Utilization of bagasse ash as a poz

Utilization of bagasse ash as a pozzolanic material in concrete
The physical properties of concrete containing ground bagasse ash (BA) including compressive strength,
water permeability, and heat evolution, were investigated. Bagasse ash from a sugar factory was ground
using a ball mill until the particles retained on a No. 325 sieve were less than 5wt%. They were then used
as a replacement for Type I Portland cement at 10, 20, and 30wt% of binder. The water to binder (W/B)
ratio and binder content of the concrete were held constant at 0.50 and 350 kg/m3, respectively.
The results showed that, at the age of 28 days, the concrete samples containing 10–30% ground bagasse
ash by weight of binder had greater compressive strengths than the control concrete (concrete without
ground bagasse ash), while the water permeability was lower than the control concrete. Concrete containing
20% ground bagasse ash had the highest compressive strength at 113% of the control concrete.
The water permeability of concrete decreased as the fractional replacement of ground bagasse ash was
increased. For the heat evolution, the maximum temperature rise of concrete containing ground bagasse
ash was lower than the control concrete. It was also found that the maximum temperature rise of the
concrete was reduced 13, 23, and 33% as compared with the control concrete when the cement was
replaced by ground bagasse ash at 10, 20, and 30wt% of binder, respectively. The results indicate that
ground bagasse ash can be used as a pozzolanic material in concrete with an acceptable strength, lower
heat evolution, and reduced water permeability with respect to the control concrete.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การใช้ประโยชน์ของเถ้าชานอ้อยเป็นวัสดุ pozzolanic ในคอนกรีตคุณสมบัติทางกายภาพของดินเถ้าชานอ้อย (BA) รวมทั้งความแข็งแรง compressive งานคอนกรีตpermeability ของน้ำ และวิวัฒนาการความร้อน ถูกตรวจสอบ เถ้าชานอ้อยจากโรงงานน้ำตาลเป็นพื้นดินใช้การระเหยจนได้อนุภาคที่สะสมบนตะแกรง 325 หมายเลขน้อยกว่า 5wt % พวกเขาใช้แล้วเป็นการแทนที่ชนิด I ปูนที่ 10, 20 และ 30wt %ของสารยึดเกาะ น้ำกับ binder (W/B)อัตราส่วนและเนื้อหา binder ของคอนกรีตถูกจับคงที่ 0.50 และ 350 kg/m3 ตามลำดับผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ที่อายุ 28 วัน ตัวอย่างคอนกรีตที่ประกอบด้วย 10 – 30% พื้นชานอ้อยจุดแข็ง compressive ยิ่งกว่าคอนกรีตควบคุม (คอนกรีตโดยมีเถ้า โดยน้ำหนักของสารยึดเกาะดินเถ้าชานอ้อย), ขณะที่ permeability น้ำอยู่ต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม คอนกรีตประกอบด้วย20% ดินเถ้าชานอ้อยมีความแรงสูงสุด compressive 113% ของคอนกรีตควบคุมPermeability น้ำของคอนกรีตลดลงเป็นเถ้าชานอ้อยพื้นดินเปลี่ยนเป็นเศษส่วนได้เพิ่มขึ้น สำหรับวิวัฒนาการความร้อน อุณหภูมิสูงสุดที่เพิ่มขึ้นของงานคอนกรีตพื้นชานอ้อยเถ้าต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม ก็ยัง พบว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เพิ่มขึ้นของการคอนกรีตถูกลด 13, 23 และ 33% เมื่อเทียบกับคอนกรีตควบคุมเมื่อปูนซีเมนต์แทนที่ ด้วยเถ้าชานอ้อยพื้นที่ 10, 20 และ 30wt %ของ binder ตามลำดับ ผลลัพธ์บ่งชี้ว่าพื้นชานอ้อยเถ้าสามารถใช้เป็นวัสดุ pozzolanic ในคอนกรีตด้วยการยอมรับความแรง