ได้จับภาพแบบเต็มรูปแบบขอบเขตของสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นมนุษย์หรือในการพัฒนาขีดความสามารถอย่างเต็มที่หนึ่งของ
มีความหลากหลายของวัสดุที่เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิสัยทัศน์และความสามารถในแต่ละโดเมนเหล่านี้และองค์ประกอบหลักเช่นเดียวกับเงื่อนไขสำหรับการพัฒนาที่มี เลือกคำที่เหมาะสมด้านล่างจะเชื่อมโยงกับวัสดุจากคัมภีร์ทางศาสนาวาทกรรมปรัชญาบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในพื้นที่เฉพาะหรืองานเขียนจากมุมมองของวิทยาศาสตร์ ความตั้งใจที่จะทำงานต่อการพัฒนาภูมิปัญญาหนึ่งเกี่ยวกับการพัฒนาและพฤติกรรมของมนุษย์ แน่นอนแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเช่นผู้ที่มาจากศิลปะและมนุษยศาสตร์ควรรวม แต่ฉันจะ

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สี่หลักการพื้นฐานแนวทางการพัฒนาของแนวคิดดาวที่สว่างสดใสและการเลือกใช้วัสดุที่แสดงด้านล่าง ครั้งแรกที่ไม่มีแหล่งเดียวของความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ควรจะใช้ในการกำหนดวิธีการ "กลายเป็นดาวสุกใส." วิทยาศาสตร์ศาสนาปรัชญาประวัติศาสตร์วรรณกรรมและศิลปะแต่ละอยู่ในประเด็นที่แตกต่างกันให้ข้อมูลที่แตกต่างกันและมีมาตรฐานที่แตกต่างกันโดยที่จะตัดสินการรับรู้ของความเป็นจริงหรือความถูกต้องของแนวคิดและหลักการ ยกตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์บอกเราว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาในขณะที่วิทยาศาสตร์ระบุแนวคิดหลักการและกฎหมายที่ควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นศาสนาให้วิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคตและศีลธรรมจำเป็นเพื่อให้บรรลุมันศิลปะการแสดงประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และศาสนาในรูปแบบความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกปรัชญาให้โครงสร้างการจัดงานที่แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ของการเชื่อมต่อระหว่างความคิดและมีความหมายที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับช่องว่างตรรกะที่มีศักยภาพหรือความไม่ถูกต้องแต่ละเหล่านี้สามารถให้มาตรฐานโดยที่เราสามารถตัดสินทางเลือกของวิธีการในการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กของการเชื่อมโยงกับวัสดุที่แสดงด้านล่างแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีตลอดจนความหลากหลายในหมู่แหล่งที่แตกต่างกันของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมนุษย์และการพัฒนาประการที่สองเป็นแนวคิดที่ได้รับการพัฒนาจาก "ระบบฯลฯ แล้วแต่" หรือ "organismic" รับ (Huitt 2000 Lazslo 1996 เฮด 1978) จากมุมมองนี้บุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวเองจัด emergingsystem ที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ homeodynamic ทั้งภายในและภายนอก (เยตส์ 2002) นั่นคือภายในของแต่ละบุคคลจะพร้อมกันที่อยู่ทางจิตวิญญาณทางกายภาพทางปัญญาอารมณ์สังคมฯลฯ ปัญหาและความต้องการภายนอกบุคคลที่มีอิทธิพลต่อและได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติสังคมและวัฒนธรรมบริบทซึ่งเป็นหนึ่งในชีวิต Bandura (1986) นั้น ๆ แนวคิดของ "ชะตาซึ่งกันและกัน" และ Bronfenbrenner นั้น ๆ (1979) แนวคิดของ "ระบบนิเวศของการพัฒนา" จับความคิดที่ว่าบุคคลทั้งสองมีอิทธิพลและได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมของพวกเขายกตัวอย่างเช่นกระบวนทัศน์หรือวิวโลกที่จัดขึ้นโดยสมาชิกของสังคมและสอนให้เด็กและเยาวชนมีแผนที่ถนนที่ใช้เมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่และมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่พวกเขาและเด็กของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่สเติร์นส์ (1994) เห็นว่าหน่วยสืบราชการลับ (หรหนึ่งหรือความปรารถนาที่จะทำให้จุดเดียวกันนี้ๆ ือความสามารถในการเรียนรู้) จะปรากฏขึ้นเมื่อบุคคลที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมเมื่อมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมหรือเมื่อมีการเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนมุมมองระบบเข้ากันได้กับที่ทันสมัยที่สุดของกระบวนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ (เช่นคาปรา 1996 Lazslo, 1996) เช่นเดียวกับหลายปรัชญาของพระเจ้า (เช่น De Chardin 1989 Savi 1989 เฮด 1978)ประการที่สามมนุษย์จะถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณความเชื่อพื้นฐานของทุกศาสนาหลักของโลกเช่นเดียวกับนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก (เช่นเทมเปิลและ Giniger, 1998) งานเขียนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาที่แตกต่างกันเป็นแหล่งสำคัญที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาฐานความรู้สำหรับวิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นเลิศจะมีลักษณะเช่นเดียวกับในแต่ละโดเมนนักปรัชญาได้รับการหารือเรื่องของจิตวิญญาณตั้งแต่สมัยโบราณอย่างสุดขั้วในงานเขียนของโสกราตีสและเพลโตและประวัติศาสตร์มีการบันทึกความสำเร็จของหลายประวัติศาสตร์ศาสนาและจิตวิญญาณตัวเลขจำนวนมากของภูมิปัญญาจากแหล่งเหล่านี้ได้รับการสกว่าพันๆ ปีของประวัติศาสตร์ของมนุษย์วิทยาศาสตร์เป็นน้องใหม่ในกระบวนการนี้ในการที่งานเขียนของนักวิทยาศาสตร์ช่วงน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นมนุษย์แม้จะมีความพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงมุมมองวัตถุนิยมทั้งหมดของมนุษย์โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญหลายอย่างเช่นไอน์สไต (1941) และจุง (1933) ได้ปฏิเสธมุมมองนี้หลักการที่สี่คือการที่ประสบความสำเร็จในกิจการใด ๆ ที่เป็นผลมาจากครั้งแรกที่การพัฒนาวิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นไปได้ในการพัฒนาเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการการดำเนินการและการประเมินผลและในที่สุดก็สะท้อนให้เห็นถึงและการปรับจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการจะประสบความสำเร็จหรือ เป้าหมายใหม่ที่พัฒนาขึ้น แนวคิดของ W.Y.M.I.W.Y.G. (สิ่งที่คุณวัดคือสิ่งที่คุณได้รับ; ฮัมเมลและ Huitt, 1994) เป็นศูนย์กลางของกระบวนการนี ้ สิ่งหนึ่งที่มุ่งเน้นไปที่ผ่านการประเมินและการวัดกลายเป็นผลสุดท้ายหนึ่งมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะได้รับก่อนหน้านี้ที่ระบุไว้หรือไม่หรือแม้กระทั่งถ้าบางผลอื่นๆ ที่ได้รับการตั้งเป็นเป้าหมายกล่าวอีกทางหนึ่งมนุษย์เติบโตต่อสิ่งที่พวกเขามุ่งเน้นไปที่ผ่านการประเมินและการวัดมันเป็นควช่วยให้คนหนุ่มสาวในกระบวนการเจริญเติบโตของพวกเขาหลายมิติามสำคัญอย่างยิ่งว่าการประเมินระบบของความคืบหน้าในหลายมิติจะทำในฐานะนักการศึกษา (รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้นำชุมชนฯลฯ) มิฉะนั้นพลังงานจะยังคงใส่ลงไปในมิติเดียวเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทักษะพื้นฐานที่วัดจากคะแนนการทดสอบมาตรฐานในขณะที่ตัวชี้วัดเดียวนี้อาจจะมีความสำคัญก็ไม่ได้จับภาพแบบเต็มรูปแบบขอบเขตของสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นมนุษย์หรือในการพัฒนาขีดความสามารถอย่างเต็มที่หนึ่งของมีความหลากหลายของวัสดุที่เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิสัยทัศน์และความสามารถในแต่ละโดเมนเหล่านี้และองค์ประกอบหลักเช่นเดียวกับเงื่อนไขสำหรับการพัฒนาที่มี เลือกคำที่เหมาะสมด้านล่างจะเชื่อมโยงกับวัสดุจากคัมภีร์ทางศาสนาวาทกรรมปรัชญาบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในพื้นที่เฉพาะหรืองานเขียนจากมุมมองของวิทยาศาสตร์ ความตั้งใจที่จะทำงานต่อการพัฒนาภูมิปัญญาหนึ่งเกี่ยวกับการพัฒนาและพฤติกรรมของมนุษย์ แน่นอนแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเช่นผู้ที่มาจากศิลปะและมนุษยศาสตร์ควรรวม แต่ฉันจะ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"กลายเป็นดาวสุกใส."
