BackgroundMany Christians celebrate

Background
Many Christians celebrate Easter Sunday as the day of Jesus Christ’s resurrection, which is written in the New Testament of the Christian bible. According to the Gospel of John in the New Testament, Mary Magdalene came to the tomb where Jesus was buried and found it empty. An angel told her that Jesus had risen. Christians worldwide have celebrated Easter for centuries.

However, the roots of the Easter holiday’s traditions and activities can be traced back to pagan celebrations. The name Easter is believed to come from Eostara, the goddess of rebirth. In early times the Feast of Eostara celebrated earth’s resurrection and rebirth. Strict Puritans would have nothing to do with Easter – it was merely a human institution – in the past. Charles I, king of England, declared the day as scriptural as Sunday in 1647 but Parliament contradicted him in print and abolished it with other church festivals.

The Easter date depends on the ecclesiastical approximation of the March equinox. In 325CE the Council of Nicaea decided that the Easter date would be the first Sunday after the first full moon occurring on or after the March equinox. Easter is therefore delayed one week if the full moon is on Sunday, which lessens the likelihood of it falling on the same day as the Jewish Passover. Eastern Orthodox churches in many countries such as Greece still figure their Easter date based on the Julian calendar.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลังคริสเตียนมากมายฉลองอีสเตอร์วันอาทิตย์เป็นวันของพระคริสต์พระเยซูฟื้นคืนชีพ ซึ่งเขียนในพันธสัญญาใหม่ของคัมภีร์คริสเตียน ตามพระวรสารของยอห์นในพันธสัญญาใหม่ มารีย์ชาวมักดาลามาถึงสุสานที่พระเยซูถูกฝังอยู่ และพบว่ามันว่างเปล่า ทูตสวรรค์บอกเธอว่า พระเยซูมีเพิ่มขึ้น คริสเตียนทั่วโลกมีการเฉลิมฉลองอีสเตอร์ในศตวรรษอย่างไรก็ตาม ของประเพณีและกิจกรรมของวันหยุดอีสเตอร์สามารถติดตามกลับไปฉลองป่าเถื่อน ชื่ออีสเตอร์จะเชื่อว่ามาจาก Eostara เจ้าของเกิดใหม่ ในช่วง ฉลอง Eostara เฉลิมฉลองการคืนพระชนม์และการเกิดใหม่ของโลก Puritans เข้มงวดจะมีอะไรกับอีสเตอร์ – ก็แค่เป็นมนุษย์สถาบันในอดีต ชาร์ลส์ฉัน กษัตริย์ของอังกฤษ ประกาศว่า เป็นวันอาทิตย์เป็นวันใน 1647 แต่รัฐสภา contradicted เขาพิมพ์ และยุติกับเทศกาลคริสตจักรอื่น ๆวันอีสเตอร์ขึ้นอยู่กับประมาณ ecclesiastical ของวิษุวัตมีนาคม 325CE สภาไนเซียตัดสินใจว่า วันอีสเตอร์ที่จะเป็นวันอาทิตย์แรกหลัง จากเกิดขึ้นบนดวงจันทร์เต็มแรก หรือ หลังวิษุวัตมีนาคม อีสเตอร์จึงล่าช้าหนึ่งสัปดาห์ว่าพระจันทร์เต็มดวงอาทิตย์ ซึ่งลดโอกาสจะตกในวันเดียวเป็นเทศกาลปัสกาชาวยิว วออโธดอกซ์ตะวันออกโบสถ์ในหลายประเทศเช่นกรีซยังคงคิดอีสเตอร์วันที่ตามปฏิทิน Julian

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลังคริสเตียนเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์วันอาทิตย์
มากมายเหมือนวันของพระเยซูฟื้นคืนชีพ ซึ่งเขียนในพันธสัญญาใหม่ของคริสเตียนพระคัมภีร์ ตามพระวรสารของยอห์นในพระคัมภีร์ใหม่ มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ที่พระเยซูถูกฝังอยู่ และพบว่ามันว่างเปล่า เทวดาบอกเธอว่าพระเยซูได้เพิ่มขึ้น คริสเตียนทั่วโลกฉลองเทศกาลอีสเตอร์สำหรับศตวรรษ .

อย่างไรก็ตามรากเหง้าของประเพณีวันหยุดอีสเตอร์และกิจกรรมต่างๆสามารถติดตามกลับไปฉลองพุกาม ชื่อเทศกาลอีสเตอร์ที่เชื่อว่ามาจาก eostara , เทพธิดาแห่งการเกิดใหม่ ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองครั้ง eostara การคืนชีพของโลกและการเกิดใหม่ เพียวริตันเข้มงวดก็ไม่เกี่ยวอะไรกับอีสเตอร์ซึ่งเป็นเพียงสถาบันมนุษย์ทั้งในอดีต ชาร์ลส์ผม , กษัตริย์แห่งอังกฤษประกาศวันพระคัมภีร์เป็นอาทิตย์ใน 1695 รัฐสภาโต้แย้ง แต่เขาพิมพ์ และยกเลิกมันกับเทศกาลอีสเตอร์คริสตจักรอื่น ๆ .

วันที่ขึ้นอยู่กับพระประมาณ มีนาคม ) . ใน 325ce สภาไนเซียตัดสินใจว่าวันที่อีสเตอร์จะวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกเกิดขึ้นในหรือหลังจากวันที่เริ่มต้น .อีสเตอร์จึงเลื่อนออกไปหนึ่งสัปดาห์ ถ้าพระจันทร์เต็มดวงในวันอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดโอกาสของตกในวันเดียวกับเทศกาลปัสกาของชาวยิว โบสถ์ออร์ทอดอกซ์ตะวันออกในหลายประเทศ เช่น กรีซ ยังคงรูปของวันอีสเตอร์วันที่ตามปฏิทินจูเลียน .