An examination of the moderating ro

An examination of the moderating role of managerial level is made to determine
whether working as a human resource manager, chief financial officer or chief executive
officer affects the association between psychological empowerment or organisational
commitment and the level of job satisfaction.
The results of testing Hypothesis 3 show partial support for the association between
psychological empowerment and job satisfaction, moderated by managerial level.
Specifically, there is a significant positive association between the autonomy dimension
of psychological empowerment and job satisfaction for chief financial officers
(β = 0.227; p = 0.008). That is, chief financial officers perceive significantly greater
job satisfaction when they are given greater levels of autonomy. Similarly, the results
show a significant positive association between autonomy and job satisfaction for
human resource managers (β = 0.181; p = 0.037). This indicates that human resource
managers feel a greater sense of job satisfaction when they are given greater levels
of autonomy in their workplace. However, none of the managerial levels perceived
a significant association between any of the other dimensions of empowerment
(competence, influence and meaningfulness) and job satisfaction.
The results of testing Hypothesis 4 show full support for the association between
affective commitment and job satisfaction, moderated by managerial level. There
are significant positive associations between the affective commitment dimension
of organisational commitment and job satisfaction for each of the three managerial
levels: chief executive officer (β = 0.208; p = 0.004), chief financial officer (β = 0.176;
p = 0.015) and human resource manager (β = 0.136; p = 0.045). That is, when each
manager has a greater level of affective commitment for their organisation, they feel
a greater sense of job satisfaction. The results also reveal that there are no significant
associations between continuance commitment and job satisfaction for any of the three
managerial levels.
In summary, the results of investigating Hypothesis 1 show overall support for an
association between autonomy and job satisfaction. However, the results of testing
Hypothesis 3 show that the association between autonomy and job satisfaction is
particularly important for chief financial officers and human resource managers rather
than for chief executive officers. Also, while the results of testing Hypothesis 2 show
overall support for an association between affective commitment and job satisfaction,
the results of testing Hypothesis 4 reveal that each specific managerial level shows
a connection between affective commitment and increased job satisfaction, but no
statistically significant association of continuance commitment and job satisfaction.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การตรวจสอบบทบาท moderating ระดับบริหารจะกำหนดว่าทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้บริหารระดับสูงเจ้าหน้าที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ระหว่างอำนาจทางจิตวิทยา หรือ organisationalความมุ่งมั่นและระดับของความพึงพอใจในงานผลการทดสอบสมมติฐาน 3 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสนับสนุนบางส่วนจิตวิทยางานศักยภาพและพึงพอใจ โดยระดับบริหารโดยเฉพาะ มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างมิติอิสระของจิตใจเสริมสร้างพลังอำนาจและงานความพึงพอใจสำหรับเจ้าหน้าที่การเงินที่ประธาน(Β = 0.227; p = 0.008) นั่นคือ เจ้าหน้าที่การเงินประธานสังเกตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญความพึงพอใจงานเมื่อพวกเขาได้อิสระในระดับสูง ในทำนองเดียวกัน ผลแสดงความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างอิสระและงานความพึงพอใจในผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (β = 0.181; p = 0.037) บ่งชี้ว่า ทรัพยากรมนุษย์ผู้จัดการรู้สึกสัมผัสความรู้สึกของความพึงพอใจในงานจะได้ค่าระดับอิสระในการทำงานของ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการบริหารจัดการระดับมองเห็นความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างขนาดของอำนาจใด ๆ(ความสามารถ อิทธิพล และ meaningfulness) และงานความพึงพอใจผลการทดสอบสมมติฐาน 4 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสนับสนุนเต็มผลงานและมั่นใจความพึงพอใจ โดยระดับบริหาร มีมีความสัมพันธ์บวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างมิติมั่นผลพึง organisational มั่นและงานสำหรับแต่ละบริหาร 3ระดับ: ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (β = 0.208; p = 0.004), ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (β = 0.176p = 0.015) และผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (β = 0.136; p = 0.045) นั่นคือ เมื่อแต่ละผู้จัดการมีผลความมุ่งมั่นขององค์กรในระดับมาก พวกเขารู้สึกความรู้สึกมากกว่าความพึงพอใจในงาน ผลลัพธ์ยังเปิดเผยว่า มีความสำคัญไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความมุ่งมั่นต่อเนื่องและความพึงพอใจในงานของทั้งสามระดับการบริหารจัดการในสรุป ผลการตรวจสอบสมมติฐาน 1 แสดงสนับสนุนโดยรวมสำหรับการความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจที่อิสระและงาน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการทดสอบสมมติฐานที่ 3 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจที่อิสระและงานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเจ้าหน้าที่การเงินที่ประธานและผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นกว่าสำหรับประธานบริหารนั้น ในขณะที่ผลการทดสอบสมมติฐาน 2 แสดงสนับสนุนโดยรวมสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างผลมุ่งมั่นและความพึงพอใจในงานผลการทดสอบสมมติฐาน 4 เปิดเผยว่า แต่ละระดับการบริหารจัดการเฉพาะแสดงการเชื่อมต่อระหว่างผลมุ่งมั่น และความพึงพอใจในงานเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีสมาคมความมั่นและงานต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การตรวจสอบของบทบาทดูแลของระดับผู้บริหารจะทำเพื่อตรวจสอบ
ว่าการทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์, เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินหรือผู้บริหารหัวหน้า
เจ้าหน้าที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านจิตใจหรือองค์กร
ความมุ่งมั่นและระดับของความพึงพอใจในงาน.
