Mars has two relatively small natur

Mars has two relatively small natural moons, Phobos (about 14 miles in diameter) and Deimos (about 8 miles in diameter), which orbit close to the planet. Asteroid capture is a long-favored theory, but their origin remains uncertain.[237] Both satellites were discovered in 1877 by Asaph Hall; they are named after the characters Phobos (panic/fear) and Deimos (terror/dread), who, in Greek mythology, accompanied their father Ares, god of war, into battle. Mars was the Roman counterpart of Ares.[238][239] In modern Greek, though, the planet retains its ancient name Ares (Aris: Άρης).[240]

From the surface of Mars, the motions of Phobos and Deimos appear different from that of our own moon. Phobos rises in the west, sets in the east, and rises again in just 11 hours. Deimos, being only just outside synchronous orbit – where the orbital period would match the planet's period of rotation – rises as expected in the east but slowly. Despite the 30 hour orbit of Deimos, 2.7 days elapse between its rise and set for an equatorial observer, as it slowly falls behind the rotation of Mars.[241]


Orbits of Phobos and Deimos (to scale)
Because the orbit of Phobos is below synchronous altitude, the tidal forces from the planet Mars are gradually lowering its orbit. In about 50 million years, it could either crash into Mars' surface or break up into a ring structure around the planet.[241]

The origin of the two moons is not well understood. Their low albedo and carbonaceous chondrite composition have been regarded as similar to asteroids, supporting the capture theory. The unstable orbit of Phobos would seem to point towards a relatively recent capture. But both have circular orbits, near the equator, which is unusual for captured objects and the required capture dynamics are complex. Accretion early in the history of Mars is also plausible, but would not account for a composition resembling asteroids rather than Mars itself, if that is confirmed.

A third possibility is the involvement of a third body or some kind of impact disruption.[242] More recent lines of evidence for Phobos having a highly porous interior,[243] and suggesting a composition containing mainly phyllosilicates and other minerals known from Mars,[244] point toward an origin of Phobos from material ejected by an impact on Mars that reaccreted in Martian orbit,[245] similar to the prevailing theory for the origin of Earth's moon. Although the VNIR spectra of the moons of Mars resemble those of outer-belt asteroids, the thermal infrared spectra of Phobos are reported to be inconsistent with chondrites of any class.[244]

Mars may have additional moons smaller than 50–100 meters, and a dust ring is predicted between Phobos and Deimos