ล่างวิวัฒนาการความร้อน และ permeability ลดน้ำกับคอนกรีตควบคุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การใช้ประโยชน์จากเถ้าชานอ้อยเป็นวัสดุปอซโซลานในคอนกรีตคุณสมบัติทางกายภาพของคอนกรีตที่มีเถ้าชานอ้อยพื้นดิน (BA) รวมทั้งแรงอัด, การซึมผ่านของน้ำและวิวัฒนาการความร้อนถูกตรวจสอบ เถ้าชานอ้อยจากโรงงานน้ำตาลถูกพื้นดินโดยใช้โรงงานผลิตลูกจนอนุภาคเก็บไว้ในฉบับที่ 325 ตะแกรงน้อยกว่า 5wt% พวกเขาถูกนำมาใช้แทนประเภทปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่ 10, 20, และ 30wt% ของสารยึดเกาะ น้ำต่อวัสดุประสาน (W / B) อัตราส่วนและเนื้อหาสารยึดเกาะของคอนกรีตที่ถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 0.50 และ 350 kg / m3 ตามลำดับ. ผลการศึกษาพบว่าเมื่ออายุ 28 วันตัวอย่างคอนกรีตที่มีพื้นดิน 10-30% ชานอ้อยเถ้าโดยน้ำหนักของสารยึดเกาะมีกำลังอัดสูงกว่าคอนกรีตควบคุม(โดยไม่ต้องคอนกรีตพื้นชานอ้อยเถ้า) ในขณะที่การซึมผ่านของน้ำต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม คอนกรีตที่มี20% เถ้าชานอ้อยพื้นดินมีความแข็งแรงสูงสุดอัดที่ 113% ของการควบคุมคอนกรีต. ซึมผ่านน้ำของคอนกรีตลดลงเมื่อเปลี่ยนจากพื้นดินเศษเถ้าชานอ้อยได้เพิ่มขึ้น วิวัฒนาการความร้อนที่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูงสุดของคอนกรีตที่มีพื้นชานอ้อยเถ้าต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม นอกจากนี้ยังพบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูงสุดของคอนกรีตลดลง 13, 23, และ 33% เมื่อเทียบกับการควบคุมเมื่อคอนกรีตซีเมนต์ถูกแทนที่ด้วยเถ้าชานอ้อยพื้นดินที่10, 20, และ 30wt% ของสารยึดเกาะตามลำดับ ผลการศึกษาพบว่าพื้นดินเถ้าชานอ้อยสามารถใช้เป็นวัสดุปอซโซลานในคอนกรีตที่มีความแข็งแรงที่ยอมรับได้ลดลงจากการเกิดความร้อนและลดการซึมผ่านของน้ำที่เกี่ยวกับการควบคุมที่เป็นรูปธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การใช้ประโยชน์ของเถ้าชานอ้อยเพื่อเป็นวัสดุปอซโซลานในคอนกรีต
คุณสมบัติทางกายภาพของคอนกรีตผสมเถ้าชานอ้อยบด ( BA ) รวมทั้งกำลังอัด ,
น้ำซึมและวิวัฒนาการ ความร้อน คือ เถ้าชานอ้อยจากโรงงานน้ำตาลเป็นดิน
ใช้โรงสีบอลจนอนุภาคที่สะสมบนตะแกรงเบอร์ 325 น้อยกว่า 5wt % จากนั้นใช้
แทนผม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภทที่ 10 , 20 , และ 30wt % ของวัสดุประสาน น้ำวัสดุประสาน ( w / b )
อัตราส่วนและประสานเนื้อหาของคอนกรีตที่ถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 0.50 และ 350 kg / m3 ตามลำดับ .
จากการทดลองพบว่า ที่อายุ 28 วัน ตัวอย่างคอนกรีตที่ 10 – 30 % จากพื้นดิน
เถ้าโดยน้ำหนักของวัสดุประสาน มีกำลังรับแรงอัดของคอนกรีตควบคุมมากขึ้นกว่า ( คอนกรีตโดยไม่
เถ้าชานอ้อยบด ) ในขณะที่อัตราการซึมผ่านของน้ำต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม คอนกรีตผสมเถ้าชานอ้อย
20% มีกำลังอัดสูงสุดที่ร้อยละ 113 ของคอนกรีตควบคุม
การซึมผ่านน้ำของคอนกรีตลดลง เช่น การเปลี่ยนเศษส่วนของเถ้าชานอ้อยพื้นดิน
เพิ่มขึ้น สำหรับความร้อนของอุณหภูมิสูงสุดเพิ่มขึ้นของคอนกรีตผสมเถ้าชานอ้อย
พื้นดินต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม นอกจากนี้ยังพบว่าอุณหภูมิสูงสุดเพิ่มขึ้นของ
คอนกรีตลดลง 13 , 23 และ 33 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับคอนกรีตควบคุม เมื่อปูนซีเมนต์ได้
แทนที่ด้วยเถ้าชานอ้อยที่ 10 , 20 , และ 30wt % ของวัสดุประสาน ตามลำดับ ผลการศึกษาพบว่าดิน
เถ้าชานอ้อยสามารถใช้เป็นวัสดุปอซโซลานในคอนกรีตที่มีความแข็งแรงได้ยอมรับ ลด
ความร้อนวิวัฒนาการและลดการซึมผ่านของน้ำที่มีต่อคอนกรีตควบคุม