People frequently ask me if I’m rel

People frequently ask me if I’m religious and of a particular religious faith. I am neither. Although I was born into a family of one faith (Russian Orthodox), yet raised in another (Jewish, of Holocaust survivor parents). And being a very curious child, I was never satisfied by anything religion taught me.

My questions were never answered intelligently or sufficiently enough to make sense. I found that religious leaders often twist either life or religion in order to justify their religious views and why they think we should all live a certain way. Some questions I asked fell on deaf ears, on prejudiced ears, with responses that ridiculed rather than showed care and compassion, and yet there were those who are wonderful people, but don’t know much. It always left gaps, and I felt like I was being handed yet another bunch of holy crappola.

Plus, the words in those bibles weren’t mine, didn’t reflect my thoughts. Why should I have had to say them by rote and with a congregation of sheeple? Towards what purpose? I didn’t know God from those books and classes, and I didn’t think any of those guys knew God, either.

I still don’t think most religious leaders have a clue because they’re so hung up on what books tell them to think, rather than experiencing it for themselves through personal experience, for instance like meditation. There is little balance in most religions between the mental, physical, spiritual, and emotional.

Because I was somewhat able to communicate with my higher self and spirits since I was a kid, I knew there was more out there than meets the eye in religion. Since teenagehood, I’ve been a spiritist and metaphysician who shares in the appreciation of some elements found in organized religions. But, I am not a "follower" or "believer" of only one religion, and never will be. After I had my own experiences with spirit and the Source, I know that I don’t need a religion in order to find It, or please it.

Religions are mostly static, living in the past, not open to change. I don’t think we must forget what happened in the past (those events that actually DID occur), but not to relive them year after year. I think if we haven’t learned anything from the past, we have missed the lesson and may need to repeat it until we get it. But for those who get it - get on with your lives. For instance, in Judaism, how long do the Jews want to keep reliving slavery and freedom until they get the point that they are always free?

Example: The Passover can keep a people in victimhood, or it can be seen as a celebration of freedom. I think that most Jews are trying to transcend being victims, but as long as they worship YHWH/Enlil, they’re doomed because YHWH was a woman-hater and a terror who had no problem destroying life (unlike Adonai/Enki).

I do think that children need a strong spiritual foundation early in life. I think having this foundation gives a child confidence, roots, support, and reminds them why they are in their family - shared belief systems. Religious does not equal spiritual.

Egocentricity and belief in God are mutually exclusive. When egocentricity overtakes our consciousness, our professed belief in God may be nothing other than a psychological means of having someone to blame for whatever is going wrong in our lives [Rabbi Yitzchak Ginsburgh]. How many times have you heard of, or yourself used God as an excuse or blame for the problems in the world?

The major religions of the world (not including paganism) began as a way to control the masses and gain power and wealth by instilling fear and low self-esteem, by warping the true messages from the Source by teaching that suffering and self-degradation were sacred and a super highway to the Lord. You were created in God’s image, yet you were sinful.

Love the Lord, but fear the Lord. And if you were born a woman, by the Old Testament you are evil and to be punished and treated as property and cared for as if you’re incapable of taking care of yourself. Your clergy were the only ones allowed to commune with God FOR you. God created you, but don’t be human and have human feelings. Human emotions were then relegated to God. What a mess! Hypocrisy grew in religions to ridiculous proportions, and everyone vied to be God’s chosen people. Want proof today of the hypocrisy?

Just try to talk to some Jehovah’s Witnesses or Born Again Christian and see if they’re open to YOUR views. They’re not. And don’t even get me started talking about Mohammad. Then there is the Catholic Church, The Vatican, the richest gang on the planet who thrives on lying to its masses who support it (while being controlled by it).

