Bureaucracy under a Democratic Poli

Bureaucracy under a Democratic Polity
In 1973, the Thai bureaucratic polity was, for the first time, severely shaken by mass uprisings led by students which eventually overthrew the military government. The 1973 revolution symbolizes the beginning of the end for the legitimacy of military rule and coup d’etats, and marked a major step toward democratic rule. Since then, the transformation process from a bureaucratic polity to a democratic polity has begun. The political arena is moving away from”bureaucracy” to ”general elections.” To become prime minister, cabinet members, and MPs (members of parliament), one has to be an elected politician,-not a high bureaucrat. The majority of cabinet positions during recent governments of Chatichai. Chuan, Banharn, and Chavalit are mostly occupied by businessmen, not by former bureaucratic elites. The struggle for political power is becoming a struggle among several political parties for MP and cabinet posts. Within a political party, the struggle among politicians is for senior ranks in the party so that they can qualify as the party’s nominees for ministerial portfolios. The process of democratization in Thailand is eroding the traditional power of the bureaucratic elites. Since Thailand is still at an early stage of transition, the power of the bureaucratic elites in the bureaucracy remains prevalent. In the new politics, the goal of the bureaucratic elites is to prolong their traditional power. Under democratic polity, elected politicians are replacing bureaucratic elites as the new political heads or superiors of bureaucrats in ministries. More and more bureaucrats perceive the importance of elected politicians as the new “pairons” who can support career advancement in the bureaucracy. Thailand is in transition. In the new emerging democratic polity, elected governments are coalitions of political parties because very few single party has been able to win a majority. In coalition governments. Governance power is diffused and executive authority is shared among members of the coalition. For the thai bureaucracy. Coalition governments have emerged as the key factor in determining which MPs will become their political superiors in the ministries. Thus, to understand contemporary bureaucracy, a coalition-government perspective must be adopted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบราชการภายใต้ Polity ประชาธิปไตย ใน 1973 อำมาตยาธิปไตยไทย ครั้งแรก รุนแรงเขย่า โดยมวลชนลุกฮือนำ โดยนักเรียนที่นับรัฐบาลทหารในที่สุด การปฏิวัติ 1973 สัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดการชอบธรรมของทหารและ d'etats รัฐประหาร และทำเครื่องหมายก้าวกฎประชาธิปไตยหลัก กระบวนการแปลงจากอำมาตยาธิปไตยเป็นการ polity ประชาธิปไตยได้เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น ทางการเมืองจะย้ายจาก "ข้าราชการ" กับ "เลือกตั้งทั่วไป" เป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกคณะรัฐมนตรี MPs (สมาชิกสภา), เคยเป็นนักการเมืองที่ได้รับเลือก , -ไม่มี bureaucrat สูง ส่วนใหญ่ตำแหน่งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชาติชายชุล่าสุด ชวน Banharn และชวลิตเป็นส่วนใหญ่รองรับนักธุรกิจ โดยฝ่ายอนุรักษ์อดีตราชการไม่ การชิงอำนาจทางการเมืองเป็น การต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองหลาย MP และประกาศที่คณะรัฐมนตรี ภายในพรรคการเมือง