Most car users selected to travel s

Most car users selected to travel short distance about 100 - 300 km (Over 50%) from the origin and the number of car users gradually decrease after distance 300 km and increasing again at distance about 600 – 800 km in ST and 900 – 1,000 km in HY. Figure 12 showed distance which the number of car users increase again, in the range of 600 – 800 km and distance 900 – 1,000 km which is the distance between ST to Bangkok and HY to Bangkok, respectively. Consideration of the relationship between trip purposes and distance of ST show that for short distance, the main purpose of respondents was travelling for leisure and for long distance was travel for business. In HY, similarly for short distance but for long distance number of respondents selected same purpose about 10% of respondents in each purpose.
The 2010 OTP study of Thailand Master Plan for Transport and Traffic Development [22] has set the target for growth and mode share as follows: intercity public transport is to increase from 41% to 46% over the decade of the plan; reduction in private car use from 59% to 54%; rail ridership is to be increased to 35% over the 12-year span (2007-2018). However, the government’s emphasis on developing the rail mode, in particular, the double-track and the high-speed systems can be seen that the planned express train (120 km/h on double track) will have a competitive edge over the bus and private car modes at travel distances of 200 km or longer. The HSR (250 km/h) will rival the flying mode at distances about 600 km. Given the prospects of such improvement, plus appropriate upgrades on the intercity rail systems, passengers will be accorded a better array of travel options which will help to discourage private car use and encourage their switching to the public modes, especially for travel distances over 200 km.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่เลือกเดินทางไกลประมาณ 100-300 กิโลเมตร (มากกว่า 50%) จากจุดเริ่มต้นและจำนวนผู้ใช้รถยนต์ค่อย ๆ ลดลงหลังจากห่างจากที่พัก 300 กม. และเพิ่มอีกครั้งที่ระยะประมาณ 600-800 กิโลเมตร ในเซนต์ และ 900 – 1000 km ในฮี รูปที่ 12 แสดงให้เห็นว่าระยะที่จำนวนของผู้ใช้รถยนต์เพิ่มอีก ในช่วง 600-800 กิโลเมตรและห่างจากที่พัก 900 – 1000 กิโลเมตรซึ่งเป็นระยะห่างระหว่างเซนต์กับกรุงเทพและฮีให้กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์การเดินทางและระยะทางของเซนต์แสดงว่า ในระยะสั้น วัตถุประสงค์หลักของผู้ตอบถูกการเดินทาง สำหรับพักผ่อน และไกลเดินทางธุรกิจได้ ในฮี ทำนองเดียวกัน ในระยะสั้น แต่ระยะยาวจำนวนผู้ตอบเลือกวัตถุประสงค์เดียวกันประมาณ 10% ของผู้ตอบในแต่ละวัตถุประสงค์ศึกษา OTP 2010 ของไทยแผนการขนส่งและจราจรพัฒนา [22] ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการเจริญเติบโตและโหมดใช้ร่วมกันดังนี้: อินเตอซิตี้เป็นการ เพิ่มจาก 41% เป็น 46% ทศวรรษของแผน ลดรถใช้ 59% 54% ridership รถไฟจะเพิ่มขึ้น 35% มากกว่าช่วง 12 ปี (2007-2018) อย่างไรก็ตาม ของรัฐบาลเน้นพัฒนาโหมดรถไฟ โดยเฉพาะ ติดตามคู่ และระบบความเร็วสูงจะเห็นได้ว่า แผนรถไฟด่วน (120 km/h ในการติดตามคู่) จะมีการแข่งขันรถและโหมดรถที่เดินทางระยะทาง 200 กม. หรืออีกต่อไป แหล่ง (250 km/h) จะคู่ต่อสู้โหมดบินในระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร รับแนวโน้มดังกล่าวปรับปรุง และการอัพเกรดที่เหมาะสมระบบอินเตอซิตี้รถไฟ ผู้โดยสารจะได้ทรัพย์หลากหลายตัวเลือกการเดินทางซึ่งจะช่วยให้การกีดกันการใช้รถยนต์ส่วนตัว และส่งเสริมให้สลับไปที่โหมดสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะทางกว่า 200 กม. ดีกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถที่เลือกที่จะเดินทางระยะสั้น ๆ ประมาณ 100 - 300 กิโลเมตร (กว่า 50%) จากแหล่งที่มาและจำนวนของผู้ใช้รถยนต์ค่อยๆลดลงหลังจากระยะทาง 300 กิโลเมตรและเพิ่มอีกครั้งในระยะทางประมาณ 600 - 800 กิโลเมตรใน ST และ 900 - 1,000 กิโลเมตร ใน HY รูปที่ 12 แสดงให้เห็นว่าระยะทางที่จำนวนผู้ใช้รถเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วง 600 - 800 กิโลเมตรและระยะทาง 900 - 1,000 กิโลเมตรซึ่งเป็นระยะห่างระหว่าง ST ที่กรุงเทพฯและ HY ที่กรุงเทพฯตามลำดับ การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์ในการเดินทางและระยะทางของ ST แสดงให้เห็นว่าเป็นระยะทางสั้น ๆ ที่วัตถุประสงค์หลักของผู้ตอบแบบสอบถามได้เดินทางสำหรับการพักผ่อนและสำหรับระยะทางยาวคือการเดินทางเพื่อธุรกิจ ใน HY ในทำนองเดียวกันสำหรับระยะทางสั้น ๆ แต่สำหรับจำนวนทางไกลของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกจุดประสงค์เดียวกันประมาณ 10% ของผู้ตอบแบบสอบถามในวัตถุประสงค์แต่ละ.
