Main article: Invention of the tele

Main article: Invention of the telephone
By 1874, Bell's initial work on the harmonic telegraph had entered a formative stage with progress it made both at his new Boston "laboratory" (a rented facility) as well as at his family home in Canada a big success.[N 15] While working that summer in Brantford, Bell experimented with a "phonautograph", a pen-like machine that could draw shapes of sound waves on smoked glass by tracing their vibrations. Bell thought it might be possible to generate undulating electrical currents that corresponded to sound waves.[67] Bell also thought that multiple metal reeds tuned to different frequencies like a harp would be able to convert the undulating currents back into sound. But he had no working model to demonstrate the feasibility of these ideas.[68]
In 1874, telegraph message traffic was rapidly expanding and in the words of Western Union President William Orton, had become "the nervous system of commerce". Orton had contracted with inventors Thomas Edison and Elisha Gray to find a way to send multiple telegraph messages on each telegraph line to avoid the great cost of constructing new lines.[69] When Bell mentioned to Gardiner Hubbard and Thomas Sanders that he was working on a method of sending multiple tones on a telegraph wire using a multi-reed device, the two wealthy patrons began to financially support Bell's experiments.[70] Patent matters would be handled by Hubbard's patent attorney, Anthony Pollok.[71]
In March 1875, Bell and Pollok visited the famous scientist Joseph Henry, who was then director of the Smithsonian Institution, and asked Henry's advice on the electrical multi-reed apparatus that Bell hoped would transmit the human voice by telegraph. Henry replied that Bell had "the germ of a great invention". When Bell said that he did not have the necessary knowledge, Henry replied, "Get it!" That declaration greatly encouraged Bell to keep trying, even though he did not have the equipment needed to continue his experiments, nor the ability to create a working model of his ideas. However, a chance meeting in 1874 between Bell and Thomas A. Watson, an experienced electrical designer and mechanic at the electrical machine shop of Charles Williams, changed all that.
With financial support from Sanders and Hubbard, Bell hired Thomas Watson as his assistant,[N 16] and the two of them experimented with acoustic telegraphy. On June 2, 1875, Watson accidentally plucked one of the reeds and Bell, at the receiving end of the wire, heard the overtones of the reed; overtones that would be necessary for transmitting speech. That demonstrated to Bell that only one reed or armature was necessary, not multiple reeds. This led to the "gallows" sound-powered telephone, which could transmit indistinct, voice-like sounds, but not clear speech.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทความหลัก: การประดิษฐ์ของโทรศัพท์
โดย 1874 การทำงานเริ่มต้นระฆังในโทรเลขประสานเข้ามาในขั้นตอนการก่อสร้างมีความคืบหน้าจะทำทั้งสองที่ใหม่ boston "ห้องปฏิบัติการ" เขา (สถานที่เช่า) เช่นเดียวกับที่บ้านของครอบครัวของเขาในแคนาดา ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่. [n 15] ในขณะที่ทำงานในฤดูร้อนที่แบรนต์ระฆังทดลองกับ "phonautograph"เครื่องมีลักษณะคล้ายปากกาที่สามารถวาดรูปทรงของคลื่นเสียงบนกระจกรมควันโดยการติดตามการสั่นสะเทือนของพวกเขา ระฆังคิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเป็นลูกคลื่นที่สอดคล้องกับเสียงคลื่น. [67] ระฆังยังคิดว่ากกโลหะหลายปรับไปที่ความถี่แตกต่างกันเช่นพิณจะสามารถแปลงกระแสคลื่นกลับเป็นเสียงแต่เขาไม่ได้มีรูปแบบการทำงานเพื่อแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ของความคิดเหล่านี้. [68]
ใน 1874, การจราจรข้อความโทรเลขการขยายตัวอย่างรวดเร็วและในคำพูดของ Western Union ประธานาธิบดีวิลเลียมออร์ตันได้กลายเป็น "ระบบประสาทของการค้า"ออร์ตันได้สัญญากับเอดิสันนักประดิษฐ์ thomas และเอลีชาสีเทาที่จะหาทางในการส่งข้อความโทรเลขหลายสายโทรเลขแต่ละที่จะหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ดีของการสร้างสายใหม่. [69] เมื่อระฆังดังกล่าวไปยังการ์ดิเนอฮับบาร์ดและแซนเดอ thomas ว่าเขากำลังทำงานอยู่บน วิธีการในการส่งโทนสีหลายสายโทรเลขใช้อุปกรณ์หลายกกสองผู้อุปถัมภ์รวยเริ่มให้เงินสนับสนุนการทดลองระฆังของ. [70] เรื่องสิทธิบัตรจะได้รับการจัดการโดยทนายความสิทธิบัตรฮับบาร์ด, แอนโธนี POLLOK. [71]
มีนาคม 1875, ระฆังและ POLLOK เยี่ยมนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง joseph henry ซึ่งตอนนั้นผู้อำนวยการของ สถาบันมิ ธ โซเนียนและขอแนะนำ henry บนอุปกรณ์หลายกกไฟฟ้าที่ระฆังหวังว่าจะส่งเสียงมนุษย์โดยโทรเลข henry ตอบว่าระฆังมี "เชื้อโรคของสิ่งประดิษฐ์ที่ดี" เมื่อระฆังบอกว่าเขาไม่ได้มีความรู้ที่จำเป็นเฮนรี่ตอบว่า "ได้รับมัน" ประกาศว่าได้รับการสนับสนุนอย่างมากระฆังเพื่อให้พยายามถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำเนินการต่อการทดลองของเขาหรือความสามารถในการสร้างรูปแบบการทำงานของความคิดของเขา แต่มีโอกาสได้พบในระหว่าง 1874 ระฆังและโทมัส วัตสัน, ผู้ออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสบการณ์และช่างที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าของชาร์ลส์วิลเลียมส์, การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่.
ด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากแซนเดอและฮับบาร์ดระฆังได้รับการว่าจ้างโทมัสวัตสันเป็นผู้ช่วยของเขา [n 16] และทั้งสองของพวกเขาทดลองกับโทรเลขอะคูสติก เมื่อ 2 มิถุนายน 1875 วัตสันตั้งใจดึงหนึ่งในกกและระฆังที่สิ้นสุดการรับของสายได้ยินเสียงหวือหวาของกก; หวือหวาที่จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการส่งสัญญาณเสียงพูด ที่แสดงให้เห็นว่ามีเพียงระฆังหนึ่งกกหรือกระดองเป็นสิ่งจำเป็นไม่กกหลายนี้นำไปสู่​​การ "ตะแลงแกง" เสียงโทรศัพท์ที่ขับเคลื่อนด้วยซึ่งอาจส่งไม่ชัดเสียงเสียงเหมือน แต่ไม่ได้พูดชัดเจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทความหลัก: การประดิษฐ์ของโทรศัพท์
โดย 1874 ของเบลล์ทำงานเริ่มต้นมีค่าโทรเลขได้ป้อนระยะความอุดมสมบูรณ์ มีความคืบหน้าในการทำทั้ง ที่บอสตันเขาใหม่ "ปฏิบัติ" (สถานที่เช่า) และ ในครอบครัวที่บ้านในแคนาดาความสำเร็จ[N 15] ในขณะที่ทำงานที่ร้อน Brantford เบลล์เบื้อง ด้วยการ "phonautograph" เครื่องเหมือนปากกาที่สามารถวาดรูปร่างของคลื่นเสียงในกระจกรมควัน โดยการลอกลายการสั่นสะเทือน เบลล์คิดว่า อาจจะสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าลำบากที่ corresponded กับคลื่นเสียง[67] เบลล์คิดว่า reeds โลหะหลายที่ปรับให้ความถี่แตกต่างกันเช่นฮาร์ปจะสามารถแปลงเป็นกระแสลำบากกลับเสียง แต่เขามีแบบจำลองแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของแนวคิดเหล่านี้ทำงานไม่[68]
ใน 1874 ส่งโทรเลขจราจรข้อความถูกขยายอย่างรวดเร็ว และในคำพูดของเวสเทิร์นยูเนี่ยนประธานาธิบดี William Orton ได้กลายเป็น "ระบบประสาทค้า" Orton ได้สัญญากับนักประดิษฐ์ที่โทมัสเอดิสันและเกรย์เพื่อค้นหาวิธีการส่งหลายข้อความแต่ละบรรทัดโทรเลขเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายมากในการสร้างบรรทัดใหม่สำหรับการส่งโทรเลข[69] เมื่อเบลล์กล่าว Gardiner Hubbard และแซนเดอร์ส์โทมัสที่เขาทำงานกับวิธีการส่งหลายโทนบนสายโทรเลขที่ใช้อุปกรณ์หลายลิ้น เริ่มเหนื่อยรวยสองเงินสนับสนุนการทดลองของเบลล์[70] จะจัดการเรื่องสิทธิตามสิทธิบัตรของ Hubbard ทนายความ แอนโทนี Pollok[71]
ใน 1875 มีนาคม เบลล์และ Pollok ชมนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโจเซฟเฮนรี ที่ถูกแล้วกรรมการของสถาบันสมิธโซเนียน และขอคำแนะนำของเฮนรีบนเครื่องหลายลิ้นไฟฟ้าเบลล์ที่หวังจะส่งเสียงมนุษย์ ด้วยโทรเลข เฮนรี่ตอบว่า เบลล์มี "จมูกของสิ่งประดิษฐ์ที่ดี" เมื่อเบลล์กล่าวว่า เขาไม่มีความรู้ที่จำเป็น เฮนรี่ตอบ "รับ" รายงานที่สนับสนุนให้เบลล์ให้พยายาม มาก ถึงแม้ว่าเขาไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทดลองของเขา และไม่สามารถสร้างแบบจำลองการทำงานของความคิดของเขา อย่างไรก็ตาม พบกันโดยบังเอิญใน 1874 ระหว่างเบลล์และ Thomas A. Watson ออกแบบไฟฟ้าที่มีประสบการณ์และช่างที่ร้านเครื่องไฟฟ้าของชาร์ลส์วิลเลียมส์ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่.
ด้วยการสนับสนุนจากแซนเดอร์ส์และ Hubbard เบลล์จ้างโทมัสวัตสันเป็นผู้ช่วยของเขา, [N 16] และเขาทั้งสองเบื้องกับโทรเลขอะคูสติก บน 2 มิถุนายน 1875, Watson ตั้งใจออกหนึ่ง reeds และเบลล์ จบรับสาย ฟังเสียง overtones ของกก overtones ที่จะจำเป็นสำหรับการส่งเสียง ที่แสดงให้เบลล์ว่า ลิ้นหรือกระดองเดียวไม่จำเป็น ไม่หลาย reeds นี้นำไปสู่การ "แขวนคอนักโทษ" ขับเคลื่อนเสียงโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งเสียง เหมือนเสียง indistinct แต่ไม่ชัดเจนเสียง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้อสำคัญ:การประดิษฐ์ของโทรศัพท์
โดย 1874 , Bell ครั้งแรกของงานที่ค่าความเพี้ยนเชิงฮาร์มอนิกโทรเลขได้เข้ามาที่ก่อสร้างเวทีกับความก้าวหน้าทำให้ทั้งที่เขาใหม่ Boston "ห้องปฏิบัติการ"(ที่เช่าส่วนอำนวยความสะดวกด้าน)รวมทั้งที่บ้านของเขาในแบบครอบครัวในประเทศแคนาดาที่ขนาดใหญ่ประสบความสำเร็จ.[ N 15 ]ในขณะที่การทำงานว่าฤดูร้อนใน brantford , Bell ทดลองด้วย" phonautograph ",เครื่องที่มีลักษณะคล้ายปากกาที่ไม่สามารถดึงรูปทรงของคลื่นเสียงที่กระจกรมควันโดยการติดตามการสั่นของพวกเขา. เสียงระฆังคิดว่าอาจเป็นไปได้ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเป็นลอนคลื่นที่สอดคล้องกับคลื่นเสียง.[ 67 ]ระฆังยังคิดว่ากกโลหะหลายปรับแต่งเพื่อความถี่แตกต่างกันไปเช่นพิณจะได้สามารถแปลงกระแสไฟเป็นลอนคลื่นที่กลับเข้าไปในระบบเสียงแต่เขาไม่มีรุ่นทำงานเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของความคิดเหล่านี้.[ 68 ]
ใน 1874 การจราจรข้อความโทรเลขได้อย่างรวดเร็วและการขยายในถ้อยคำของตะวันตก Union กรรมการผู้จัดการใหญ่ orton วิลเลียมได้กลายเป็น"ระบบประหม่าของกระทรวงพาณิชย์"orton มีสัญญากับชมรมรถเมอร์เซเดส Thomas Edison และเอลีชา"สีเทาเพื่อค้นหาวิธีการในการส่งหลายข้อความโทรเลขในแต่ละสายโทรเลขสายเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้นทุนในการสร้างบรรทัดใหม่.[ 69 ]เมื่อระฆังกล่าวถึง Lower Gardiner Hubbard และโทมัส just men ที่เขาทำงานในวิธีของการส่งหลายสีเอิร์ธโทนที่เป็นสายโทรเลขโดยใช้มัลติ - รีดอุปกรณ์,สองผู้ร่ำรวยที่เริ่มการเงินสนับสนุนการทดลองของระฆัง.[ 70 ]เรื่องสิทธิบัตรจะได้รับการจัดการโดยผู้รับมอบอำนาจสิทธิบัตรของแอนโธนี Hubbard pollok .[ 71 ]
ในเดือนมีนาคม 1875 ระฆัง pollok และเยี่ยมชมโยเซฟเฮนรีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่เป็นแล้วผู้อำนวยการของสถาบัน Smithsonian ที่และขอคำปรึกษาจากเฮนรีบนเครื่องมัลติ - รีดไฟฟ้าที่เสียงระฆังหวังว่าจะส่งเสียงมนุษย์ได้โดยเครื่องโทรเลข เฮนรีตอบว่าเสียงระฆัง"เชื้อของการประดิษฐ์ที่ดีเยี่ยม" เมื่อระฆังบอกว่าเขาไม่ได้มีความรู้ที่จำเป็นที่เฮนรีตอบว่า"จะได้รับนั้น!"คำประกาศที่เป็นอย่างมากให้การสนับสนุนเสียงระฆังจะต้องพยายามต่อไปแม้ว่าเขาไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำเนินการต่อหรือไม่?การทดลองของเขาหรือความสามารถในการสร้างรูปแบบการทำงานที่ความคิดของเขา อย่างไรก็ตามการที่มีโอกาสการประชุมใน 1874 ระหว่างกระดิ่งและโทมัส. A .วัตสัน,ที่มีประสบการณ์และมีการออกแบบระบบไฟฟ้าช่างไฟฟ้าเครื่องที่ร้านของ Charles Williams ,การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่. N พร้อมด้วยการสนับสนุนทางการเงินจาก just men และ Hubbard ,ระฆังจ้างโทมัสวัตสันเป็นผู้ช่วยของเขา[ N 16 ]และทั้งสองคนทดลองการโทรเลขอะคูสติก บนวันที่ 2 มิถุนายน 1875 วัตสันโดยไม่ได้ตั้งใจกระชากหนึ่งของระฆังและดงที่ปลายการรับสายที่ได้ยินเสียงแห่งนี้เป็นนัยของหน้าสัมผัสรีดอยู่ที่แห่งนี้เป็นนัยว่ามีความจำเป็นต้องส่งเสียงพูด ที่แสดงให้เห็นว่าเพื่อไปยัง Bell ว่าเพียงหนึ่ง Armature ,หรือหน้าสัมผัสรีดอยู่นั้นไม่จำเป็นกกหลายคนโรงแรมแห่งนี้เป็นที่"ถูกแขวนคอ"เสียง - เปิดใช้งานโทรศัพท์ซึ่งไม่สามารถส่งไม่ชัด,เสียงคล้ายเสียงแต่ไม่ชัดเจนเสียง