การจ่ายเงินปันผลของธุรกิจจะต้องดำเนินการตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้ มาตรา 1201 กำหนดห้ามมิให้ประกาศอนุญาตเงินปันผลนอกจากโดยมติของที่ประชุมใหญ่ กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฎแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่านั้นได้ ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ถ้าหากบริษัทขาดทุน ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนเช่นนั้น มาตรา ๑๒๐๒ ทุกคราวที่แจกเงินปันผล บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อยหนึ่งในยี่สิบส่วนของจำนวนผลกำไรซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึงหนึ่งในสิบของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้น แล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท ถ้าได้ออกหุ้นโดยคิดเอาราคาเกินกว่าที่ปรากฎในใบหุ้นเท่าใด จำนวนที่คิดเกินนี้ท่านให้บวกทบเข้าในทุนสำรองจนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนเท่าถึงที่กำหนดไว้ในวรรคก่อน มาตรา ๑๒๐๔ การบอกกล่าวว่าจะปันผลอย่างใดๆ อันได้อนุญาตให้จ่ายนั้น ให้บริษัทมีจดหมายบอกกล่าวไปยังตัวผู้ถือหุ้นที่ปรากฏชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกคน แต่ในกรณีที่บริษัทมีหุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ ให้โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวด้วย จากข้อกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น หมายความว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลได้ก็ต่อเมื่อบริษัทดำเนินกิจการมีกำไรเท่านั้น และการจ่ายเงินปันผลจะต้องจ่ายโดยมติที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น และทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินปันผลจะต้องกันสำรองตามกฎหมายในอัตราร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิจนกว่าจะครบร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน โดยการจ่ายเงินปันผลจะต้องโฆษณาในหนังสือแห่งท้องที่อย่างน้อย 1 ครั้ง และจะต้องมีจดหมายไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้น การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผล 1. เมื่อมีการประกาศจ่ายปันผล เดบิต กำไรสะสม เครดิต เงินปันผลค้างจ่าย 2. ตั้งสำรองตามกฎหมาย เดบิต กำไรสะสม เครดิต สำรองตามกฏหมาย 3. เมื่อจ่ายปันผล เดบิต เงินปันผลค้างจ่าย เครดิต เงินสด/ธนาคาร ภาษีหัก ณ ที่จ่ายค้างจ่าย 10%