ผลของการทดสอบสมมติฐานที่ 3 แสดงการสนับสนุนบางส่วนสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างการ
เพิ่มขีดความสามารถทางด้านจิตใจและความพึงพอใจในการทำงานพอสมควรโดยระดับการบริหารจัดการ.
โดยเฉพาะมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างมิติที่เป็นอิสระ
ของการเพิ่มพลังทางด้านจิตใจและความพึงพอใจในการทำงานสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
(β = 0.227; p = 0.008) ว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินรับรู้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
พึงพอใจในงานเมื่อพวกเขาจะได้รับระดับสูงของความเป็นอิสระ ในทำนองเดียวกันผลการ
แสดงความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างความเป็นอิสระและความพึงพอใจในการทำงานสำหรับ
ผู้บริหารทรัพยากรมนุษย์ (β = 0.181; p = 0.037) นี้บ่งชี้ว่าทรัพยากรมนุษย์
ผู้จัดการรู้สึกความรู้สึกของความพึงพอใจในงานเมื่อพวกเขาจะได้รับระดับสูง
ของความเป็นอิสระในการทำงานของพวกเขา แต่ไม่มีการบริหารจัดการระดับการรับรู้
การเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการใด ๆ ของมิติอื่น ๆ ของการเพิ่มพลัง
(ความสามารถมีอิทธิพลและความหมาย) และความพึงพอใจในการทำงาน.
ผลของการทดสอบสมมติฐานที่ 4 แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับการเชื่อมโยงระหว่าง
ความมุ่งมั่นของอารมณ์และความพึงพอใจในการทำงานพอสมควร โดยระดับการบริหารจัดการ มี
ความสัมพันธ์ที่ดีมีความสำคัญระหว่างมิติความมุ่งมั่นอารมณ์
ของความมุ่งมั่นขององค์กรและความพึงพอใจในการทำงานสำหรับแต่ละสามการบริหาร
ระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (β = 0.208; p = 0.004) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (β = 0.176;
p = 0.015) และ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (β = 0.136; p = 0.045) นั่นคือเมื่อแต่ละ
ผู้จัดการมีระดับสูงของความมุ่งมั่นอารมณ์สำหรับองค์กรของพวกเขาพวกเขารู้สึก
ความรู้สึกของความพึงพอใจในงาน ผลการทดลองยังแสดงให้เห็นว่าไม่มีนัยสำคัญ
ความสัมพันธ์ระหว่างความมุ่งมั่นความต่อเนื่องและความพึงพอใจในการทำงานใด ๆ ของสาม
ระดับการบริหารจัดการ.
