บทความเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ เกี่ยวกับความเข้าใจวัฒนธรรมในด การแปล - บทความเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ เกี่ยวกับความเข้าใจวัฒนธรรมในด ไทย วิธีการพูด

บทความเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดประสบก

บทความเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ เกี่ยวกับความเข้าใจวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ ของชาวต่างประเทศ ซึ่งดิฉันคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน นักศึกษา เมื่อต้องไปศึกษาต่อหรือพบปะกับชาวต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนี้
เข้าใจการใช้ภาษาที่แตกต่างกัน
หลายครั้งเราไม่ได้ตระหนักว่า ชาวต่างชาติ แม้จะฟังภาษาออก แต่หากอยู่คนละวัฒนธรรมกับเรา ย่อมไม่สามารถเข้าใจในความหมายที่เราสื่อสารได้ หรืออาจตีความผิดไปจากความหมายที่เราต้องการสื่อ ตัวอย่างเช่น ในภาษาไทยจะมีสำนวนที่เปรียบเทียบการทำสิ่งง่าย ๆ กับ “การปอกกล้วยเข้าปาก” แต่หากเราพูดกับชาวต่างชาติ แล้วแปลตรงตามตัวอักษรว่า “It's easy as if we peel a banana and put it into the mouth.” คนฟังอาจไม่เข้าใจว่า เหตุใดเราจึงเปรียบเทียบเช่นนั้น ทั้งนี้ เนื่องจากสังคมไทยสมัยก่อน กล้วยเป็นสิ่งที่หามารับประทานง่าย แต่สังคมของชาวต่างชาติไม่เป็นเช่นนั้น หรือคำว่า ภรรยาน้อย โดยเราเรียกว่า “Minor wife” ซึ่งไม่ตรงกับคำใดในภาษาอังกฤษ สำหรับสังคมอังกฤษน่าจะเป็นคำว่า Secret wife มากกว่า เนื่องจากสังคมอังกฤษเป็นสังคม “ผัวเดียวเมียเดียว” เมื่อไปพูดกับชาวต่างชาติ อาจตีความผิดได้ ดังนั้น การนำวัฒนธรรมของไทยไปใช้ปนกับภาษาอื่น แล้วสื่อสารให้ชาวต่างชาติฟัง จะทำให้การสื่อสารของเราด้อยประสิทธิภาพ เพราะผู้ฟังไม่เข้าใจ หรืออาจเกิดปัญหาได้เมื่อตีความผิดได้ แนวทางแก้ไขคือ ควรเทียบเคียงกับความหมายของ “คำ” หรือ “ประโยค” ที่เราต้องการสื่อสาร กับ “คำ” หรือ “ประโยค” ในภาษาต่างประเทศ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย
เข้าใจวัฒนธรรมการทักทาย
การทักทายนับเป็นก้าวแรกของการเปิดประตูสู่การสร้างสัมพันธ์อันดี เมื่อเราต้องปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ การทักทายตามวัฒนธรรมของเขาจะสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เราควรเรียนรู้วัฒนธรรมการทักทายของคนต่างวัฒนธรรมที่เราต้องปฏิสัมพันธ์ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การทักทายด้วยการจับมือ ปัจจุบันการทักทายด้วยการจับมือ เรียกได้ว่า เป็นมารยาทสากล ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เหมาะสม การจับมือโดยมารยาททั่วไป ให้ใช้มือขวาจับมือขวาของอีกฝ่ายแล้วเขย่าขึ้นลง เบา ๆ เพียง 1-2 ครั้ง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถ้าเป็นชายด้วยกัน ผู้อาวุโสกว่าจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับก่อน ถ้าเป็นชายและหญิง ฝ่ายหญิงจะยื่นมือมาให้จับก่อนเท่านั้น ฝ่ายชายจึงยื่นมือตอบได้ ยกเว้นกรณีที่ฝ่ายชายอาวุโสมากกว่า เวลาจับมือกัน อย่าเอาอีกมือหนึ่งล้วงกระเป๋า ไม่ต้องโค้งคำนับ ควรมองตาฝ่ายตรงข้าม อย่าลืมลุกขึ้นยืนด้วย นอกจากนี้ ประเพณีการจับมือในชาติต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน เช่น ชาวเยอรมัน มักเขย่ามือเพียงครั้งเดียว คนอเมริกัน เมื่อจับมือขวาของอีกฝ่ายแล้วใช้มืออีกข้างประกบอีกที หรือใช้มือซ้ายจับที่ต้นแขนหรือบนไหล่ขวาอีกที การจับแบบนี้มักจะใช้กับเพื่อนสนิท และนักการเมืองมักจะใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่คิดว่าการจับมือเป็นรสนิยมที่ไม่ดี ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม เราควรศึกษาถึงวัฒนธรรมของบุคคลที่เราจะปฏิสัมพันธ์ด้วยก่อน ส่วนการทักทายด้วยการโค้งคำนับ โดยเฉพาะกับชาวญี่ปุ่น