Conceptions and receptionAnarchist

Conceptions and reception
Anarchist and late 20th century perspectives
The influential 19th century anarchist activist and theorist Mikhail Bakunin had a view almost opposite of Marx's on the revolutionary potential of the lumpenproletariat vs. the proletariat.[5] Bakunin, according to Nicholas Thoburn, "considers workers' integration in capital as destructive of more primary revolutionary forces. For Bakunin, the revolutionary archetype is found in a peasant milieu (which is presented as having longstanding insurrectionary traditions, as well as a communist archetype in its current social form – the peasant commune) and amongst educated unemployed youth, assorted marginals from all classes, brigands, robbers, the impoverished masses, and those on the margins of society who have escaped, been excluded from, or not yet subsumed in the discipline of emerging industrial work ... in short, all those whom Marx sought to include in the category of the lumpenproletariat".[6]

However, in some societies, individual members of this class of people without formal employment have, on occasion, taken the lead in issuing a progressive challenge to society. One example is Abahlali baseMjondolo in the KwaZulu region of contemporary South Africa.[citation needed]

The Young Lords, once a Latino street gang, believed that revolutionary change would become a reality only via a coalition between workers and the lumpenproletariat.[citation needed]

In the late 1960s, Huey P. Newton and the Black Panther Party came to believe that the lumpenproletariat could have a progressive role. Newton argued that the economic and social system of his time was fundamentally different from that which Marx based his analysis on, saying, "As the ruling circle continue to build their technocracy, more and more of the proletariat will become unemployable, become lumpen, until they have become the popular class, the revolutionary class".[7] This is the class the Black Panther Party sought to organize, he said. Some disregard Newton's interpretation, saying he applied the term to, and sought to organize, the temporarily unemployed, rather than the true lumpen. However, a careful reading of his writings reveals repeated references to the "unemployed" and "unemployable" as those with revolutionary potential.

Frantz Fanon also argued in The Wretched of the Earth (1961) that revolutionary movements in colonized countries could not exclude the lumpenproletariat, as it constitutes both a counterrevolutionary and a revolutionary potential. He described the lumpenproletariat as "one of the most spontaneous and the most radically revolutionary forces of a colonized people". However, it is an ignorant and desperate class, particularly susceptible to being co-opted by counterrevolutionary forces. Therefore, he claimed, education of the dispossessed masses should be central to revolutionary strategy.[8]