ในการสรุปผลการตรวจสอบสมมติฐานที่ 1 แสดงการสนับสนุนโดยรวมสำหรับ
ความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นอิสระและความพึงพอใจในการทำงาน อย่างไรก็ตามผลของการทดสอบ
สมมติฐานที่ 3 แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นอิสระและความพึงพอใจในการทำงานเป็น
สิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์ค่อนข้าง
กว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ในขณะที่ผลของการทดสอบสมมติฐานที่ 2 แสดง
การสนับสนุนโดยรวมสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ความมุ่งมั่นและความพึงพอใจในการทำงาน,
ผลของการทดสอบสมมติฐานที่ 4 แสดงให้เห็นว่าแต่ละระดับการบริหารจัดการเฉพาะแสดงให้เห็นถึง
ความมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อระหว่างอารมณ์และความพึงพอใจในการทำงานเพิ่มขึ้น แต่ไม่มี
ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ความต่อเนื่องของความมุ่งมั่นและความพึงพอใจในการทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตรวจสอบของควบคุมบทบาทของระดับบริหารจะทำเพื่อตรวจสอบ
ว่าทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล , หัวหน้าฝ่ายการเงิน หรือ เจ้าหน้าที่บริหารหัวหน้าสมาคมระหว่างการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อ

จิตหรือความผูกพันองค์กรและระดับความพึงพอใจ
ผลการทดสอบสมมติฐาน 3 แสดงการสนับสนุนบางส่วนสำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง
การเสริมสร้างพลังอำนาจทางด้านจิตใจและความพึงพอใจมากขึ้นโดยระดับบริหาร . . .
โดยเฉพาะ มีความสัมพันธ์ทางบวกระหว่างสมาคมในมิติของการเสริมสร้างพลังอำนาจทางด้านจิตใจ
กับความพึงพอใจในงานของเจ้าหน้าที่การเงินหัวหน้า
( บีตา = 0.227 ; p = 0.008 ) นั่นคือเจ้าหน้าที่การเงินหัวหน้ารับรู้อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น
เมื่อพวกเขาจะได้รับความพึงพอใจในระดับสูงของอิสระ ในทำนองเดียวกันผล
แสดงความสัมพันธ์ทางบวกระหว่างสมาคมอิสระและความพึงพอใจสำหรับ
ผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์ ( บีตา = 0.007 ; p = 0.037 ) นี้บ่งชี้ว่าผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์
รู้สึกความรู้สึกที่มากขึ้นของความพึงพอใจเมื่อพวกเขาจะได้รับระดับค่า
ความเป็นอิสระในที่ทำงาน อย่างไรก็ตามไม่มีของการจัดการระดับการรับรู้การความสัมพันธ์ระหว่างใด ๆของมิติอื่น ๆของการเสริมพลังอำนาจ ( ความสามารถ อิทธิพล และค่า

) และความพึงพอใจ ผลการทดสอบสมมติฐานที่ 4 แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง
อารมณ์ความมุ่งมั่นและความพึงพอใจมากขึ้นโดยระดับบริหาร มี
สมาคมความสัมพันธ์ทางบวกระหว่างอารมณ์ ความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นขององค์กรและมิติ
ความพึงพอใจสำหรับแต่ละสามบริหาร
ระดับ : ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ( บีตา = 0.208 , p = 0.004 ) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน ( บีตา = 0.176 ;
( p = 0.007 ) และผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ( บีตา = 0.136 ; P = 0.045 ) . นั่นคือ เมื่อแต่ละ
ผู้จัดการมีมากกว่าระดับของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องขององค์กรของพวกเขา พวกเขารู้สึก
ความรู้สึกมากขึ้นของความพึงพอใจในงาน ผลการวิจัยยังพบว่า ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลา
สมาคมมุ่งมั่นและความพึงพอใจใด ๆการจัดการระดับ 3
.
สรุปได้ว่า ผลของการตรวจสอบสมมติฐานที่ 1 แสดงการสนับสนุนโดยรวมสำหรับ
ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและความพึงพอใจในงาน อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบสมมติฐานที่ 3
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและความพึงพอใจเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าหน้าที่การเงินหัวหน้า

และผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์ค่อนข้างมากกว่าสำหรับผู้บริหาร . นอกจากนี้ ในขณะที่ผลการทดสอบสมมติฐานที่ 2
แสดงสนับสนุนโดยสมาคมระหว่างอารมณ์ความผูกพันและความพึงพอใจ
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า แต่ละระดับที่ 4 การบริหารจัดการแสดง
การเชื่อมต่อระหว่างอารมณ์ความผูกพันและเพิ่มความพึงพอใจในงาน แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติความสัมพันธ์ของความมุ่งมั่น
ความต่อเนื่องและความพึงพอใจในงาน