การเรียนรู้การทักทายด้วยวิธีโค้งคำนับ จะช่วยให้เราได้รับการยอมรับมากขึ้น การโค้งคำนับ แบ่งได้ 3 ระดับ การโค้งที่ทำมุม 15 องศา จากสะโพกถึงส่วนบนของร่างกาย เป็นการทักทายควรกล่าวคำทักทาย การโค้งคำนับ การโค้งที่ทำมุม 30 องศา เป็นการแสดงความเคารพ การโค้งที่ทำมุม 45 องศา เป็นการแสดงความเคารพสูงสุด การโค้งทั้ง 3 ระดับ นิ้วมือทั้งสองข้างต้องวางแนบลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก้มศีรษะพร้อมกับโค้งลำตัวไปด้านหน้าพ้นแนวหัวเข่า ผู้โค้งต้องประสานนัยน์ตากับอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งก่อนและหลังการโค้งคำนับ
เข้าใจภาษาทางกาย
ในการปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ เราควรเรียนรู้ถึงลักษณะภาษากายต่าง ๆ เช่น สายตา สีหน้า ท่าทาง ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเขา เพื่อที่เราจะไม่ตีความผิด ในที่นี้ขอยกตัวอย่างใน 2 เรื่อง คือ “การมอง” และ “ระยะห่างของขอบเขต” ในเรื่อง “การมอง” ในแต่ละประเทศมีความหมายต่างกัน สังคมตะวันตกชอบที่จะมองตรง ๆ มากกว่าการมองเฉียด ๆ หรือหลบตา ถ้าจริงจัง จริงใจ ต้องจ้องตาคนที่จะพูดด้วย ส่วนการชำเลืองมองทางด้านข้าง ชาวสเปนและชาวอังกฤษ รู้กันว่าเป็นการมองแบบขโมย และมักใช้การมองเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่ามองอยู่ ในสังคมชาวเปอโตริโก เด็กผู้หญิงที่ดี ต้องไม่มองตาผู้ใหญ่โดยเด็ดขาด และจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เช่นเดียวกับในกลุ่มของคนเอเชีย เวลาพูดกันก็จะไม่ค่อยมองหน้ากัน ยิ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่ มักจะยิ่งหลบตาลงต่ำ ส่วนเรื่อง “ระยะห่างของขอบเขต” ซึ่งหมายถึง พื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างเรากับ ผู้ที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ระยะห่างมาก หรือห่างน้อย จะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม และเกี่ยวข้องกับความรู้สึก เช่น คนชั้นกลาง ที่อาศัยอยู่ในเมือง ในอเมริกาเหนือ อังกฤษ และออสเตรเลีย มักมีระยะห่างใกล้เคียงกัน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ขอบเขตชั้นใน (ระหว่าง 6-8 นิ้ว) เป็นพื้นที่ส่วนตัวมากที่สุด อนุญาตเฉพาะคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมเท่านั้นที่เข้ามาได้ ขอบเขตส่วนบุคคล (ระหว่าง 1.5-4 ฟุต) เป็นระยะที่เรามักจะใช้ยืนอยู่ในงานเลี้ยง งานสังคม งานสังสรรค์ในบริษัท และเมื่อเวลาเพื่อนฝูงมาชุมนุมกัน ขอบเขตสังคม (ระหว่าง 4-12 ฟุต) เป็นระยะที่เราใช้เมื่อยืนอยู่กับคนแปลกหน้า ขอบเขตในที่สาธารณะ (มากกว่า 12 ฟุต) ระยะนี้เป็นระยะที่เราเลือกเมื่อจะต้องออกไปพูดในที่ชุมนุมชน เพราะทำให้เรารู้สึกสบาย เมื่อต้องปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ เราควรเรียนรู้ “ระยะห่าง” นี้ด้วย
เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณี
ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรเรียนรู้ เพราะมีผลเชิงความเชื่อทางศาสนา มารยาททางสังคม และความพึงพอใจ-ไม่พึงพอใจ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เราควรเรียนรู้ อาทิ มารยาททางสังคมทั่วไป เช่น เมื่อชาวต่างชาติที่เป็นผู้หญิงมาถึง ต้องลุกขึ้นยืน และเชื้อเชิญให้ฝ่ายหญิงนั่งก่อน โดยเลือกที่นั่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ ควรแต่งกายให้เหมาะสมเวลาออกงานเลี้ยง ผู้ชายควรใส่สูท ผู้หญิงควรสวมชุดกระโปรงสวยงาม ข้อปฏิบัติทางศาสนา เช่น คนอิสลามไม่รับประทาน และไม่แตะต้องสุนัข หมู และงู เพราะถือว่าเป็นสัตว์สกปรก ชาวอาหรับในตะวันออกกลางและอินเดีย ถือว่า มือซ้ายไม่สะอาด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