The Communist Party of India (Marxist-Leninist) included the participation of Calcutta's criminal elements in the early 1970s. The Party saw this segment of Calcutta, largely consisting of people from marginalized upbringings, as capable of revolutionary violence. Members of this social stratum would then ideally reform themselves and become conventional revolutionaries, leaving behind anti-social activities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวและแผนกต้อนรับปลายศตวรรษที่ 20 มองและอนาธิปไตยอิทธิพลมาจากรูปแบบกิจกรรมอนาธิปไตยของศตวรรษที่ 19 และ theorist Bakunin มิคาอิลได้เกือบตรงข้ามของของ Marx อาจปฏิวัติของ lumpenproletariat เจอกรุงฯ [5] Bakunin ตาม Thoburn นิโคลัส "พิจารณารวมแรงงานในเมืองหลวงเป็นทำลายของกองกำลังปฏิวัติหลักมากขึ้น สำหรับ Bakunin แม่ปฏิวัติอยู่ในฤทธิ์ชาวนา (ที่แสดงมีผลพวง insurrectionary ประเพณี และแม่คอมมิวนิสต์ในรูปปัจจุบันที่สังคมแบบ – สนทนาชาวนา) และในหมู่เยาวชนว่างงานศึกษา marginals คละจากทุกชั้น brigands โจร ฝูงยาก และผู้ที่อยู่ในระยะขอบของสังคมที่ได้หลบหนี ถูกแยกออกจาก หรือยังไม่ ได้ subsumed ในวินัยการทำงานเกิดใหม่...ในระยะสั้น ผู้ที่ Marx ที่ต้องการรวมไว้ในประเภทของการ lumpenproletariat " [6]อย่างไรก็ตาม ในบางสังคม สมาชิกแต่ละระดับของคนที่ไม่ทำงานอย่างเป็นทางการนี้มี ในโอกาส นำในการออกความท้าทายก้าวหน้าให้สังคม ตัวอย่างหนึ่งคือ baseMjondolo Abahlali ในเขต KwaZulu ของแอฟริกาใต้ร่วมสมัย [อ้างจำเป็น]ขุนนางหนุ่ม ครั้งแก๊งถนนลาติน เชื่อว่า เปลี่ยนแปลงการปฏิวัติจะกลายเป็น จริงได้ผ่านทางรัฐบาลระหว่างแรงงานและการ lumpenproletariat [อ้างจำเป็น]ในช่วงปลายทศวรรษ 1960, P. Huey นิวตันและฝ่ายสีดำ Panther มาเชื่อว่า lumpenproletariat ที่สามารถมีบทบาทก้าวหน้า นิวตันโต้เถียงว่า ระบบเศรษฐกิจ และสังคมเวลาของเขามีพื้นฐานที่แตกต่างจากสิ่งที่ Marx ตามการวิเคราะห์ของเขา บอกว่า "วงปกครองต่อไปของพวกเขา technocracy เพิ่มเติม และเพิ่มเติมของกรุงฯ จะกลายเป็น unemployable เป็น lumpen จนกว่าพวกเขาเป็นชั้นยอด ระดับปฏิวัติ" [7] นี้เป็นชั้นของเสือดำดำพยายามที่จะจัดระเบียบ เขากล่าวว่า บางคนไม่สนใจการตีความของนิวตัน เขาใช้คำว่าการ และพยายามที่จะจัดระเบียบ ชั่วคราวงาน แทนที่เป็น lumpen อย่างไรก็ตาม การอ่านระมัดระวังของเขาเผยอ้างอิงซ้ำ "ว่างงาน" และ "unemployable" ที่ มีศักยภาพปฏิวัติFrantz Fanon ยังโต้เถียงในอนาถของโลก (1961) ที่ เคลื่อนไหวปฏิวัติยึดครองประเทศอาจยกเว้น lumpenproletariat เป็นมันเป็น counterrevolutionary แบบและศักยภาพที่แปลก เขาอธิบาย lumpenproletariat เป็น "หนึ่งกับธรรมชาติมากที่สุดและกองกำลังปฏิวัติสุดรุนแรงของผู้ยึดครอง" อย่างไรก็ตาม ก็ไม่รู้ และหวังคลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อการถูกเลือกร่วมโดยกองกำลัง counterrevolutionary ดังนั้น เขาอ้าง การศึกษาของมวลชน dispossessed ควรการปฏิวัติกลยุทธ์ [8]การคอมมิวนิสต์ของอินเดีย (Marxist-Leninist) รวมการมีส่วนร่วมขององค์ประกอบความผิดทางอาญาของกาลกัตต้าใน ฝ่ายเห็นกาลกัตต้า ส่วนนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยคนจาก upbringings เข้ม เป็นความสามารถในการปฏิวัติรุนแรง สมาชิกของชั้นทางสังคมนี้จะระดับปฏิรูปตัวเอง แล้วเป็น ธรรมดาปฏิวัติ ทิ้งกิจกรรมต่อต้านสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวความคิดและการรับ
อนาธิปไตยและปลายมุมมองศตวรรษที่ 20
มีอิทธิพล 19 กิจกรรมศตวรรษอนาธิปไตยและทฤษฎีมิคาอิลบาคูนินมีมุมมองที่เกือบจะตรงข้ามของมาร์กซ์ในศักยภาพการปฏิวัติของ lumpenproletariat กับชนชั้นแรงงาน. [5] บาคูนินตามที่นิโคลัส Thoburn "พิจารณา . บูรณาการแรงงานในเมืองหลวงเป็นการทำลายล้างของกองกำลังปฏิวัติหลักมากขึ้นสำหรับบาคูนิน, แม่แบบการปฏิวัติถูกพบในสภาพแวดล้อมชาวนา (ซึ่งแสดงว่ามีประเพณีต่อต้านยาวนานเช่นเดียวกับแม่แบบคอมมิวนิสต์ในรูปแบบทางสังคมในปัจจุบัน - ประชาคมชาวนา ) และการศึกษาในหมู่เยาวชนว่างงานมาร์จินสารพันจากทุกชั้นโจรโจรฝูงยากจนและผู้ที่อยู่ในขอบของสังคมที่ได้หนีรับการยกเว้นจากการหรือยังไม่ได้วิทยอยู่ในระเบียบวินัยของการทำงานที่เกิดขึ้นใหม่ในอุตสาหกรรม ... ในระยะสั้นทั้งหมดบรรดาผู้ที่มาร์กซ์พยายามที่จะรวมอยู่ในหมวดหมู่ของ lumpenproletariat ว่า ". [6] อย่างไรก็ตามในบางสังคมสมาชิกแต่ละคนของชั้นเรียนของคนนี้โดยไม่มีการจ้างงานอย่างเป็นทางการได้ในโอกาสมาเป็นผู้นำในการออกความท้าทายความก้าวหน้า ให้กับสังคม ตัวอย่างหนึ่งคือ Abahlali baseMjondolo ในภูมิภาค KwaZulu ร่วมสมัยแอฟริกาใต้. [อ้างจำเป็น] หนุ่มขุนนางเมื่อแก๊งข้างถนนลาตินเชื่อว่าการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจะกลายเป็นความจริงเพียงผ่านทางพันธมิตรระหว่างคนงานและ lumpenproletariat ได้. [ต้องการอ้างอิง] ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960, นิวตันและพรรคเสือดำมาถึงเชื่อว่า lumpenproletariat อาจมีบทบาทก้าวหน้า นิวตันเป็นที่ถกเถียงกันว่าระบบเศรษฐกิจและสังคมของเวลาที่เขาเป็นพื้นฐานที่แตกต่างจากสิ่งที่มาร์กซ์ตามการวิเคราะห์ของเขาบนว่า "ในฐานะที่เป็นวงกลมปกครองยังคงสร้างทีของพวกเขามากขึ้นของชนชั้นแรงงานจะกลายเป็นใช้การไม่กลายเป็น lumpen จน พวกเขาได้กลายเป็นที่นิยมระดับชั้นปฏิวัติ ". [7] นี่คือชั้น Panther ฝ่ายดำพยายามที่จะจัดระเบียบเขากล่าวว่า การตีความบางคนไม่สนใจของนิวตันเขาบอกว่าเขาใช้คำว่าไปและพยายามที่จะจัดระเบียบผู้ว่างงานชั่วคราวมากกว่า lumpen จริง อย่างไรก็ตามการอ่านอย่างระมัดระวังของงานเขียนของเขาเผยให้เห็นการอ้างอิงซ้ำไป "ตกงาน" และ "การไม่" เป็นผู้ที่มีศักยภาพการปฏิวัติ. ฟ Fanon ยังเป็นที่ถกเถียงกันในอนาถของโลก (1961) ความผันผวนของการปฏิวัติในประเทศอาณานิคมไม่สามารถยกเว้น lumpenproletariat ขณะที่มันถือว่าทั้ง counterrevolutionary และศักยภาพในการปฏิวัติ เขาอธิบาย lumpenproletariat เป็น "หนึ่งในธรรมชาติมากที่สุดและมากที่สุดการปฏิวัติอย่างรุนแรงกับกองกำลังของคนอาณานิคม" แต่มันเป็นความโง่เขลาและสิ้นหวังระดับโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่จะเป็นร่วมเลือกโดยกองกำลัง counterrevolutionary ดังนั้นเขาอ้างว่าการศึกษาของฝูงยึดทรัพย์ควรจะเป็นศูนย์กลางในการกลยุทธ์การปฏิวัติ. [8] พรรคคอมมิวนิสต์แห่งอินเดีย (มาร์กซ์-นิสต์) รวมถึงการมีส่วนร่วมขององค์ประกอบความผิดทางอาญาของกัลกัตในช่วงต้นปี 1970 พรรคเห็นส่วนของกัลกัตนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้คนจาก upbringings ด้อยเช่นความสามารถในการใช้ความรุนแรงการปฏิวัติ สมาชิกของสังคมชั้นนี้ก็จะนึกคิดปฏิรูปตัวเองและกลายเป็นปฎิวัติการชุมนุมออกจากหลังกิจกรรมต่อต้านสังคม