The belief that poverty stems from

The belief that poverty stems from individual deficiencies is old. Religious doctrine that equated wealth with the favor of God was central to the Protestant reformation (Weber 2001) and blind, crippled, or deformed people were believed to be punished by God for either their or their parents’ sins. With the emergence of the concept of inherited intelligence in the 19th century, the eugenics movement went so far as to rationalize poverty and even sterilization for those who appeared to have limited abilities. Books like Hurrnstein and Murray’s The Bell Curve (1994) are modern uses of this explanation. Rainwater (1970:16) critically discusses individualistic theories of poverty as a “moralizing perspective” and notes that the poor are “afflicted with the mark of Cain. They are meant to suffer, indeed must suffer, because of their moral failings. They live in a deserved hell on earth.” Rainwater goes on to say that it is difficult to overestimate the extent to which this perspective (incorrectly) under-girds our visions of poverty, including the perspective of the disinherited themselves.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเชื่อว่าความยากจนเกิดจากแต่ละทรงจะเก่า หลักคำสอนทางศาสนาที่ equated มั่งคั่ง ด้วยโปรดปรานของพระเจ้าเป็นศูนย์กลางการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ (แบ่งแยก 2001) และคนตาบอด พิการหัด หรือพิการถูกเชื่อว่าจะถูกลงโทษ โดยพระเจ้าสำหรับความบาปของพวกเขา หรือของพ่อแม่ กับการเกิดขึ้นของแนวคิดของปัญญาที่สืบทอดมาในศตวรรษที่ 19 การเคลื่อนไหว eugenics ไปจนเป็น rationalize ความยากจนและฆ่าเชื้อแม้ว่าผู้ที่ปรากฏให้ได้รับการจำกัดความสามารถ หนังสือเช่น Hurrnstein และของเมอร์เรย์ระฆังโค้ง (1994) ทันสมัยใช้คำอธิบายนี้ แบบสายฝน (1970:16) อธิบายถึงทฤษฎี individualistic ความยากจนเป็น "มุมมอง moralizing" และเหตุคนจน "ทรมานกับเครื่องของคาอินคือใคร พวกเขาจะหมายถึงประสบ แน่นอนต้องประสบ เนื่องจากความล้มเหลวของคุณธรรม พวกเขาอาศัยอยู่ในนรกสมควรบนโลก" แบบสายฝนไปเพื่อบอกว่า มันเป็นเรื่องยากจะ overestimate ขอบเขตที่มอง (ถูก) น้อย girds ของเราวิสัยทัศน์ของความยากจน รวมถึงมุมมองของการ disinherited ตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเชื่อที่ว่าความยากจนเกิดจากข้อบกพร่องของแต่ละบุคคลมีความเก่าแก่ หลักคำสอนทางศาสนาที่บรรจุความมั่งคั่งด้วยความโปรดปรานของพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ (เวเบอร์ 2001) และคนตาบอดพิการหรือคนพิการได้รับการเชื่อว่าจะได้รับการลงโทษจากพระเจ้าสำหรับทั้งบาปของพวกเขาหรือพ่อแม่ของพวกเขา กับการเกิดของแนวความคิดของหน่วยสืบราชการลับที่สืบทอดมาในศตวรรษที่ 19 การเคลื่อนไหวสุพันธุศาสตร์ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองความยากจนและการฆ่าเชื้อแม้สำหรับผู้ที่ดูเหมือนจะมีความสามารถ จำกัด หนังสือเช่น Hurrnstein และเมอร์เร Bell Curve (1994) ที่มีการใช้งานที่ทันสมัย​​ของคำอธิบายนี้ น้ำฝน (1970: 16) นักวิจารณ์กล่าวถึงทฤษฎีปัจเจกของความยากจนเป็น "มุมมองของศีลธรรม" และตั้งข้อสังเกตว่าคนยากจนเป็น "ทุกข์กับเครื่องหมายของอดัม พวกเขาจะหมายถึงการประสบแน่นอนต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความล้มเหลวทางศีลธรรมของพวกเขา พวกเขาอยู่ในนรกสมควรจะได้อยู่บนโลก. "น้ำฝนก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะประเมินขอบเขตที่มุมมองนี้ (ถูก) ภายใต้ girds วิสัยทัศน์ของความยากจนของเรารวมถึงมุมมองของตัวเองตระกูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความเชื่อที่ว่า ความยากจนเกิดจากข้อบกพร่องของแต่ละบุคคลเป็นเก่า ศาสนาลัทธิที่ equated ความร่ำรวยกับความโปรดปรานของพระเจ้าถูกกลางเพื่อการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ ( Weber 2001 ) และตาบอด พิการ หรือทำให้คนเชื่อว่าเป็นพระเจ้าลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งของตน หรือของพ่อแม่บาป กับการเกิดของแนวคิดของการข่าวกรองในศตวรรษที่ 19 ,และการปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์เคลื่อนไหวไปเท่าที่จะหาเหตุผล ความยากจน และแม้แต่การฆ่าเชื้อสำหรับผู้ที่ปรากฏว่ามีความสามารถจำกัด หนังสือที่ชอบ hurrnstein และเมอร์เรย์เป็นเส้นโค้งรูประฆัง ( 1994 ) จะใช้ที่ทันสมัยของคำอธิบายนี้ น้ำฝน ( 1970 :16 ) ได้กล่าวถึงทฤษฎีของวิกฤตความยากจนปัจเจกเป็น " moralizing มุมมอง " และบันทึกที่ยากจนเป็น " เดือดร้อนกับเรื่องนี้ พวกเขาตั้งใจที่จะทรมานจริงๆต้องประสบเพราะพวกเขามีความล้มเหลว . พวกเขาอาศัยอยู่ในที่สมควร นรกบนดิน" น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า เป็นเรื่องยาก อย่ามองข้ามขอบเขตซึ่งมุมมองนี้ ( ไม่ถูกต้อง ) ภายใต้ girds วิสัยทัศน์ของเราของความยากจน รวมถึงมุมมองของตัดออกจากกองมรดกนะตัวเอง