Besides lecturing their flocks on what to do or not to do, or ordering them to deny their divinity and humanity and feel guilty for their existence, does the Vatican actually share its wealth with their followers? (Absolutely not.) Do they allow women equality, even though women are more than half the population, and the real Church i

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คนมักถามผมถ้าศาสนา และ ความเชื่อทางศาสนาโดยเฉพาะ ฉันไม่ ถึงแม้ว่าผมเกิดในครอบครัวความเชื่อ (ออร์โธดอกซ์รัสเซีย), ยังยกอีก (ยิว เด็กรอดชีวิตราว) และเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นมาก ฉันไม่เคยไม่พอใจอะไรศาสนาสอน ตอบคำถามของฉันไม่ฉลาดพอเพียงพอที่จะทำความเข้าใจ พบว่า ผู้นำทางศาสนามักจะบิดชีวิตใด หรือศาสนาการจัดมุมมองทางศาสนาของพวกเขาและพวกเขาคิดว่า ทำไมเราทั้งหมดควรอยู่บางประการ คำถามที่ถามลงบนหูหนวก บนหู prejudiced มีการตอบสนองที่เยาะเย้ยมากกว่า แสดงให้เห็นการดูแลและเห็นอกเห็นใจ และยัง มีผู้ที่มีคนที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่รู้ มันจะเหลือช่องว่าง และเหมือนฉันถูกส่งมอบอีกพวงของ crappola บริสุทธิ์ พลัส คำในพระคัมภีร์นั้นไม่เหมือง ไม่ได้สะท้อนความคิดของฉัน ทำไมควรฉันบอกพวกเขา โดย rote และชุมนุมของ sheeple เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ว่าพระจากหนังสือเหล่านั้นและเรียนไม่รู้ และฉันไม่คิดว่า ของพวกเหล่านั้นรู้ว่าพระเจ้า อย่างใดอย่างหนึ่ง ผมยังไม่คิดว่า มากที่สุดผู้นำทางศาสนามีเงื่อนงำเนื่องจากพวกเขากำลังดังนั้นแขวนบนว่าหนังสือบอกพวกเขาคิดว่า มากกว่าประสบด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ส่วนบุคคล ตัวอย่างเช่นการทำสมาธิ มีงบน้อยในศาสนาส่วนใหญ่ระหว่างจิต ทางกายภาพ จิตวิญญาณ และอารมณ์เนื่องจากผมค่อนข้างจะสื่อสารกับฉันสูงของตนเองและจิตวิญญาณตั้งแต่เด็ก ฉันรู้ว่า มีเพิ่มเติมมีกว่าตรงตาในศาสนานี้ ตั้งแต่ teenagehood ฉันได้รับ spiritist และ metaphysician ที่ใช้ร่วมกันขององค์ประกอบบางอย่างในศาสนาจัด แต่ ฉันไม่ "ผู้ติดตาม" หรือ "เชื่อ" ของศาสนาเดียวเท่านั้น และจะไม่ หลังจากที่ฉันมีประสบการณ์ของตัวเอง ด้วยจิตวิญญาณและแหล่งที่มา ฉันรู้ว่า ฉันไม่ต้องการศาสนาเพื่อค้นหา หรือโปรดมันศาสนาเป็นส่วนใหญ่คง ในอดีต เปิดการเปลี่ยนแปลง ผมไม่คิดว่า เราต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต (เหตุการณ์เหล่านั้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง), แต่ไม่ สามารถย้อนอดีตได้ปีนี้ ผมคิดว่า ถ้าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากอดีต เรามีบทเรียนที่ไม่ได้รับ และอาจต้องทำซ้ำจนกว่าเราได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับ - ได้รับกับชีวิตของคุณ เช่น ศาสนายูดาย