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาวอังคารมีสองขนาดเล็กค่อนข้างธรรมชาติดวงจันทร์ โฟบอส (ประมาณ 14 ไมล์เส้นผ่านศูนย์กลาง) และดีมอส (ประมาณ 8 ไมล์เส้นผ่าศูนย์กลาง), ที่โคจรใกล้โลก จับภาพดาวเคราะห์น้อยเป็นทฤษฎีที่ชื่นชอบลอง แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขายังคงไม่แน่นอน[237] ดาวเทียมทั้งสองถูกค้นพบใน 1877 โดย Asaph Hall พวกเขาเป็นชื่อหลังจากอักขระ (ตกใจความหวาดกลัว) โฟบอสและดีมอส (ก่อการร้าย/กลัว), ที่ ในเทพปกรณัมกรีก พร้อมพ่อ Ares พระเจ้าของสงคราม เข้ารบ ดาวอังคารถูกกันโรมันของ Ares[238][239] ในสมัยกรีก แม้ว่า ดาวเคราะห์ยังคงชื่อโบราณ Ares (Aris: Άρης)[240]จากพื้นผิวของดาวอังคาร การเคลื่อนไหวของโฟบอสและดีมอสปรากฏของดวงจันทร์ของเราเอง โฟบอสขึ้นในตะวันตก ในภาคตะวันออก และเพิ่มขึ้นอีกใน 12 ชั่วโมง ดีมอส การโคจร synchronous เพียงภายนอก –ซึ่งระยะเวลาโคจรจะตรงกับรอบระยะเวลาโลกหมุน – เพิ่มขึ้นตามที่คาดไว้ ในทิศตะวันออก แต่ช้า แม้วงโคจร 30 ชั่วโมงของดีมอส 2.7 วันนั่นระหว่างการขึ้น และตั้งสำหรับนักการที่เส้นศูนย์สูตร มันช้าตกหลังการหมุนของดาวอังคาร[241]วงโคจรของโฟบอสและดีมอส (ขนาด)เนื่องจากวงโคจรของโฟบอสนี้ระดับความสูงแบบซิงโครนัส กองหน้าจากดาวพระอังคารจะค่อย ๆ ลดวงโคจรของ ประมาณ 50 ล้านปี มันอาจผิดพลาดไปยังพื้นผิวของดาวอังคาร หรือแบ่งเป็นโครงสร้างวงแหวนรอบดาวเคราะห์[241]ไม่ดีเข้าใจต้นกำเนิดของดวงจันทร์สอง Albedo ต่ำและ carbonaceous chondrite องค์ประกอบของพวกเขาได้ถูกถือเป็นคล้ายกับดาวเคราะห์น้อย สนับสนุนทฤษฎีจับ วงโคจรที่เสถียรของโฟบอสจะดูเหมือนจะ ชี้ไปทางจับค่อนข้างล่าสุด แต่ทั้งสองมีวงโคจรแบบวงกลม ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นเรื่องปกติจับวัตถุ และจับต้องเปลี่ยนแปลงซับซ้อน Accretion ในประวัติศาสตร์ช่วงต้นของดาวอังคารก็เป็นไปได้ แต่จะไม่บัญชีสำหรับองค์ประกอบที่คล้ายดาวเคราะห์น้อยไม่ใช่ดาวอังคารเอง ถ้าที่จะยืนยันความเป็นไปได้ที่สามมีส่วนร่วมของร่างกายที่สามหรือทรัพยผลกระทบบางประการได้บรรทัดล่าสุด [242] หลักฐานสำหรับโฟบอสมีตกแต่งสูง porous, [243] และแนะนำองค์ประกอบเป็นส่วนใหญ่ phyllosilicates และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่รู้จักกันจากดาวอังคาร, [244] จุดแหล่งกำเนิดของโฟบอสจากวัสดุออก โดยผลกระทบบนดาวอังคารโคจรดาวอังคารที่ reaccreted ใน, [245] คล้ายกับทฤษฎีที่ยึดการกำเนิดของดวงจันทร์ แม้แรมสเป็คตรา VNIR ของดวงจันทร์ของดาวอังคารมีลักษณะของดาวเคราะห์น้อยในแถบด้านนอก แรมสเป็คตราอินฟราเรดความร้อนของโฟบอสรายงานให้สอดคล้องกับ chondrites ของชั้นใด ๆ[244]ดาวอังคารอาจมีเพิ่มเติมดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่า 50 – 100 เมตร และแหวนฝุ่นคาดว่า โฟบอสและดีมอส

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดาวอังคารสองดวงจันทร์มีธรรมชาติที่ค่อนข้างเล็ก, โฟบอส (ประมาณ 14 ไมล์ในเส้นผ่าศูนย์กลาง) และมอส (ประมาณ 8 ไมล์ในเส้นผ่าศูนย์กลาง) ซึ่งวงโคจรใกล้กับโลก จับภาพดาวเคราะห์น้อยเป็นทฤษฎีได้รับการสนับสนุนในระยะยาว แต่กำเนิดของพวกเขายังคงมีความไม่แน่นอน [237] ดาวเทียมทั้งสองถูกค้นพบในปี 1877 โดยอาสาฟฮอลล์. พวกเขาจะถูกตั้งชื่อตามตัวอักษรโฟบอส (หวาดกลัว / กลัว) และมอส (หวาดกลัว / กลัว) ที่ในตำนานเทพเจ้ากรีกมาพร้อมกับพ่อของเขาอาเรสเทพเจ้าแห่งสงครามในการต่อสู้ ดาวอังคารเป็นคู่ของโรมัน Ares [238] [239] ในภาษากรีกที่ทันสมัย ​​แต่ยังคงมีดาวเคราะห์ Ares ชื่อโบราณ (Aris: Άρης).. [240] จากพื้นผิวของดาวอังคารเคลื่อนไหวของโฟบอสและดีมอสปรากฏที่แตกต่างกัน จากที่ดวงจันทร์ของเราเอง โฟบอสเพิ่มขึ้นในทางทิศตะวันตกตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกและเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเวลาเพียง 11 ชั่วโมง มอสเป็นเพียงนอกวงโคจรของซิงโคร - กรณีที่ระยะเวลาการโคจรจะตรงกับช่วงเวลาที่โลกของการหมุน - เพิ่มขึ้นตามที่คาดไว้ในภาคอีสาน แต่ช้า แม้จะมีวงโคจร 30 ชั่วโมงของมอส, 2.7 วันที่ผ่านพ้นไประหว่างที่เพิ่มขึ้นและการตั้งค่าสำหรับสังเกตการณ์เส้นศูนย์สูตรเป็นมันช้าตกอยู่เบื้องหลังการหมุนของดาวอังคาร. [241] วงโคจรของโฟบอสและดีมอส (ขนาด) เพราะวงโคจรของโฟบอสอยู่ด้านล่าง ระดับความสูงประสานพลังคลื่นจากดาวอังคารจะค่อยๆลดวงโคจรของมัน ในประมาณ 50 ล้านปีที่ผ่านมาอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะผิดพลาดไปในพื้นผิวของดาวอังคารหรือทำลายขึ้นเป็นโครงสร้างวงแหวนรอบโลก. [241] ต้นกำเนิดของสองดวงจันทร์จะไม่เข้าใจดี อัลเบโด้ต่ำและองค์ประกอบคาร์บอน chondrite พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคล้ายกับดาวเคราะห์น้อยที่สนับสนุนทฤษฎีการจับภาพ วงโคจรที่ไม่แน่นอนของโฟบอสก็ดูเหมือนจะชี้ไปจับภาพค่อนข้างที่ผ่านมา แต่ทั้งสองมีวงโคจรเป็นวงกลมใกล้เส้นศูนย์สูตรซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับวัตถุที่ถูกจับและการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในการจับภาพที่มีความซับซ้อน การเพิ่มในช่วงต้นประวัติศาสตร์ของดาวอังคารยังเป็นไปได้ แต่จะไม่บัญชีสำหรับองค์ประกอบคล้ายดาวเคราะห์น้อยมากกว่าดาวอังคารตัวเองว่าได้รับการยืนยัน. ความเป็นไปได้ที่สามคือการมีส่วนร่วมของร่างกายที่สามหรือชนิดของการหยุดชะงักส่งผลกระทบบางส่วน. [242] สายที่ผ่านมาเพิ่มเติมหลักฐานโฟบอสที่มีการตกแต่งภายในที่มีรูพรุนสูง [243] และบอกองค์ประกอบที่มีส่วนใหญ่ phyllosilicates และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่รู้จักจากดาวอังคาร [244] ชี้ไปยังต้นกำเนิดของโฟบอสจากวัสดุที่พุ่งออกมาจากผลกระทบบนดาวอังคารที่ reaccreted ใน วงโคจรของดาวอังคาร [245] คล้ายกับทฤษฎีแลกเปลี่ยนสำหรับต้นกำเนิดของดวงจันทร์ของโลก แม้ว่าสเปกตรัม VNIR ของดวงจันทร์ของดาวอังคารมีลักษณะคล้ายกับบรรดาของดาวเคราะห์น้อยนอกเข็มขัด, สเปกตรัมอินฟราเรดความร้อนของโฟบอสจะมีการรายงานไปยังไม่สอดคล้องกับ chondrites ของชั้นใด ๆ . [244] ดาวอังคารอาจจะมีดวงจันทร์เพิ่มเติมขนาดเล็กกว่า 50-100 เมตรและ แหวนฝุ่นเป็นที่คาดการณ์ระหว่างโฟบอสและดีมอส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดาวอังคารมีดวงจันทร์สองธรรมชาติที่ค่อนข้างเล็ก โฟบอส ( ประมาณ 14 กิโลเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลาง ) และไดมอส ( ประมาณ 8 กิโลเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลาง ) ซึ่งโคจรใกล้โลก ดาวเคราะห์น้อยจับเป็นเวลานานที่ชื่นชอบทฤษฎี แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขายังคงไม่แน่นอน [ 237 ] ทั้งดวงถูกค้นพบในปี 1877 โดยอาสาฟฮอลล์ ; พวกเขาจะตั้งชื่อตัวละครโฟบอส ( ตกใจ / กลัว ) และไดมอส ( ความหวาดกลัวภัย ) , ใครในตำนานกรีก พร้อมด้วยเป็นพ่อของพวกเขา , พระเจ้าของสงคราม ในการต่อสู้ ดาวอังคารเป็นโรมันคู่ของเอริส [ 238 ] [ 239 ] ในกรีกสมัยใหม่ แต่โลกยังคงเป็นโบราณชื่อเอริส ( Aris : Άρης ) [ 240 ]

จากพื้นผิวของดาวอังคาร ภาพเคลื่อนไหวของโฟบอสกับไดมอสปรากฏแตกต่างจากที่ของดวงจันทร์ของเราเอง โฟบอสขึ้นในทิศตะวันตก , ชุดในทิศตะวันออก และเพิ่มขึ้นอีกแค่ 11 ชั่วโมงดีมอสเป็นเพียงแค่ภายนอก–ซิงโคจรที่ระยะเวลาการโคจรของดาวเคราะห์จะตรงกับช่วงของการหมุนและเพิ่มขึ้นตามคาดในตะวันออก แต่ช้า แม้จะมี 30 ชั่วโมง วงโคจรของไดมอส 2.7 วันผ่านไประหว่างการลุกขึ้นและการตั้งค่าสำหรับผู้สังเกตการณ์ที่เส้นศูนย์สูตรอย่างช้าๆอยู่ด้านหลังหมุนของดาวอังคาร [ 241 ]


วงโคจรของโฟบอสกับไดมอส ( ขนาด )
เพราะวงโคจรของโฟบอสด้านล่างความสูง synchronous , กองกำลังน้ำขึ้นน้ำลงจากดาวอังคารจะค่อยๆลดของโคจร ประมาณ 50 ล้านปี มันอาจกระแทกพื้นผิวดาวอังคาร ' หรือเลิกเป็นโครงสร้างวงแหวนรอบดาวเคราะห์ [ 241 ]

ที่มาจากสองดวงจันทร์ไม่ก็เข้าใจสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงต่ำของพวกเขาและที่ประกอบด้วยคาร์บอนคอนไดรต์องค์ประกอบได้รับการถือว่าเป็นคล้ายกับดาวเคราะห์น้อยที่สนับสนุนทฤษฎีของการจับภาพ วงโคจรของโฟบอสจะไม่แน่นอนดูเหมือนจะชี้ไปที่จับค่อนข้างล่าสุด แต่ทั้งสองมีวงโคจรเป็นวงกลม ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับจับวัตถุและต้องจับการเปลี่ยนแปลงจะซับซ้อนการเกิดในช่วงต้นประวัติศาสตร์ของดาวอังคาร ก็เป็นไปได้ แต่จะไม่บัญชีสำหรับองค์ประกอบคล้ายดาวเคราะห์น้อยมากกว่าดาวอังคารเอง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง

ความเป็นไปได้ที่สาม คือ การมีส่วนร่วมของร่างกายที่สามหรือบางชนิดของการหยุดชะงักผลกระทบ [ 242 ] ล่าสุดสายของหลักฐานสำหรับโฟบอสมีภายในรูพรุนสูง ,[ 243 ] และการแนะนำองค์ประกอบที่มีส่วนใหญ่ฟิลโลซิลิเกตและแร่ธาตุอื่น ๆที่รู้จักกันจากดาวอังคาร [ 244 ] ชี้ไปยังจุดเริ่มต้นของโฟบอสจากวัสดุที่ปล่อยออกมาจากผลกระทบบนดาวอังคารที่ reaccreted ในวงโคจรดาวอังคาร [ 245 ] คล้ายกับมีทฤษฎีการกำเนิดของโลกดวงจันทร์ แม้ว่าช่วงคลื่น VNIR สเปกตรัมของดวงจันทร์ของดาวอังคาร เหมือนกับด้านนอกเข็มขัดดาวเคราะห์น้อยอินฟราเรดสเปกตรัมความร้อนของโฟบอสจะรายงานไม่สอดคล้องกับคอนไดร์ทระดับใด [ 244 ]

ดาวอังคารอาจมีเพิ่มเติมดวงจันทร์เล็กกว่า 50 – 100 เมตร และวงแหวนฝุ่นได้ระหว่างดีมอสและโฟบอส