Biogas digesters could help to redu

Biogas digesters could help to reduce deforestation in Sub-Saharan Africa by providing a source of energy that would otherwise be provided by wood fuel. However, the link between deforestation and use of wood fuel at global level is weak because fuel is often obtained from fallen wood or from sources felled for construction or land clearance. This paper examines the link between deforestation and use of wood fuel, and evaluates whether biogas digesters are likely to help reduce deforestation in Africa. Woodfuel production and consumption in Africa are increasing over time. Of the deforestation observed in 2010, we estimated that 70(
42)% can be attributed to wood fuel demand. Uncertainties in this figure arise from uncertainty in efficiency of energy use in different designs of wood-burning stoves, and the percentage of energy obtained from wood fuel in rural and urban populations. The contribution of wood fuel demand to deforestation is predicted to increase by 2030 to up to 83(
50)%. This is due to an increasing population requiring more woodfuel and so contributing to a higher proportion of total deforestation. Biogas production has the potential to reduce deforestation due to woodfuel demand by between 6 and 36% in 2010 and between 4 and 26% in 2030. This is equivalent to 10e40% of total deforestation in 2010, and 9e35% of total deforestation in 2030. The highest contribution to biogas production is likely to be from cattle manure, and the uncertainty in the potential of biogas to reduce deforestation is mainly associated with uncertainties in the amount of biogas produced per animal.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Digesters ก๊าซชีวภาพจะช่วยลดการทำลายป่าในแอฟริกาใต้ซาฮารา โดยให้แหล่งพลังงานที่จะเป็นอย่างอื่นให้ฟืน อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงระหว่างการตัดไม้ทำลายป่าและการใช้เชื้อเพลิงไม้ในระดับสากลเป็นอ่อนแอ เพราะเชื้อเพลิงมักจะได้รับ จากไม้ที่ลดลง หรือ จากแหล่งสรรสำหรับเคลียร์ก่อสร้างหรือที่ดิน กระดาษนี้ตรวจสอบการเชื่อมโยงระหว่างการทำลายป่า และใช้ฟืน และประเมินว่า digesters ก๊าซชีวภาพจะช่วยลดการทำลายป่าในแอฟริกา Woodfuel ผลิตและในแอฟริกาเพิ่มช่วงเวลา ของการทำลายป่าที่พบใน 2010 เราประมาณว่า (42) 70% สามารถเกิดจากความต้องการเชื้อเพลิงไม้ ความไม่แน่นอนในรูปนี้เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนในประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการออกแบบที่แตกต่างกันของไม้เผาปิ้ง และเปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับจากฟืนในชนบท และภาคเมือง สัดส่วนของความต้องการเชื้อเพลิงไม้การตัดไม้ทำลายป่าคาดว่า จะเพิ่มปี 2030 ถึง 83 (50) % นี่คือเนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้นต้องการ woodfuel มากขึ้น และเพื่อ ให้เกิดสัดส่วนที่สูงของการตัดไม้ทำลายป่ารวม ผลิตก๊าซชีวภาพมีศักยภาพในการลดการตัดไม้ทำลายป่าเนื่องจาก woodfuel ความต้องการโดย ระหว่าง 6 และ 36% ในปี 2553 และ ระหว่าง 4 และ 26% ในปี 2030 นี้จะเท่ากับ 10e40% ของการทำลายป่าในปี 2553 รวม 9e35% ของการทำลายป่าทั้งหมดในปี 2030 สัดส่วนสูงสุดในการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลควายจะ และความไม่แน่นอนศักยภาพก๊าซชีวภาพเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าเป็นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนจำนวนก๊าซชีวภาพที่ผลิตต่อสัตว์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ก๊าซชีวภาพหมักจะช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าไปในทะเลทรายซาฮาราโดยการให้แหล่งที่มาของพลังงานที่อาจจะมีการจัดโดยเชื้อเพลิงไม้ อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงระหว่างตัดไม้ทำลายป่าและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม้ในระดับโลกจะอ่อนแอเนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับมักจะมาจากไม้ลดลงหรือจากแหล่งที่มาโค่นสำหรับการก่อสร้างหรือการกวาดล้างที่ดิน กระดาษนี้จะตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างตัดไม้ทำลายป่าและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม้และประเมินว่าหมักก๊าซชีวภาพมีแนวโน้มที่จะลดการตัดไม้ทำลายป่าช่วยในทวีปแอฟริกา ไม้มีการผลิตและการบริโภคในทวีปแอฟริกาจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ตัดไม้ทำลายป่าที่สังเกตได้ในปี 2010 เราคาดว่า 70 (42)% สามารถนำมาประกอบกับความต้องการไม้เชื้อเพลิง ความไม่แน่นอนในตัวเลขนี้เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนในประสิทธิภาพของการใช้พลังงานในการออกแบบที่แตกต่างกันของเตาเผาไหม้ไม้และร้อยละของพลังงานที่ได้จากเชื้อเพลิงไม้ในประชากรชนบทและในเมือง ผลงานของความต้องการไม้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ตัดไม้ทำลายป่าเป็นที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2030 ที่จะถึง 83 (50)% นี่คือสาเหตุที่ประชากรที่เพิ่มขึ้นต้องใช้กี่เปอร์มากขึ้นและเพื่อให้เอื้อต่อการมีสัดส่วนที่สูงขึ้นของการตัดไม้ทำลายป่ารวม ผลิตก๊าซชีวภาพมีศักยภาพที่จะลดการตัดไม้ทำลายป่าเนื่องจากความต้องการไม่กี่เปอร์โดยระหว่างวันที่ 6 และ 36% ในปี 2010 และระหว่างวันที่ 4 และ 26% ในปี 2030 นี้จะเทียบเท่ากับ 10e40% ของการทำลายป่ารวมในปี 2010 และ 9e35% ของการทำลายป่ารวมใน 2030 ผลงานสูงสุดไปผลิตก๊าซชีวภาพมีแนวโน้มที่จะจากมูลวัวและความไม่แน่นอนในศักยภาพของก๊าซชีวภาพเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าเป็นส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนในจำนวนที่ผลิตก๊าซชีวภาพต่อสัตว์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ก๊าซชีวภาพมูลอาจช่วยลดการทำลายป่าในแอฟริกาซาฮาย่อยโดยให้แหล่งที่มาของพลังงานที่อาจจะได้รับจากไม้เชื้อเพลิง อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงระหว่างการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ และการใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงในระดับสากลที่อ่อนแอ เพราะมักจะได้จากไม้ หรือจากแหล่งที่ถูกโค่นลงเพื่อการก่อสร้างหรือเคลียร์ที่ดินกระดาษนี้ตรวจสอบการเชื่อมโยงระหว่างการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ และการใช้เชื้อเพลิงไม้ และประเมินว่า ก๊าซชีวภาพมูลมีแนวโน้มที่จะช่วยลดการทำลายป่าในแอฟริกา woodfuel การผลิตและการบริโภคในแอฟริกาจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ของการทำลายป่าที่พบใน 2010 เราประมาณว่า 70 (
42 ) สามารถประกอบกับความต้องการเชื้อเพลิงไม้ความไม่แน่นอนในรูปนี้เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนในประสิทธิภาพการใช้พลังงานในรูปแบบที่แตกต่างกันของการเผาไหม้ไม้เตา และร้อยละของพลังงานที่ได้จากไม้เชื้อเพลิงในประชากรในชนบทและในเมือง ผลงานของไม้เชื้อเพลิงความต้องการด้าน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยปี 2030 ถึง 83 (
50 ) %เนื่องจากการเพิ่มประชากรให้มากขึ้น และเพื่อให้เกิด woodfuel สัดส่วนที่สูงของการทำลายป่าทั้งหมด การผลิตก๊าซชีวภาพมีศักยภาพในการลดการตัดไม้ทำลายป่า เนื่องจาก woodfuel ความต้องการ โดยระหว่าง 6 และ 36 % ในปี 2010 และระหว่าง 4 และ 26% ในปี 2030 นี้จะเทียบเท่ากับ 10e40 % ของการตัดไม้ทำลายป่าทั้งหมดในปี 2010 และ 9e35 % ของการตัดไม้ทำลายป่าทั้งหมดใน 2030สูงสุดได้แก่การผลิตก๊าซชีวภาพมีแนวโน้มที่จะจากมูลวัว และความไม่แน่นอนในศักยภาพของก๊าซชีวภาพ เพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนในเรื่องปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพต่อสัตว์