Transgenic plants have genes insert

Transgenic plants have genes inserted into them that are derived from another species. The inserted genes can come from species within the same kingdom (plant to plant) or between kingdoms (for example, bacteria to plant). In many cases the inserted DNA has to be modified slightly in order to correctly and efficiently express in the host organism. Transgenic plants are used to express proteins like the cry toxins from B. thuringiensis, herbicide resistant genes, antibodies[37] and antigens for vaccinations[38]

Transgenic carrots have been used to produce the drug Taliglucerase alfa which is used to treat Gaucher's disease.[39] In the laboratory, transgenic plants have been modified to increase photosynthesis (currently about 2% at most plants to the theoretic potential of 9–10%.[40] This is possible by changing the rubisco enzyme (i.e. changing C3 plants into C4 plants[41]), by placing the rubisco in a carboxysome, by adding CO2 pumps in the cell wall,[42][43] by changing the leaf form/size.[44][45][46][47] Plants have been engineered to exhibit bioluminescence that may become a sustainable alternative to electric lighting.[48] Still other transgenic plants have been modified to fix ambient nitrogen.[49]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถั่วเหลืองพืชมียีนที่ใส่เข้าไปในนั้นที่มาจากสายพันธุ์อื่น แทรกยีนอาจมาจากสายพันธุ์ภาย ในอาณาจักรเดียวกัน (พืช-พืช) หรือ ระหว่างก๊ก (เช่น แบคทีเรียกับพืช) ในหลายกรณี มีดีเอ็นเอแทรกการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพเอ็กซ์เพรสในสิ่งมีชีวิตที่โฮสต์ ถั่วเหลืองพืชจะใช้เพื่อแสดงโปรตีนเช่นร้องสารพิษเกิด thuringiensis ยีนต้านทานสารกำจัดวัชพืช แอนตี้ [37] และ antigens สำหรับวัคซีน [38]การใช้ถั่วเหลืองแครอทผลิตอัลฟา Taliglucerase ยาที่ใช้ในการรักษาโรคของ Gaucher [39] ในห้องปฏิบัติการ ถั่วเหลืองพืชมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์ด้วยแสง (ปัจจุบันประมาณ 2% ที่พืชส่วนใหญ่จะเป็น theoretic 9 – 10% [ 40] นี้ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงเอนไซม์ rubisco (เช่นเปลี่ยน C3 พืชเป็น C4 plants[41]) วาง rubisco ที่ในแบบ carboxysome โดยการเพิ่ม CO2 ปั๊มในผนังเซลล์, [42] [43] โดยเปลี่ยนใบแบบฟอร์ม/ขนาด [44] [45] [46] [47] ได้รับวิศวกรรมพืชแสดง bioluminescence ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนการไฟฟ้าแสงสว่าง [48] ยัง พืชถั่วเหลืองอื่น ๆ มีการปรับแก้สภาวะไนโตรเจน [49]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พืชดัดแปรพันธุกรรมมียีนที่ใส่เข้าไปในพวกเขาว่าจะได้มาจากสายพันธุ์อื่น ใส่ยีนที่ได้มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในราชอาณาจักรเดียวกัน (โรงงานไปยังโรงงาน) หรือระหว่างราชอาณาจักร (ตัวอย่างเช่นแบคทีเรียไปยังโรงงาน) ในหลายกรณีดีเอ็นเอแทรกจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพในการแสดงความมีชีวิตโฮสต์ พืชดัดแปรพันธุกรรมที่ใช้ในการแสดงเช่นโปรตีนสารพิษร้องจาก B. thuringiensis ยีนทนสารกำจัดวัชพืช, แอนติบอดี [37] และแอนติเจนสำหรับการฉีดวัคซีน [38] แครอทพันธุ์ได้รับการใช้ในการผลิตยาเสพติดอัลฟ่า Taliglucerase ซึ่งจะใช้ในการรักษาโรค Gaucher ของ [39] ในห้องปฏิบัติการพืชดัดแปรพันธุกรรมได้รับการแก้ไขเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์แสง (ปัจจุบันประมาณ 2% ในโรงงานมากที่สุดในการที่อาจเกิดขึ้นตามทฤษฎีของ 9-10%. [40] นี้เป็นไปได้โดยการเปลี่ยนเอนไซม์ rubisco (เช่นการเปลี่ยนพืช C3 เข้า พืช C4 [41]) โดยการวาง rubisco ใน carboxysome โดยการเพิ่มเครื่องสูบน้ำ CO2 ในผนังเซลล์ [42] [43] โดยการเปลี่ยนรูปแบบใบ / ขนาด. [44] [45] [46] [47] พืชที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงชีวิตเรืองแสงที่อาจจะกลายเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนแสงไฟฟ้า. [48] ยังพืชดัดแปรพันธุกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับการแก้ไขในการแก้ไขปัญหาไนโตรเจนโดยรอบ. [49]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พืชดัดแปรพันธุกรรม มียีนที่ใส่เข้าไปนั้นจะได้มาจากชนิดอื่น โดยแทรกยีนสามารถมาจากภายในราชอาณาจักร ( พืชชนิดเดียวกันปลูก ) หรือระหว่างอาณาจักร ( ตัวอย่างเช่น แบคทีเรียพืช ) ในหลายกรณีแทรกดีเอ็นเอมีแก้ไขเล็กน้อยเพื่อที่จะได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพบริการในโฮสต์ที่แตกต่างกันพืชดัดแปรพันธุกรรม จะใช้ในการแสดงโปรตีนเหมือนร้องไห้ สารพิษจาก B . thuringiensis , ยีนต้านทานสารกำจัดวัชพืช , แอนติบอดี [ 37 ] และแอนติเจนฉีดวัคซีน [ 38 ]

ต้นแครอทจะถูกใช้เพื่อผลิตยา taliglucerase อัลฟ่า ซึ่งใช้ในการรักษาโรคเกาเชอร์ [ 39 ] ในห้องปฏิบัติการพืชดัดแปรพันธุกรรม มีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์แสง ( ปัจจุบันประมาณ 2 % ที่พืชส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นตามทฤษฎีของ 9 – 10 % [ 40 ] นี้เป็นไปได้โดยการเปลี่ยน rubisco เอนไซม์ ( เช่นเปลี่ยน C3 พืชในพืช [ 41 ] C4 ) โดยวาง rubisco ใน carboxysome โดยการเพิ่ม CO2 ในปั๊ม ผนังเซลล์ [ 42 ] [ 43 ] โดยการเปลี่ยนใบแบบ / ขนาด[ 44 ] [ 45 ] [ 46 ] [ 47 ] พืชได้รับการออกแบบมาให้มีไบโอลูมิเนสเซนที่อาจเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อแสงสว่างไฟฟ้า [ 48 ] ยังคงมีพันธุกรรมพืชมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขไนโตรเจนแวดล้อม [ 49 ]