การศึกษา OTP 2,010 แห่งประเทศไทยจัดทำแผนแม่บทเพื่อการขนส่งและการพัฒนาการจราจร [22] ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการเติบโตและโหมด หุ้นดังต่อไปนี้: ระบบขนส่งสาธารณะระหว่างเมืองที่จะเพิ่มขึ้นจาก 41% เป็น 46% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาของแผน; ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวจาก 59% เป็น 54%; ผู้โดยสารรถไฟที่จะเพิ่มขึ้นถึง 35% ในช่วง 12 ปี (2007-2018) แต่ความสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาโหมดรถไฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ติดตามคู่และระบบความเร็วสูงจะเห็นได้ว่ารถไฟด่วนวางแผน (120 กิโลเมตร / ชั่วโมงในการติดตามคู่) จะมีการแข่งขันมากกว่ารถบัสและ โหมดรถส่วนตัวที่ระยะทางของการเดินทาง 200 กิโลเมตรหรือนานกว่านั้น HSR (250 กิโลเมตร / เอช) จะสู้โหมดการบินที่ระยะทางประมาณ 600 กม. ได้รับโอกาสในการปรับปรุงดังกล่าวรวมทั้งการอัพเกรดที่เหมาะสมบนระบบรถไฟระหว่างเมืองผู้โดยสารจะได้รับการปฏิบัติอาร์เรย์ที่ดีขึ้นของตัวเลือกการเดินทางซึ่งจะช่วยในการกีดกันการใช้รถส่วนตัวและส่งเสริมให้มีการสลับไปที่โหมดของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้ใช้รถส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางประมาณ 100 - 300 กิโลเมตร ระยะทางสั้นๆ ( มากกว่า 50% ) จากที่มาและจำนวนของผู้ใช้รถที่ค่อยๆ ลดลงตามระยะทาง 300 กิโลเมตร และเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ระยะประมาณ 600 – 800 km เซนต์ และ 900 – 1000 km ใน Hy . รูปที่ 12 แสดงระยะห่าง ซึ่งจำนวนผู้ใช้รถเพิ่มอีก ในช่วงของ 600 – 800 กม. และระยะทาง 900 – 1000 กิโลเมตร ซึ่งระยะทางระหว่างกรุงเทพฯและทำไมเซนต์ถึงกรุงเทพฯ ตามลำดับ พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์การเดินทางและระยะทางของเซนต์แสดงให้เห็นว่าระยะทางที่สั้น วัตถุประสงค์หลักของผู้ตอบแบบสอบถามได้เดินทางเพื่อการพักผ่อนและระยะทางไกลเดินทางเพื่อธุรกิจ ในทำไม ,ในทำนองเดียวกันสำหรับระยะทางสั้น ๆ แต่สำหรับระยะยาวของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกเดียวกัน มีประมาณ 10 % ของผู้ตอบแบบสอบถามในแต่ละวัตถุประสงค์
2010 สนข. ศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาการขนส่งและจราจร [ 22 ] โดยมีเป้าหมายเพื่อการเจริญเติบโตและโหมดการขนส่งสาธารณะแบ่งได้ดังนี้ คือ เพิ่มจากร้อยละ 41 ถึง 46 % กว่าทศวรรษของแผนลดการใช้รถส่วนตัวจาก 59% 54% ; รถไฟผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 35% ในช่วง 12 ปีช่วง ( 2007-2018 ) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเน้นการพัฒนารถไฟโดยเฉพาะโหมดรางคู่ และระบบความเร็วสูง จะเห็นได้ว่า แผนบริการรถไฟ ( 120 km / h บนแทร็กคู่ ) จะได้เปรียบในการแข่งขันผ่านรถบัสและรถยนต์ส่วนตัวที่โหมดการเดินทางระยะทาง 200 กิโลเมตร หรือนานกว่านั้น โดย HSR ( 250 km / h ) จะต่อสู้โหมดการบินที่ระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร ได้รับโอกาสในการปรับปรุงและการอัพเกรดที่เหมาะสมบนรถไฟหลายระบบผู้โดยสารจะได้รับอาร์เรย์ที่ดีของตัวเลือกการท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้รถส่วนตัวของพวกเขาเพื่อสลับโหมดสาธารณะโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับระยะทางการเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร