Fast forward to Albert Einstein, wh

Fast forward to Albert Einstein, whose special theory of relativity radically reshaped our conception of time. One key aspect of the theory is the relativity of simultaneity. If events A and B are separated in space (i.e., not causally related) people in relative motion (e.g., walking and standing still) won't agree whether A and B happened simultaneously, or A was followed by B. This lack of absolute simultaneity, which is a function of the speed of light being constant, has some pretty freaky consequences.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรอไปข้างหน้ากับอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ พิเศษทฤษฎีของทฤษฎีสัมพัทธภาพก็ reshaped ความคิดของเราเวลา ประเด็นหนึ่งที่สำคัญของทฤษฎีคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพของความพร้อมกัน ถ้าเหตุการณ์ A และ B จะแบ่งใน คนพื้นที่ (เช่น causally ไม่เกี่ยวข้อง) ในการเคลื่อนไหวสัมพันธ์กัน (เช่น เดินและยืนยัง) จะเห็นว่า A และ B เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือ A ถูกตาม ด้วยบี ขาดสัมพันธ์สัมบูรณ์ ซึ่งเป็นฟังก์ชันของความเร็วแสงได้คง มีผลกระทบบางอย่างนอกลู่นอกทางสวย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วเพื่อ Albert Einstein ซึ่งทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของการเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างรุนแรงความคิดของเราของเวลา ด้านหนึ่งที่สำคัญของทฤษฎีสัมพัทธภาพเป็นของพร้อมกัน ถ้าเหตุการณ์ A และ B จะถูกแยกออกไปในอวกาศ (กล่าวคือไม่ใช่เหตุผลที่เกี่ยวข้อง) คนที่อยู่ในการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์ (เช่นเดินและยืนนิ่ง) จะไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะเป็น A และ B ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหรือ A ตามมาด้วยบีขาดแน่นอนนี้ พร้อมกันซึ่งเป็นฟังก์ชั่นของความเร็วของแสงเป็นคงที่มีผลกระทบบางนอกลู่นอกทางสวย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เดินหน้า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษการ reshaped ความคิดของเรานะ ลักษณะสําคัญของทฤษฎีคือทฤษฎีสัมพันธภาพของพร้อมกัน . ถ้าเหตุการณ์ A และ B จะแยกในพื้นที่ ( เช่น ไม่ใช่ตามลำพังที่เกี่ยวข้อง ) ประชาชนในการเคลื่อนไหวสัมพัทธ์ ( เช่น เดินและยืนเฉยๆ ) ไม่เห็นด้วยว่า A และ B เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือ ตาม พ.ขาดแน่นอนพร้อมกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันของอัตราเร็วของแสงเป็นค่าคงที่ได้สวยประหลาด
ตามมา