นานชาวยิวต้องการรำลึกทาสและเสรีภาพจนกว่าพวกเขาได้จุดที่พวกเขาจะเสมอฟรีหรือไม่ ตัวอย่าง: ปัสเก็บคนใน victimhood หรือสามารถเห็นได้เป็นการเฉลิมฉลองอิสรภาพ ผมคิดว่า ชาวยิวส่วนใหญ่พยายามที่จะไปเป็นเหยื่อ แต่ตราบใดที่พวกเขาบูชา YHWH/Enlil ก็วาระเนื่องจาก YHWH ผู้หญิง-hater และความหวาดกลัวที่มีปัญหาในการทำลายชีวิต (ต่างจาก Adonai/Enki)ผมไม่คิดว่า เด็กต้องการพื้นฐานทางจิตวิญญาณในชีวิต ผมคิดว่า มีมูลนิธินี้ให้เด็กเชื่อมั่น ราก การสนับสนุน และเตือนพวกเขาทำไมพวกเขาอยู่ในครอบครัวของพวกเขา - ระบบความเชื่อร่วมกัน ศาสนาไม่เท่าจิตวิญญาณร่วมกัน egocentricity และความเชื่อในพระเจ้าได้ เมื่อ egocentricity overtakes จิตสำนึกของเรา ความเชื่อของเรา professed พระเจ้าอาจจะไม่ใช่หมายถึงจิตใจของคนที่จะตำหนิสำหรับสิ่งจะไม่ถูกต้องในชีวิต [แรบไบ Yitzchak Ginsburgh] จำนวนครั้งที่คุณได้ยิน หรือตัวคุณเองใช้พระเจ้าเป็นข้ออ้างหรือโทษว่าปัญหาในโลกศาสนาสำคัญของโลก (ไม่รวมลัทธินอก) เริ่มต้นเป็นวิธีการควบคุมฝูง และได้รับอำนาจและความมั่งคั่ง โดยปลูกกลัว และต่ำนับถือตนเอง โดยแปรปรวนข้อความจริงจากต้นโดยสอนว่า ความทุกข์ทรมานและย่อยสลายเองได้ศักดิ์สิทธิ์และซุปเปอร์ไฮเวย์พระเจ้า สร้างในรูปของพระเจ้า แต่คุณมีบาป รักพระเจ้า แต่กลัว และถ้าคุณเกิดเป็นผู้หญิง โดยพันธ คุณร้ายถูกลงโทษ และถือว่าเป็นคุณสมบัติ และดูแลขณะที่ถ้าคุณไม่สามารถดูแลตัวเอง คณาธิการของคุณคนเดียวที่สามารถสื่อสารกับพระเจ้าสำหรับคุณได้ พระเจ้าสร้างคุณ แต่ไม่เป็นมนุษย์ และมีความรู้สึกมนุษย์ อารมณ์ของมนุษย์แล้วต้นพระเจ้า วุ่นวายจริง ๆ หน้าซื่อใจคดเติบในศาสนาเพื่อสัดส่วนที่ไร้สาระ และทุกคน vied เป็น คนเลือกของพระเจ้า ต้องหลักฐานวันนี้ลวง เพียงแค่พยายามพูดคุยกับพระยะโฮวาบางพยานหรือเกิดใหม่ในชีวิตคริสเตียน และดูว่า เป็นเปิดมุมมองของคุณ ไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับฉันเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับมุฮัมมัด แล้ว มีโบสถ์คาทอลิก การวาติกัน แก๊งร่ำรวยที่สุดในโลกที่ปลูกสร้างบนโกหกของมวลชนที่สนับสนุน (ในขณะที่ถูกควบคุมโดยมัน) นอกจากบรรยายฝูงของพวกเขาในสิ่งที่ทำ หรือไม่ทำ หรือสั่งซื้อพวกเขาปฏิเสธพระเจ้าและมนุษย์ของพวกเขา และรู้สึกผิดที่การดำรงอยู่ของพวกเขา ไม่วาติกันจริงร่วมกันมากที่สุดกับผู้ติดตามของพวกเขา (ไม่) พวกเขาอนุญาตให้สตรี และความ เท่าเทียมกัน แม้ว่าผู้หญิงมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร โบสถ์จริงฉัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คนมักถามฉันหากฉันศาสนาและความเชื่อทางศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันไม่ ถึงแม้ว่าผมจะเกิดมาในครอบครัวของหนึ่งในความเชื่อ (รัสเซียออร์โธดอก) ที่ยังเติบโตในอีก (ยิวของพ่อแม่ผู้รอดชีวิตหายนะ) และเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นมากผมก็ไม่เคยพอใจอะไรศาสนาสอนให้ฉัน. คำถามของฉันไม่เคยตอบอย่างชาญฉลาดหรือพอที่จะทำให้ความรู้สึกถูก ฉันพบว่าผู้นำศาสนามักจะบิดทั้งชีวิตหรือศาสนาเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงมุมมองทางศาสนาของพวกเขาและทำไมพวกเขาคิดว่าเราทุกคนควรจะมีชีวิตอยู่วิธีการบางอย่าง บางคำถามที่ผมถามหูหนวกในหูอคติกับการตอบสนองที่เยาะเย้ยแทนที่จะแสดงให้เห็นว่าการดูแลและความเห็นอกเห็นใจและยังมีผู้ที่เป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ทราบว่ามาก มันทิ้งช่องว่างเสมอและฉันรู้สึกเหมือนฉันถูกส่งยังพวงของ crappola ศักดิ์สิทธิ์อีก. พลัสคำในพระคัมภีร์เหล่านั้นไม่ได้ฉันไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของฉัน ทำไมฉันควรจะได้มีการพูดพวกเขาโดยการท่องจำและมีการชุมนุมของ sheeple หรือไม่? ต่อวัตถุประสงค์อะไร? ผมไม่ทราบว่าพระเจ้าจากหนังสือเหล่านั้นและการเรียนและฉันไม่คิดว่าใด ๆ ของคนเหล่านั้นรู้ว่าพระเจ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง. ผมยังไม่คิดว่าผู้นำศาสนาส่วนใหญ่จะมีเงื่อนงำเพราะพวกเขากำลังแขวนเพื่อขึ้นอยู่กับสิ่งที่หนังสือบอก พวกเขาจะคิดมากกว่าประสบมันสำหรับตัวเองผ่านประสบการณ์ส่วนบุคคลตัวอย่างเช่นการทำสมาธิ มียอดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ในศาสนามากที่สุดระหว่างจิตใจร่างกายจิตวิญญาณและอารมณ์. เป็นเพราะผมค่อนข้างสามารถสื่อสารกับตัวเองสูงกว่าของฉันและสุราตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กผมรู้ว่ามีมากขึ้นออกมีมากกว่าตรงกับตาในศาสนา . ตั้งแต่ teenagehood, ฉันได้รับเป็นพ่อมดแม่มดและ metaphysician ผู้ถือหุ้นในการแข็งค่าขององค์ประกอบบางอย่างที่พบในศาสนาจัด แต่ผมไม่ได้เป็น "ลูกศิษย์" หรือ "เชื่อ" เพียงหนึ่งศาสนาและจะไม่ หลังจากที่ฉันได้ประสบการณ์ของตัวเองด้วยจิตวิญญาณและแหล่งที่มาฉันรู้ว่าฉันไม่จำเป็นต้องมีศาสนาเพื่อหามันหรือมันโปรด. ศาสนาเป็นส่วนใหญ่คงอาศัยอยู่ในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้เปิดให้มีการเปลี่ยนแปลง ผมไม่คิดว่าเราจะต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต (เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้) แต่ไม่ให้พวกเขาจะมีชีวิตอีกปีแล้วปีเล่า ผมคิดว่าถ้าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากที่ผ่านมาเราได้รับบทเรียนและอาจต้องทำซ้ำได้จนกว่าเราจะได้รับมัน แต่สำหรับผู้ที่ได้รับมัน - ได้รับกับชีวิตของคุณ ยกตัวอย่างเช่นในยูดาย How Long Do ชาวยิวต้องการให้ผ่อนคลายเป็นทาสและเสรีภาพจนกว่าพวกเขาจะได้รับจุดที่พวกเขามักจะฟรีหรือไม่ตัวอย่าง: ปัสกาสามารถให้คนใน victimhood หรือมันสามารถมองเห็นได้เป็นงานฉลองของเสรีภาพ . ผมคิดว่าส่วนใหญ่ชาวยิวกำลังพยายามที่จะก้าวข้ามผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูก แต่ตราบใดที่พวกเขาเคารพบูชา YHWH / Enlil พวกเขากำลังถึงวาระเพราะ YHWH เป็นผู้หญิงที่เกลียดและความหวาดกลัวที่มีปัญหาชีวิตทำลาย (ไม่เหมือน Adonai / Enki) ได้. ฉัน ไม่คิดว่าเด็กต้องมีรากฐานทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในช่วงต้นชีวิต ผมคิดว่ามีมูลนิธินี้จะช่วยให้เด็กมีความเชื่อมั่นรากสนับสนุนและเตือนพวกเขาว่าทำไมพวกเขาอยู่ในครอบครัวของพวกเขา - ระบบความเชื่อที่ใช้ร่วมกัน ศาสนาไม่เท่ากับจิตวิญญาณ. Egocentricity และความเชื่อในพระเจ้ามีความพิเศษร่วมกัน เมื่อ egocentricity มายังจิตสำนึกของเราความเชื่อของเราที่ยอมรับในพระเจ้าอาจจะมีอะไรนอกเหนือจากวิธีการทางจิตวิทยาของการมีใครสักคนที่จะตำหนิสำหรับสิ่งที่จะเกิดผิดพลาดในชีวิตของเรา [บีขลัง Ginsburgh] กี่ครั้งที่คุณเคยได้ยินหรือตัวคุณเองใช้พระเจ้าเป็นข้ออ้างหรือโทษปัญหาในโลก? ศาสนาสำคัญของโลก (ไม่รวมพระเจ้า) เริ่มเป็นวิธีการควบคุมฝูงและได้มาซึ่งอำนาจและความมั่งคั่งโดยปลูกฝัง ความกลัวและความนับถือตนเองต่ำโดยการแปรปรวนข้อความจริงจากแหล่งที่มาโดยการสอนว่าความทุกข์ทรมานและความเสื่อมโทรมของตัวเองเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์และซุปเปอร์ไฮเวย์กับพระเจ้า คุณได้รับการสร้างขึ้นในรูปของพระเจ้า แต่คุณเป็นบาป. รักพระเจ้า แต่กลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าคุณเกิดผู้หญิงคนหนึ่งโดยพันธสัญญาเดิมที่คุณมีความชั่วร้ายและถูกลงโทษและรับการรักษาเป็นทรัพย์สินและได้รับการดูแลเช่นถ้าคุณมีความสามารถในการดูแลตัวเอง พระสงฆ์ของคุณเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้สื่อสารกับพระเจ้าสำหรับคุณ พระเจ้าทรงสร้างคุณ แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์และมีความรู้สึกของมนุษย์ อารมณ์ของมนุษย์ถูกผลักไสแล้วกับพระเจ้า อะไรเป็นระเบียบ! เจ้าเล่ห์เติบโตในศาสนาสัดส่วนไร้สาระและทุกคนชักชวนให้เป็นคนของพระเจ้าได้รับการแต่งตั้ง ต้องการหลักฐานในวันนี้ของการเสแสร้งหรือไม่เพียงแค่พยายามที่จะพูดคุยกับพยานพระยะโฮวาหรือเกิดคริสเตียนและดูว่าพวกเขากำลังเปิดให้มุมมองของคุณ พวกเขาไม่. และไม่ได้รับฉันเริ่มต้นพูดคุยเกี่ยวกับโมฮัมมัด จากนั้นก็มีคริสตจักรคาทอลิกวาติกันแก๊งที่ร่ำรวยที่สุดในโลกที่ปลูกสร้างโกหกเพื่อมวลชนของผู้สนับสนุน (ในขณะที่ถูกควบคุมโดยมัน). นอกจากการบรรยายฝูงของพวกเขาในสิ่งที่จะทำหรือไม่ทำหรือสั่งให้พวกเขา ที่จะปฏิเสธความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมนุษย์ของพวกเขาและรู้สึกผิดสำหรับการดำรงอยู่ของพวกเขาไม่วาติกันจริงแบ่งปันความมั่งคั่งด้วยการติดตามของพวกเขา? (ไม่อย่างแน่นอน.) พวกเขาอนุญาตให้ผู้หญิงเท่าเทียมกันแม้ว่าผู้หญิงมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรและคริสตจักรที่แท้จริงฉัน