"ระบบ" หรือ "organismic" มุมมอง (Huitt 2000 Lazslo 1996 เฮด 1978) emergingsystem ที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ homeodynamic ทั้งภายในและภายนอก (เยตส์, 2002) ฯลฯ ปัญหาและความต้องการ Bandura ของ (1986) แนวคิดของ "ชะตาซึ่งกันและกัน" และ Bronfenbrenner ของ (1979) แนวคิดของ "ระบบนิเวศของการพัฒนา" สเติร์นส์ (1994) เห็นว่าหน่วยสืบราชการลับ (หรือความสามารถในการเรียนรู้) ๆ (เช่นคาปรา 1996 Lazslo, 1996) เช่นเดียวกับหลายปรัชญาของพระเจ้า (เช่น De Chardin ปี 1989 Savi ปี 1989 เฮด
(เช่นเทมเปิลและ Giniger, 1998) ไว้ด้วยกันกว่าพัน ๆ ปีของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ (1941) และจุง (1933)
ๆ เป้าหมายใหม่ที่พัฒนาขึ้นแนวคิดของ WYMIWYG (สิ่งที่คุณวัดคือสิ่งที่คุณ ได้รับ ; ฮัมเมลและ Huitt, 1994) เป็นศูนย์กลางของกระบวนการนี้ ๆ ที่ได้รับการตั้งเป็นเป้าหมาย (รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้นำชุมชน ฯลฯ )
แต่ฉันจะ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สี่หลักการพื้นฐานแนวทางการพัฒนาของแนวคิดดาวที่สว่างสดใสและการเลือกใช้วัสดุที่แสดงด้านล่างครั้งแรกที่ไม่มีแหล่งเดียวของความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ควรจะใช้ในการกำหนดวิธีการ " กลายเป็นดาวสุกใส " วิทยาศาสตร์ศาสนาปรัชญาประวัติศา สตร์วรรณกรรมและศิลปะแต่ละอยู่ในประเด็นที่แตกต่างกันให้ข้อมูลที่แตกต่างกันและมีมาตรฐานที่แตกต่างกันโดยที่จะตัดสินการรับรู้ของความเป็นจริงหรือความถูกต้องของแนวคิดและหลักการยกตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์บอกเราว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาในขณะที่วิทยา ศาสตร์ระบุแนวคิดหลักการและกฎหมายที่ควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นศาสนาให้วิสัยทัศน์ของสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคตและศีลธรรมจำเป็นเพื่อให้บรรลุมันศิลปะการแสดงประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และศาสนาในรูปแบบความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกปรัชญาให้โครงสร้างการจัดงานท​​ี่แส ดงให้เห็นความเป็นไปได้ของการเชื่อมต่อระหว่างความคิดและมีความหมายที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับช่องว่างตรรกะที่มีศักยภาพหรือความไม่ถูกต้องแต่ละเหล่านี้สามารถให้มาตรฐานโดยที่เราสามารถตัดสินทางเลือกของวิธีการในการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กขอ งการเชื่อมโยงกับวัสดุที่แสดงด้านล่างแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีตลอดจนความหลากหลายในหมู่แหล่งที่แตกต่างกันของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมนุษย์และการพัฒนาประการที่สองเป็นแนวคิดที่ได้รับการพัฒนาจาก " ระบบ " ค็อค " organismic " มุมมอง ( huitt 2000 ; ลาซโลไป 1996 ; เฮด 1978 ) จากมุมมองนี้บุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวเองจัด emergingsystem ที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ homeodynamic ทั้งภายในและภายนอก ( เยตส์ , 2002 ) นั่นคือภายในของแต่ละบุคคลจะพร้อมกันที่อยู่ทางจิตวิญญาณทางกายภาพทางปัญญาอ ารมณ์สังคมฯลฯปัญหาและความต้องการภายนอกบุคคลที่มีอิทธิพลต่อและได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติสังคมและวัฒนธรรมบริบทซึ่งเป็นหนึ่งในชีวิตของ Bandura ( 1986 ) แนวคิดของ " ชะตาซึ่งกันและกัน " และบร เฟนเบรนเนอร์ของ ( 1979 ) แนวคิดของ " ระบบนิเวศของการพัฒนา " จับความคิดที่ว่าบุคคลทั้งสองมีอิทธิพลและได ้รับอิทธ