This article is about understanding cultural experiences in the areas of Foreign Affairs, which I think will be beneficial to students. Students To study or meet with foreigners in various scenarios:Understand the use of different languages.หลายครั้งเราไม่ได้ตระหนักว่า ชาวต่างชาติ แม้จะฟังภาษาออก แต่หากอยู่คนละวัฒนธรรมกับเรา ย่อมไม่สามารถเข้าใจในความหมายที่เราสื่อสารได้ หรืออาจตีความผิดไปจากความหมายที่เราต้องการสื่อ ตัวอย่างเช่น ในภาษาไทยจะมีสำนวนที่เปรียบเทียบการทำสิ่งง่าย ๆ กับ “การปอกกล้วยเข้าปาก” แต่หากเราพูดกับชาวต่างชาติ แล้วแปลตรงตามตัวอักษรว่า “It's easy as if we peel a banana and put it into the mouth.” คนฟังอาจไม่เข้าใจว่า เหตุใดเราจึงเปรียบเทียบเช่นนั้น ทั้งนี้ เนื่องจากสังคมไทยสมัยก่อน กล้วยเป็นสิ่งที่หามารับประทานง่าย แต่สังคมของชาวต่างชาติไม่เป็นเช่นนั้น หรือคำว่า ภรรยาน้อย โดยเราเรียกว่า “Minor wife” ซึ่งไม่ตรงกับคำใดในภาษาอังกฤษ สำหรับสังคมอังกฤษน่าจะเป็นคำว่า Secret wife มากกว่า เนื่องจากสังคมอังกฤษเป็นสังคม “ผัวเดียวเมียเดียว” เมื่อไปพูดกับชาวต่างชาติ อาจตีความผิดได้ ดังนั้น การนำวัฒนธรรมของไทยไปใช้ปนกับภาษาอื่น แล้วสื่อสารให้ชาวต่างชาติฟัง จะทำให้การสื่อสารของเราด้อยประสิทธิภาพ เพราะผู้ฟังไม่เข้าใจ หรืออาจเกิดปัญหาได้เมื่อตีความผิดได้ แนวทางแก้ไขคือ ควรเทียบเคียงกับความหมายของ “คำ” หรือ “ประโยค” ที่เราต้องการสื่อสาร กับ “คำ” หรือ “ประโยค” ในภาษาต่างประเทศ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสองฝ่ายUnderstanding the greeting.การทักทายนับเป็นก้าวแรกของการเปิดประตูสู่การสร้างสัมพันธ์อันดี เมื่อเราต้องปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ การทักทายตามวัฒนธรรมของเขาจะสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เราควรเรียนรู้วัฒนธรรมการทักทายของคนต่างวัฒนธรรมที่เราต้องปฏิสัมพันธ์ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การทักทายด้วยการจับมือ ปัจจุบันการทักทายด้วยการจับมือ เรียกได้ว่า เป็นมารยาทสากล ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เหมาะสม การจับมือโดยมารยาททั่วไป ให้ใช้มือขวาจับมือขวาของอีกฝ่ายแล้วเขย่าขึ้นลง เบา ๆ เพียง 1-2 ครั้ง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถ้าเป็นชายด้วยกัน ผู้อาวุโสกว่าจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับก่อน ถ้าเป็นชายและหญิง ฝ่ายหญิงจะยื่นมือมาให้จับก่อนเท่านั้น ฝ่ายชายจึงยื่นมือตอบได้ ยกเว้นกรณีที่ฝ่ายชายอาวุโสมากกว่า เวลาจับมือกัน อย่าเอาอีกมือหนึ่งล้วงกระเป๋า ไม่ต้องโค้งคำนับ ควรมองตาฝ่ายตรงข้าม อย่าลืมลุกขึ้นยืนด้วย นอกจากนี้ ประเพณีการจับมือในชาติต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน เช่น ชาวเยอรมัน มักเขย่ามือเพียงครั้งเดียว คนอเมริกัน เมื่อจับมือขวาของอีกฝ่ายแล้วใช้มืออีกข้างประกบอีกที หรือใช้มือซ้ายจับที่ต้นแขนหรือบนไหล่ขวาอีกที การจับแบบนี้มักจะใช้กับเพื่อนสนิท และนักการเมืองมักจะใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่คิดว่าการจับมือเป็นรสนิยมที่ไม่ดี ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม เราควรศึกษาถึงวัฒนธรรมของบุคคลที่เราจะปฏิสัมพันธ์ด้วยก่อน ส่วนการทักทายด้วยการโค้งคำนับ โดยเฉพาะกับชาวญี่ปุ่น การเรียนรู้การทักทายด้วยวิธีโค้งคำนับ จะช่วยให้เราได้รับการยอมรับมากขึ้น การโค้งคำนับ แบ่งได้ 3 ระดับ การโค้งที่ทำมุม 15 องศา จากสะโพกถึงส่วนบนของร่างกาย เป็นการทักทายควรกล่าวคำทักทาย การโค้งคำนับ การโค้งที่ทำมุม 30 องศา เป็นการแสดงความเคารพ การโค้งที่ทำมุม 45 องศา เป็นการแสดงความเคารพสูงสุด การโค้งทั้ง 3 ระดับ นิ้วมือทั้งสองข้างต้องวางแนบลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก้มศีรษะพร้อมกับโค้งลำตัวไปด้านหน้าพ้นแนวหัวเข่า