Sir Wallis Budge alleged that the n

Sir Wallis Budge alleged that the noun "Cameo" apparently comes from Kame'o, a word used in kabbalistic slang to signify a "magical square", i. e. a kind of talisman whereupon magical spells was carved.[2]

Cameos are often worn as jewelry, but in ancient times were mainly used for signet rings and large earrings, although the largest examples were probably too large for this, and were just admired as objets d'art. Stone cameos of great artistry were made in Greece dating back as far as the 3rd century BC. The Farnese Tazza (a cup) is the oldest major Hellenistic piece surviving. They were very popular in Ancient Rome, especially in the family circle of Augustus. The most famous stone "state cameos" from this period are the Gemma Augustea, the Gemma Claudia made for the Emperor Claudius, and the largest flat engraved gem known from antiquity, the Great Cameo of France. Roman Cameos became less common around in the years leading up to 300AD although production continued at a much reduced rate right through the Middle Ages.[3]

The technique has since enjoyed periodic revivals, notably in the early Renaissance, and again in the 18th and 19th centuries. The Neoclassical revival began in France with Napoleon's support of the glyptic arts, and even his coronation crown was decorated with cameos.

In Britain, this revival first occurred during King George III's reign, and his granddaughter, Queen Victoria, was a major proponent of the cameo trend, to the extent that they would become mass-produced by the second half of the 19th century.

The visual art form of the cameo has even inspired at least one writer of more recent times, the 19th-century Russian poet Lev Mei, who composed a cycle of six poems entitled Камеи (Cameos, 1861), as reflections on each of the Roman rulers from Julius Caesar to Nero. In 1852 Théophile Gautier titled a collection of his highly polished, lapidary poems Emaux et Camées (Enamels and Cameos).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รักวาลลิขยับเขยื่อถูกกล่าวหาว่า "เป็น" คำนามเห็นได้ชัดว่ามาจาก Kame'o คำที่ใช้เรียก kabbalistic มีความหมายเป็น "ขลัง สแควร์ i. e. แบบสแมน whereupon spells มายากลแกะสลัก [2]Cameos มักจะสวมใส่เป็นเครื่องประดับ แต่ในสมัยโบราณส่วนใหญ่ใช้สำหรับ signet แหวนและต่างหูขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดคงไม่เกินนี้ และได้ชื่นชมเพียงเป็นศิลปะ objets หิน cameos ของศิลปะที่ดีที่เกิดขึ้นในกรีซลช่วยเท่าก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 3 Tazza ฟาร์เนเซ (ถ้วย) เก่าแก่ที่สุดหลักเฮเลนนิสติคชิ้นรอดได้ พวกนิยมมากในสมัยโรมโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงครอบครัว Augustus หินแห่ง "รัฐ cameos" จากรอบระยะเวลานี้เป็น Gemma Augustea คลาวเดีย Gemma ทำ Claudius จักรพรรดิ และใหญ่แบนแกะสลักพลอยรู้จักกันตั้งแต่โบราณ คามีโอดีของฝรั่งเศส ในปีที่นำไปสู่ 300AD แม้ว่าการผลิตอย่างต่อเนื่องในอัตราลดลงมากถึงยุคกลางเป็นน้อยทั่วไปรอบ Cameos โรมัน [3]เทคนิคตั้งแต่มีความสุขเป็นครั้งคราว revivals โดยเฉพาะ ในช่วงเรเนสซอง และอีกครั้ง ในศตวรรษ 18 และ 19 ฟื้นฟูฟื้นฟูคลาสสิกเริ่มในฝรั่งเศส ด้วยการสนับสนุนของนโปเลียนของศิลปะ glyptic และแม้แต่มงกุฎราชาภิเษกของเขาถูกตกแต่ง cameosในสหราชอาณาจักร ฟื้นฟูนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในระหว่างรัชกาลของกษัตริย์จอร์จ III และเขาพระ ควีนวิคตอเรีย เป็น proponent หลักของแนวโน้มเป็น เท่าที่พวกเขาจะกลายเป็น mass-produced โดยครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19เป็นแบบศิลปะภาพมีแม้แต่แรงบันดาลใจนักเขียนน้อยครั้งล่าสุด ศตวรรษรัสเซียกวีลิฟเยเหมย ซึ่งประกอบด้วยวงจรของบทกวีที่หกได้รับКамеи (Cameos, 1861), เป็นการสะท้อนแต่ละนามโรมันจากจูเลีย Nero ใน 1852 Théophile Gautier ชื่อคอลเลกชันของเขาสวยงามมาก lapidary บทกวี Emaux et Camées (Enamels และ Cameos)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เซอร์วอลเขยิบถูกกล่าวหาว่าเป็นรูปธรรม "จี้" เห็นได้ชัดว่ามาจาก Kame'o คำสแลงที่ใช้ในการฮวงที่มีความหมายว่า "ตารางที่มีมนต์ขลัง" คือชนิดของยันต์คาถาวิเศษครั้นแล้วได้รับการแกะสลัก. [2] จี้จะสวมใส่มักจะเป็น เครื่องประดับ แต่ในสมัยโบราณถูกนำมาใช้เป็นหลักสำหรับแหวนตราและต่างหูที่มีขนาดใหญ่ถึงแม้ว่าตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดอาจจะมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับเรื่องนี้และได้รับการยกย่องเช่นเดียวกับศิลปวัตถุชิ้นงานศิลปะ จี้หินของศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในกรีซย้อนหลังเท่าที่ศตวรรษที่ 3 เซ่ Tazza (ถ้วย) เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญขนมผสมน้ำยาที่เก่าแก่ที่สุดที่รอดตาย พวกเขาเป็นที่นิยมมากในกรุงโรมโบราณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงกลมครอบครัวของออกัสตั ที่มีชื่อเสียงที่สุดหิน "จี้รัฐ" จากช่วงเวลานี้เป็นเจมม่า Augustea ที่เจมม่าคลอเดียทำสำหรับคาร์ดินัลจักรพรรดิและใหญ่ที่สุดอัญมณีแกะสลักแบนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยโบราณที่จี้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส โรมันจี้กลายเป็นน้อยกว่าปกติในรอบปีที่ผ่านมานำไปสู่ ​​300AD แม้ว่าการผลิตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ลดลงมากขวาผ่านยุคกลาง. [3] เทคนิคมีตั้งแต่ความสุขกลับคืนมาเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและอีกครั้งในวันที่ 18 และ ศตวรรษที่ 19 การฟื้นฟูนีโอคลาสสิเริ่มในฝรั่งเศสด้วยการสนับสนุนของนโปเลียนของศิลปะ glyptic และแม้กระทั่งมงกุฎพิธีบรมราชาภิเษกถูกตกแต่งด้วยจี้. ในสหราชอาณาจักร, การฟื้นฟูนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์จอร์จที่สามและหลานสาวของเขาสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญของ แนวโน้มจี้เท่าที่พวกเขาจะกลายเป็นมวลที่ผลิตโดยช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19. รูปแบบศิลปะที่มองเห็นของจี้ได้รับแรงบันดาลใจแม้อย่างน้อยหนึ่งนักเขียนครั้งที่ผ่านมามากขึ้นในศตวรรษที่ 19 รัสเซียกวีเลฟเหม่ย ที่ประกอบด้วยวงจรของหกบทกวีชื่อКамеи (จี้, 1861) ในขณะที่การสะท้อนความเห็นในแต่ละผู้ปกครองโรมันจาก Julius Caesar เพื่อ Nero ในปี 1852 Théophileโกติเยร์ที่ชื่อคอลเลกชันขัดสูงของบทกวีช่างเจียระไนพลอย Emaux et Camées (เคลือบและจี้)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ท่านวาลลิสขยับถูกกล่าวหาว่าเป็น " เท่ง " เห็นได้ชัดว่า มาจาก kame'o , เป็นคำที่ใช้ใน kabbalistic สแลงเพื่อบ่งบอกวิเศษ " สี่เหลี่ยม " คือ ชนิดของเครื่องราง ซึ่งคาถาขลังแกะสลัก [ 2 ]

จี้มักจะสวมใส่เป็นเครื่องประดับ แต่ในสมัยโบราณส่วนใหญ่จะใช้สำหรับแหวนตราและ ต่างหูขนาดใหญ่ แม้ว่าตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับนี้แค่ชื่นชม เช่น objets ศิลปะ d ' . จี้หินของศิลปะ ถูกสร้างในกรีซย้อนกลับเท่าที่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล การ tazza ฟาร์เนเซ ( ถ้วย ) เป็นหลักชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดที่รอดตายจาก . พวกเขาเป็นที่นิยมมากในกรุงโรมโบราณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัววงกลมของออกุสตัส หินที่มีชื่อเสียง " รัฐจี้ " จากช่วงเวลานี้เป็น augustea เจมม่า ,และเจมม่า คลอเดีย ทำให้จักรพรรดิเคลาดิอุส และใหญ่ที่สุดที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยโบราณ แบนอัญมณีแกะสลัก , จี้ที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส จี้โรมันก็พบน้อยในรอบปีใน 300ad แม้ว่าการผลิตอย่างต่อเนื่องที่ลดลงมากก็ได้คะแนนผ่านยุคกลาง [ 3 ]

เทคนิคได้เนื่องจากชอบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิคเป็นระยะ โดยเฉพาะในยุคก่อนและอีกครั้งในวันที่ 18 และ 19 ศตวรรษ การฟื้นฟูต่างๆ เริ่มต้นขึ้นในฝรั่งเศสกับนโปเลียนสนับสนุนศิลปะ glyptic และแม้แต่พระบรมราชาภิเษกสวมมงกุฎประดับด้วยจี้

ในอังกฤษ การฟื้นฟูนี้ครั้งแรกเกิดขึ้นในรัชกาล King George III และหลานสาวควีนวิคตอเรีย เป็นผู้สนับสนุนหลักของแนวโน้มของคาเมโอในขอบเขตที่พวกเขาจะกลายเป็นมวลผลิตโดยช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19

ภาพศิลปะแบบจี้ได้แรงบันดาลใจอย่างน้อยหนึ่งเขียนครั้งล่าสุด , ศตวรรษรัสเซียกวี เลฟ เมย์ ที่ประกอบด้วยวงจรของหกบทกวีเรื่องКамеи ( จี้ 1861 ) เป็นภาพสะท้อนในแต่ละ ของโรมันปกครองจากจูเลียส ซีซาร์กับนีโรในปี 1852 th é ophile โกติเยร์ชื่อคอลเลกชันของเขาสูงขัด , โรทาบทกวี emaux et é es ( เคลือบ และจี้แคม )