การต่อสู้ระหว่างนักการเมืองได้สำหรับยศอาวุโสในพรรคเพื่อให้พวกเขาสามารถมีคุณสมบัติเป็นยาได้พอร์ตการลงทุนที่รัฐมนตรีของพรรค ขั้นตอนของกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยถูกกัดเซาะอำนาจดั้งเดิมของฝ่ายอนุรักษ์ราชการ เนื่องจากไทยยังคงที่เป็นระยะแรก ๆ ของการเปลี่ยนแปลง อำนาจของฝ่ายอนุรักษ์ราชการในระบบราชการที่ยังคงแพร่หลาย ในการเมืองใหม่ เป้าหมายของฝ่ายอนุรักษ์ราชการคือการ ยืดอำนาจดั้งเดิม ภายใต้ประชาธิปไตย polity นักการเมืองได้รับเลือกเป็นแทนฝ่ายอนุรักษ์ราชการหัวเมืองใหม่หรือเรียร์ bureaucrats ในทบวงกรม Bureaucrats มากสังเกตความสำคัญของนักการเมืองได้รับเลือกเป็นตัวใหม่ "pairons" ที่สามารถสนับสนุนอาชีพความก้าวหน้าในระบบราชการที่ ประเทศไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนภาพ ในการใหม่เกิดประชาธิปไตย polity รัฐบาลป่าวมี coalitions ของพรรคเนื่องจากพรรคเดียวน้อยมากได้รับชนะส่วนใหญ่ ในพรรคร่วมรัฐบาล กำกับดูแลกิจการพลังงานมีอายุ และอำนาจบริหารร่วมกันระหว่างสมาชิกของรัฐบาล สำหรับระบบราชการไทย พรรคร่วมรัฐบาลได้เกิดเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดซึ่ง MPs จะ เรียร์ของการเมืองในกรม ดัง เข้าใจระบบราชการร่วมสมัย มุมมองของพรรคร่วมรัฐบาลต้องสามารถนำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบบราชการภายใต้
การเมืองประชาธิปไตยใน 1973 , รัฐระบบราชการไทยเป็นครั้งแรก ที่สั่นคลอนอย่างรุนแรง โดยมวลทั้งหลายนำโดยนักเรียนซึ่งในที่สุดคว่ำรัฐบาลทหาร 1973 การปฏิวัติหมายถึงจุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับความชอบธรรมของการปกครองโดยทหาร และรัฐประหาร d'etats และเครื่องหมายขั้นตอนที่สําคัญต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย ตั้งแต่นั้นมาการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากระบบการเมืองระบบราชการกับการเมืองประชาธิปไตยได้เริ่มขึ้นแล้ว เวทีการเมืองกำลังจะย้ายออกจาก " ระบบราชการ " กับ " การเลือกตั้งทั่วไป " เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ( ส.ส. ) , หนึ่งจะต้องเลือกนักการเมือง - ข้าราชการไม่สูง . ส่วนใหญ่ของตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลชาติชาย . ชวน , บรรหาร ,และ ชวลิต เป็นส่วนใหญ่ครอบครองโดยนักธุรกิจ โดยอดีตผู้นำราชการ . การต่อสู้เพื่ออำนาจทางการเมือง เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง ส.ส. และโพสต์หลายตู้ ภายในพรรคการเมือง การต่อสู้ของนักการเมืองอาวุโส ตำแหน่งในพรรคเพื่อให้พวกเขาสามารถมีสิทธิได้เป็นรัฐมนตรีของพรรคเสนอผลงานกระบวนการของประชาธิปไตยในประเทศไทยจะกัดกร่อนพลังดั้งเดิมของชนชั้นสูง ข้าราชการ . เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอำนาจของชนชั้นนำในระบบราชการ ข้าราชการยังคงแพร่หลาย ในการเมืองใหม่ เป้าหมายของชนชั้นสูง ข้าราชการ เพื่อยืดอำนาจแบบดั้งเดิมของพวกเขา ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ,เลือกนักการเมืองแทน ข้าราชการ ชนชั้นสูง เป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาของข้าราชการทางการเมืองใหม่ในกระทรวง มากขึ้นและข้าราชการรับรู้ความสำคัญของการเลือกตั้งนักการเมืองเป็นใหม่ " pairons " ที่สามารถสนับสนุนให้ก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการ ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ในระบบการเมืองประชาธิปไตยใหม่ ,รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองพรรคเดียวทางการเมือง เพราะน้อยมากที่ได้รับการสามารถที่จะชนะได้เสียงข้างมาก ในรัฐบาล . การปกครองและอำนาจกระจายอำนาจบริหารร่วมกันระหว่างสมาชิกในกลุ่ม . สำหรับระบบราชการไทยรัฐบาลได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนด ซึ่ง ส.ส. จะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาทางการเมืองของพวกเขาในกระทรวง ดังนั้น การเข้าใจระบบราชการร่วมสมัย พรรคร่วมรัฐบาล มุมมองที่ต้องนำมาใช้