ผู้โค้งต้องประสานนัยน์ตากับอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งก่อนและหลังการโค้งคำนับUnderstanding body languageในการปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ เราควรเรียนรู้ถึงลักษณะภาษากายต่าง ๆ เช่น สายตา สีหน้า ท่าทาง ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเขา เพื่อที่เราจะไม่ตีความผิด ในที่นี้ขอยกตัวอย่างใน 2 เรื่อง คือ “การมอง” และ “ระยะห่างของขอบเขต” ในเรื่อง “การมอง” ในแต่ละประเทศมีความหมายต่างกัน สังคมตะวันตกชอบที่จะมองตรง ๆ มากกว่าการมองเฉียด ๆ หรือหลบตา ถ้าจริงจัง จริงใจ ต้องจ้องตาคนที่จะพูดด้วย ส่วนการชำเลืองมองทางด้านข้าง ชาวสเปนและชาวอังกฤษ รู้กันว่าเป็นการมองแบบขโมย และมักใช้การมองเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่ามองอยู่ ในสังคมชาวเปอโตริโก เด็กผู้หญิงที่ดี ต้องไม่มองตาผู้ใหญ่โดยเด็ดขาด และจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เช่นเดียวกับในกลุ่มของคนเอเชีย เวลาพูดกันก็จะไม่ค่อยมองหน้ากัน ยิ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่ มักจะยิ่งหลบตาลงต่ำ ส่วนเรื่อง “ระยะห่างของขอบเขต” ซึ่งหมายถึง พื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างเรากับ ผู้ที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ระยะห่างมาก หรือห่างน้อย จะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม และเกี่ยวข้องกับความรู้สึก เช่น คนชั้นกลาง ที่อาศัยอยู่ในเมือง ในอเมริกาเหนือ อังกฤษ และออสเตรเลีย มักมีระยะห่างใกล้เคียงกัน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ขอบเขตชั้นใน (ระหว่าง 6-8 นิ้ว) เป็นพื้นที่ส่วนตัวมากที่สุด อนุญาตเฉพาะคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมเท่านั้นที่เข้ามาได้ ขอบเขตส่วนบุคคล (ระหว่าง 1.5-4 ฟุต) เป็นระยะที่เรามักจะใช้ยืนอยู่ในงานเลี้ยง งานสังคม งานสังสรรค์ในบริษัท และเมื่อเวลาเพื่อนฝูงมาชุมนุมกัน ขอบเขตสังคม (ระหว่าง 4-12 ฟุต) เป็นระยะที่เราใช้เมื่อยืนอยู่กับคนแปลกหน้า ขอบเขตในที่สาธารณะ (มากกว่า 12 ฟุต) ระยะนี้เป็นระยะที่เราเลือกเมื่อจะต้องออกไปพูดในที่ชุมนุมชน เพราะทำให้เรารู้สึกสบาย เมื่อต้องปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ เราควรเรียนรู้ “ระยะห่าง” นี้ด้วยUnderstanding diversityAssimilated is important, we should learn, because religious belief is a result-oriented social manners and satisfaction-satisfaction. Assimilated, we should learn about such social manners in General, foreigners are the women arrived. Must get up stand and invited women to sit first. By selecting a seat, which I think should be the proper time to costume parties. Men wear a suit Women should wear a beautiful chutkraprong Religious practices, such as the Islamic people do not eat pork and do not touch the dogs and snakes because they are considered as dirty animals. Arabs in the Middle East, and India considered the left hand is not clean.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
This article is an experience About cultural understanding in various areas of the country. Which I think will be beneficial for students to go to study or meet with foreigners in different situations, the
understanding of the language at different
