S:ผู้ป่วยบอก “จุกแน่นบริเวณหน้าอก หายใจลำบาก หายใจหอบเหนื่อย”
- มีสีหน้ากังวล และอ่อนเพลีย ไม่ค่อยอยากพูดคุย
- Secretion สีเหลืองปริมาณมาก
- หายใจหอบเหนื่อย ตื้นและเร็ว
- พบ Crepitation both lung
- X-ray ปอดพบ Infiltration both lung :
- ลักษณะการหายใจเร็ว ค่า respiratory rate =26-30 bpm (5 พฤศจิกายน 2557)
respiratory rate =24-26 bpm (6 พฤศจิกายน 2557)
respiratory rate =25-28 bpm (7 พฤศจิกายน 2557)
- oxygen saturation (room air) = 88-93% (5 พฤศจิกายน 2557)
อภิปรายข้อวินิจฉัย
เนื่องจากผู้ป่วยเจ็บป่วยด้วยโรค pneumonia และการฟังปอดพบเสียง Crepitation both lung เนื่องจากมีพยาธิสภาพที่ปอดและมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ โดยไอมีเสมหะสีเหลือง ลักษณะข้นและเหนียว เมื่อมีเสมหะมากขึ้นในบริเวณถุงลมของปอดจึงทำให้เมือกเหล่านี้ไหลเข้าสู่ถุงลมฝอย ทำให้พื้นที่ในการจะแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง รวมทั้งปอดไม่สามารถขยายตัวได้ตามปกติเนื่องจากมีน้ำในเยื่อหุ้ม จึงทำให้ผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบ
วัตถุประสงค์ :
เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซดีขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่มีอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น หายใจเร็วและลึกขึ้น เขียวคล้ำ สับสน เวียนหัว มึนงง ปวดศีรษะ และคลื่นไส้ การทำงานของกล้ามเนื้อไม่ประสานกัน หรือหมดสติ
2. chest x-ray ไม่พบinfiltration lung
3. ฟังเสียงปอดไม่พบ Crepitation sound
4. อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 16-24 ครั้ง/นาทีลักษณะการหายใจปกติ ไม่มีการหายใจเร็ว แรง ลึก
5. ทางเดินหายใจโล่งไม่มี secretion
6. oxygen saturation >95 %
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร อาการหายใจเร็วและลึกขึ้น เขียวคล้ำ สับสน เวียนหัว มึนงง ปวดศีรษะ และคลื่นไส้ การทำงานของกล้ามเนื้อไม่ประสานกัน หรือหมดสติ เป็นต้น ฟังเสียงปอด ความถี่ของการไอ ลักษณะของเสมหะ อัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
2.ให้ O2 via mask with bag 10 LPM เมื่อผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ เพื่อป้องกันภาวะพร่องออกซิเจน
การพยาบาลผู้ป่วยหลังได้รับ O2 via mask with bag
- สังเกตและประเมินอาการของผู้ป่วยหลังได้รับออกซิเจน
- วัดสัญญาณชีพ สังเกตลักษณะการหายใจ
- สังเกตการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกตัว
- ตรวจดูสีผิวตามเยื่อบุและเล็บมือ เล็บเท้า
- ติดเครื่องวัด pulse oximeter ที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า
-ประเมินเสียงลมหายใจโดยการใช้หูฟังที่ทรวงอก
-หากมีเสมหะเหนียวในทางเดินหายใจให้กระตุ้นการดื่มน้ำหรือดูแลการได้รับความชื้นจากการให้ออกซิเจน
- ตรวจดูอุปกรณ์ สายยาง หน้ากาก ให้อยู่ในตำแหน่งและออกซิเจนไม่หลุดรั่ว สายยางไม่หักพับงอ
- ตรวจสอบการโป่งของถุงกักออกซิเจน
- บันทึกผลการให้ออกซิเจนตลอดจนการตอบสนองของผู้ป่วยต่อการรักษา
- เปลี่ยนอุปกรณ์ส่งทำความสะอาดทุก 24-48 ช.ม. ตามมาตรฐาน
3.จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 30 องศาเพื่อให้กระบังลมเคลื่อนต่ำ ปอดขยายตัวได้เต็มที่ นอนตะแคง ซ้ายหรือขวา เพื่อไมให้เสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ
4.Suction clear airway เมื่อมีความจำเป็นเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง ลดการอุดกั้นของเสมหะ ที่ท่อทางเดินหายใจ เพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ
5.วัดประเมิน V/S ทุก 4 ชั่วโมง ประเมินระดับความรู้สึกตัว ภาวะพร่องออกซิเจนฟังปอด วัด O2 saturationเพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วย
6.ดูแลให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ลดการทำกิจกรรม เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
7.ติดตามค่าผล lab (chest x-ray)ทางห้องปฏิบัติการ
ประเมินผล
5 พฤศจิกายน 2557
ผู้ป่วยมีลักษณะการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย แรง ลึก ฟังเสียงปอดพบ Crepitation sound อัตราการหายใจ 22-30 ครั้ง/นาที ทางเดินหายใจโล่งไม่มี secretion รอผล chest x-ray และ oxygen saturation (room air) = 88% จึง on oxygen mask with bag 8 LPM ขณะนั้นวัดค่า oxygen saturation =99 %
6 พฤศจิกายน 2557
ผู้ป่วยมีลักษณะการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย แรง ลึก รอผล chest X-ray ฟังเสียงปอดพบ Crepitation sound อัตราการหายใจ 24-26 ครั้ง/นาที ทางเดินหายใจโล่งไม่มี secretion oxygen saturation =99 % ขณะ on oxygen mask with bag
7 พฤศจิกายน 2557
ผู้ป่วยมีลักษณะการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย แรง ลึก รอผลchest X-ray ฟังเสียงปอดพบ Crepitation sound อัตราการหายใจ 26-28 ครั้ง/นาที ทางเดินหายใจโล่งไม่มี secretion ขณะ on oxygen saturation =99 % (on oxygen mask with bag)