ถ้าจะกล่าวถึงผลกระทบที่กระทบถึงเรามากที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับการผู้ใช้งาน เพราะหากเราขาดวิจารณญาณในการใช้ก็จะส่งผลกระทบ ยกตัวอย่างเช่น facebook แอฟพิเคชั่นนี้ มีความส่วนตัวค่อนข้างน้อย อีกทั้งมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม facebook ก็ยังเป็นที่นิยม และมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ตรงนี้หากเราลงรูปภาพหรืออะไรก็ตาม เราสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ หรือแม้กระทั้ง ig เป็นแอฟพิเคชั่นที่ลงรูปภาพพร้อมแคปชั่น อีกทั้งยังระบุโลชั่นที่ถ่ายภาพนั้นๆ (คนอื่นสามารถเช็คได้) ส่วน Pinterest เป็นแอฟพิเคชั่นที่ได้รับความนิยมน้อยและคนส่วนมากยังไม่รู้จัก ถ้าจะพูดถึงผลกระทบนั้น คิดว่าคงพอๆกัน
นอกจากผลกระทบที่กล่าวข้างต้นแล้ว การแชร์ภาพลงบนโซเซียลก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการกระทำนี้มีผลทั้งในด้านบวกและในด้านลบ กล่าวคือ ในด้านบวก การแชร์ภาพเหตุการณ์สำคัญที่มีเนื้อหาของข่าวที่เป็นเหตุการณ์บ้านเมือง ก็เป็นผลดีกับตัวผู้คนอื่น เพราะทุกคนจะได้รับข่าวสาร หรือ ในแง่ของการแชร์รูปภาพเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลด้านดีมาจากการใช้โซเซียลเน็ตเวิก แต่ในขณะเดียวกัน ในด้านลบคือถ้าเราแชร์ภาพที่อาจเป็นข้อมูลที่จะทำให้เกิดอาชญากรรมได้ เช่น ภาพเด็ก ภาพโป๊เปลือย หรือ ภาพที่ส่อไปในแง่ที่ไม่ดี เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน การแชร์ภาพที่ไม่ขออนุญาตเจ้าของภาพ นั่นคือสิ่งที่ไร้มารยาทตามกฎหมายไม่ผิด แต่หากนำไปใช้เพื่อการค้ามีความผิด นอกจากนี้การถ่ายภาพที่ต้องการเก็บไว้เป็นการส่วนตัว หรือ เก็บไว้ป้องกันภัยคุกคาม สามารถกระทำได้ ในสถานที่ๆเรายืนอยู่นั้น จะต้องเป็น "สาธารณสถาน" หรือสถานที่ของเราเอง หรือ สถานที่ ที่เราได้รับอนุญาต ให้เข้าไปได้ โดยการกระทำนั้นจะต้องไม่เป็นการ ละลาบละล้วง ส่วนตัวของบุคคลอื่น เช่น การถ่ายรูปใต้กระโปรง ถือเป็นการละลาบละล้วง เพราะ เค้าได้ทำการปกปิดไว้ดีแล้ว ตามกฏหมาย ถือเป็นความผิด ก่อความเดือดร้อนรำคาญ มีโทษปรับ ประมาณ 500-1,000 บาท ส่วนบุคคลที่แต่งตัวโป๊ อยู่แล้ว นอกจากจะมาเอาความผิดคนถ่ายภาพไม่ได้แล้ว บุคคลที่แต่งตัวโป๊นั้น ยังต้องโดนข้อหาอนาจาร เสียเองด้วย ซึ่งไทยเองอดีตก็เคยมีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ภาพที่เอาลงเพื่อเผยแพร์จะต้องเซ็นเซอร์ภาพส่วนที่เป็นอนาจารออก มิเช่นนั้นก็จะมีความผิดทางกฎหมายไทยเช่นกัน
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าโซเซียลเน็ตเวิกมีความสำคัญและมีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เพราะ “โซเชียลมีเดีย” เรียกได้ว่าเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในหลากหลายวงการ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่ในแวดวงธุรกิจและการตลาดที่เรามักนำเสนอกันอยู่เป็นประจำเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลไปในวงกว้างไม่ว่าจะเป็นแวดวงการศึกษา, การเมืองหรือแม้แต่ในด้านดนตรี เริ่มต้นกันด้วยที่ แวดวงข่าวสารและสื่อสารมวลชน (News) ในยุคดิจิตอลโซเชียลมีเดียกลายมาเป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารขนาดใหญ่จากทั่วทุกมุมโลก โดยโซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นช่องทางในการรับข่าวสารโดยเฉพาะข่าวด่วน (Breaking News) คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% ของผู้บริโภคทั้งหมด รวมถึงโซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางในการรับข่าวสารที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 27.8% ซึ่งเป็นรองจากอันดับที่ 1 อย่างทางหนังสือพิมพ์คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 1% เท่านั้น นอกจากนี้ในกลุ่มนักข่าวกว่า 65% ยังหันมาใช้โซเชียลมีเดียมีเดียอย่าง Facebook และ Linkedin มาก่อนเป็นอันดับต้นๆเพื่อค้นหาข่าวสารและข้อมูลต่างๆ