times we do not realize that even foreigners will listen out. But if we are in a different culture. I can not understand the meaning that we communicate. Or may misinterpret the meaning that we want to convey, for example in Thailand will have an expression that compares to do simple things with "Pakklgwiekgapak" But if we talk with foreigners. This then translates literally as "It's easy as if we peel a banana and put it into the mouth." People may not understand that. Why do we compare so because society formerly Thailand. Bananas are easy to eat. But the society of foreigners is not so, or that the wife is called "Minor wife" which does not match any word in the English language. For British society seems to be a Secret wife over because British society is a society. "Monogamy" when speaking to foreigners. May be misinterpreted, so bringing the culture of Thailand to mingle with other languages. Then communicated to foreigners. It makes our communication less effective. Because the audience does not understand Or may be a problem when misinterpreted. The solution is Should be comparable to the definition of "words" or "sentences" that we want to communicate with the "word" or "sentences" in a foreign language. Conformity to both
culture greeting
greeting is the first step to open the door to building a good relationship. When we need to interact with foreigners. Greeted by his culture to impress as well, so we should learn to greet culture of people of different cultures that we have to interact with. For example Greeting with a handshake Currently greeted with a handshake called a universal manner. That must be the right hand by a common courtesy. Use your right hand to the right hand side, then shake gently up and down just 1-2 with a smiling countenance. If a man together The senior will be the first to shake his hand. If a man and woman The woman will reach to capture first. The man thus extends answer Unless more senior men. Time handshake He took her hand in his pocket Do not bowed Should look at opponents I stood up to shake hands with this tradition in other countries are different, as the Germans usually shake hands once the American people on the right hand side and use the other hand to articulate again. Or using the left hand to the upper arm or on the right shoulder again. The catch is often used with close friends. And politicians often use this method, however, there are some who think the clasp is not that tastes so bad any given situation. We should study the culture of the person we are interacting with it. The greet with salaam. Especially with the Japanese Learning how to greet with a bow. It allows us to receive more recognition bow section 3 of the curve at an angle of 15 degrees from the hip to the upper part of the body. The greeting should say hello to bow to bend at an angle of 30 degrees homage. The curve at an angle of 45 degrees to show the utmost respect to the third bend the fingers on both sides have attached a sample vessels. Then head with a curved trunk to the front beyond the knees. The curve must coordinate the eyes with the other party. Both before and after bowing
understand physical
interaction with foreigners. We should learn to look like eyes, facial expression, body language consistent with his culture. So that we are not misinterpreted. In this example, the second is "the look" and "distance of bounds" in "look" each country has a different meaning. Western society likes to look at more than a furlong or drooping eye be seriously affected if the person to speak with. A glance at the side. Spanish and English Commonly known as a form of stealing. And is often used to look like this. In order not to be caught looking. Society in Puerto Rico. Good girl Adults need not look strictly prohibited. And do not say anything at all As well as a group of people in Asia. The Times said it will rarely look at each other. Even if an adult The more often drooping lower part of "the distance of the boundary," which refers to the space between us. Whom we are interacting with a distance more or less related to culture. And relate to feeling like the middle class living in the city. In North America, the UK and Australia Usually spaced similarly divided into four stages: the inner boundary (between 6-8 inches) is the most personal space. Only allow people who have intimacy only comes up. Personal boundaries (between 1.5-4 ft), is that we tend to use social standing in the party, the party of the Company. And when friends gather together social boundaries (between 4-12 feet) is the term we use when standing with strangers. The scope of the public (over 12 feet), this is where we have to choose when to declaim. It makes us feel good To interact with foreigners. We should learn to "distance" With this
understanding, tradition
, tradition is important that we should learn. Besides, because of religious beliefs. Social etiquette And satisfaction - are unhappy. Traditions that we should learn about social etiquette, such as when a foreigner arrives. To stand up And invited women to sit before. The seat was thought best. Should dress appropriately for the party. Men should wear a suit Women should wear a beautiful dress Islamic religious practices, such as not eating. And do not touch the dog, pig and snake because it is considered unclean animals. Arabs in the Middle East and India left hand is considered unclean.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
This article is the transfer of experience. About the understanding of culture in various aspects of foreign. Which I think will be helpful to the students.. as follows:
.Understand the use of different languages
.Many times we didn't realize that foreigners even listen to language, but if in a different culture with us. Cannot understand the meaning we communicate. Or can be interpreted from the wrong meaning that we want the media, for example.. with "shooting fish in a barrel." but if we talk to foreigners, and direct translation, literally, "It 's easy as if we peel a banana and put. It into the mouth."They may not understand that why do we compare that this is because the society period. What is it easy eating banana But the society of foreigners are not so, or "concubine. We called" Minor wife. "For British society would be "Secret wife. Due to British society as a society." the husband only one wife. "When talking with the foreigners. May misinterpret. Hence, the Thai culture used to mix with other languages.To make our communication is less efficient because the audience do not understand or may cause problems เมื่อตี guilty. The solution is should be comparable with the meaning of the "The word" or "sentences." we want to communicate with the "word" or "sentences."
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: