Wat Si Chum (Thai: วัดศรีชุม) has a

Wat Si Chum (Thai: วัดศรีชุม) has a massive mandapa in the middle of the complex which was built in the late 14th century by King Maha Thammaracha II. Inside the mandapa, there is a huge 11 meters wide and 15 meters high seated Buddha image called "Phra Achana", which was mentioned in Ramkhamhaeng stele. The Mandapa has a square base of 32 meters on each side and 15 meters high, and its walls are three feet thick. In the south wall there is a narrow staircase passage which can be used to reach the roof. In this passage more than 50 slates were discovered on which images from the life of Buddha (Jataka) are engraved. These slates are the oldest surviving examples of Thai art of drawing. East of mandapa are the ruins of vihara with column fragments and three Buddha image pedestals. North of the Mandapa are the ruins of another small vihara and another smaller mandapa with a Buddha image. The entire complex is surrounded by a moat. There is a legend that to boost morale of the ancient soldiers and people, the kings went through the hidden passageway and address the people through a hole, making them believed the voice they were hearing was actually the Buddha's.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดศรีชุม (ไทย: วัดศรีชุม) ได้ mandapa ใหญ่กลางซับซ้อนซึ่งถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14 โดยพระมหา Thammaracha II ภายใน mandapa มีมีขนาดใหญ่ 11 เมตรกว้าง และสูง 15 เมตรนั่งประดิษฐานพระพุทธรูปที่เรียกว่า "Achana พระ" ซึ่งได้กล่าวถึงใน stele รามคำแหง Mandapa มีฐานสี่เหลี่ยมด้านละ 32 เมตรและสูง 15 เมตร และกำแพง สามฟุตหนา ผนังใต้ มีเส้นทางขึ้นแคบซึ่งสามารถใช้ได้ถึงหลังคา ในพระธรรมตอนนี้ ขนาดมากกว่า 50 ถูกค้นพบในภาพใดจากพระพุทธเจ้า (ชาดก) ฝังอยู่ ขนาดเหล่านี้เป็นตัวอย่างรอดตายเก่าแก่ที่สุดของศิลปะไทยการวาดภาพ ตะวันออก mandapa เป็นซากปรักหักพังของวิหารกับบางส่วนของคอลัมน์และ pedestals รูปพระสาม จาก Mandapa มีซากปรักหักพังของวิหารเล็กอีกและ mandapa มีขนาดเล็กลงอีก ด้วยพระพุทธรูป ซับซ้อนทั้งหมดล้อมรอบ ด้วยคูเมือง มีคำอธิบายว่า เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารโบราณและคน กษัตริย์ไปผ่านทางซ่อนอยู่คนผ่าน ทำให้พวกเขาเชื่อว่า พวกเขาได้ยินเสียงมีจริงของพระพุทธเจ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดศรีชุม (ไทย: วัดศรีชุม) มี mandapa ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของความซับซ้อนซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 โดยกษัตริย์พระมหาธรรมราชาที่สอง ภายในมณฑปที่มีขนาดใหญ่ 11 เมตรกว้าง 15 เมตรพระพุทธรูปนั่งสูงที่เรียกว่า "พระ Achana" ซึ่งได้รับการกล่าวถึงใน stele รามคำแหง Mandapa มีฐานสี่เหลี่ยม 32 เมตรในแต่ละด้านและ 15 เมตรสูงและผนังที่มีความสามฟุตหนา ในผนังด้านทิศใต้มีทางบันไดแคบ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการเข้าถึงหลังคา ในทางนี้มากกว่า 50 ชนวนที่ถูกค้นพบที่ภาพจากชีวิตของพระพุทธเจ้า (ชาดก) จะตราตรึง ชนวนเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดที่รอดตายของศิลปะไทยของการวาดภาพ ทางตะวันออกของ mandapa มีซากปรักหักพังของวิหารที่มีเศษคอลัมน์สามพระพุทธแท่นภาพ ทางตอนเหนือของ Mandapa มีซากปรักหักพังของวิหารเล็ก ๆ อีกและอีก mandapa ขนาดเล็กที่มีพระพุทธรูป ที่ซับซ้อนทั้งหมดจะถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ มีตำนานที่จะเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารโบราณและคนที่เป็นกษัตริย์เดินผ่านทางเดินที่ซ่อนอยู่และที่อยู่ของผู้คนผ่านรูที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาได้รับเสียงที่ได้ยินเป็นจริงของพระพุทธเจ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำชุบ ( ไทย : วัดศรีชุม ) มีมณฑปขนาดใหญ่ในช่วงกลางของซับซ้อนซึ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 สาย โดยสมเด็จพระมหา thammaracha II ภายในมณฑปมีขนาดใหญ่กว้าง 15 เมตร สูง 11 เมตร และพระพุทธรูปที่เรียกว่า " พระอจนะ " ซึ่งถูกกล่าวถึงในศิลาจารึกรามคำแหง . ที่มณฑปมีฐานสี่เหลี่ยม 32 เมตร ในแต่ละด้านและสูง 15 เมตรและที่ผนังจะหนาสามฟุต ในผนังด้านใต้มีช่องบันไดแคบๆซึ่งสามารถใช้เพื่อเข้าถึงหลังคา ในหัวข้อนี้กว่า 50 slates ถูกค้นพบ ซึ่งภาพจากชีวิตของพระพุทธเจ้า ( ชาดก ) ถูกตราตรึง กระดานชนวนเหล่านี้คือตัวอย่างของคนไทยที่เก่าแก่ที่สุดที่รอดตายศิลปะวาดเส้นทางทิศตะวันออกของมณฑปเป็นซากปรักหักพังของวิหารมีเสาและสามเศษพระพุทธรูปแท่น . ทางทิศเหนือของมณฑปมีซากปรักหักพังของวิหารเล็กอีกและอีกเล็กมณฑปมีพระพุทธรูป ที่ซับซ้อนทั้งหมด มีคูเมืองล้อมรอบ มีตำนานว่า เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารโบราณ และคนกษัตริย์ผ่านทางเดินที่ซ่อนอยู่และที่อยู่คนผ่านหลุม ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเสียงที่พวกเขาได้ยิน คือพระพุทธเจ้า .