“It Was Like Suddenly My SonNo Long

“It Was Like Suddenly My Son
No Longer Existed”
Enforced Disappearances in Thailand’s Southern Border Provinces
The Thai security forces have used enforced disappearances as a tool to quell armed separatists in the southern
border provinces, most notably since the escalation of militant violence in January 2004. Based on interviews with
families of victims and with witnesses, “It Was Like Suddenly My Son No Longer Existed” documents 22 cases of
unresolved “disappearances” in which the evidence strongly indicates that the Thai security forces were
responsible. Many of those who have been “disappeared” were suspected by the police or army of being
militants, or of supporting them, or of having information on separatist attacks. The actual number of
“disappearances” in the southern border provinces may be significantly underreported, since many families keep
silent due to fears of reprisal and the lack of effective witness protection.
Most of the enforced disappearances took place during the period in office of the government of Prime Minister
Thaksin Shinawatra, who was deposed in a September 2006 coup. The military-backed government of
Gen. Surayud Chulanont announced it would have a more human rights friendly and sophisticated approach than
the heavy handed one used by Thaksin, but little has changed. The police, the Justice Ministry’s Department of
Special Investigation, the National Human Rights Commission, and the newly reinstated Southern Border
Provinces Administration Center have failed to carry out full and impartial investigations. This has created a
vicious cycle of violence and alienation in which attacks are carried out by the security forces and armed
separatists on a daily basis. Human Rights Watch is calling on the Thai government and the security forces to
immediately end the practice of “disappearances” and other human rights abuses, including extrajudicial
executions, torture and arbitrary arrest, and to take concrete steps to hold perpetrators accountable.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

"มันเป็นเหมือนจู่ ๆ ลูกไม่มีอยู่จริง"แก่การบังคับในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยกองไทยได้ใช้แก่การบังคับเป็นเครื่องมือในการ quell separatists อาวุธในภาคใต้จังหวัดชายแดน ส่วนใหญ่เนื่องจากการเลื่อนระดับของความรุนแรงที่หัวรุนแรงในเดือนมกราคมปี 2004 ตามด้วยการสัมภาษณ์ครอบครัว ของเหยื่อ และ พยาน "มันเป็นเช่นก็ฉันสน No Longer อยู่" เอกสาร 22 กรณียังไม่ได้แก้ไข "แก่" ในหลักฐานขอบ่งชี้ว่า กำลังทหารได้รับผิดชอบ หลายคนที่ถูก "หาย" ได้สงสัยว่าตำรวจหรือทหารที่ฉะนั้น หรือสนับสนุนพวกเขา หรือมีข้อมูลแบ่งแยกดินโจมตี จำนวนจริง"แก่" ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะมี underreported เนื่องจากหลายครอบครัวให้เงียบกลัว reprisal และขาดการป้องกันพยานมีประสิทธิภาพส่วนใหญ่แก่การบังคับเกิดขึ้นในระหว่างรอบระยะเวลาในสำนักงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีทักษิณชินวัตร ที่ถูกแจฮยอนจากตระกูลในรัฐประหาร 2549 กันยายนนั้น ทหารที่สนับสนุนรัฐบาลประกาศทั่วไปพล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์ก็จะมีการเพิ่มเติมสิทธิมนุษยชนเป็นมิตร และมีความซับซ้อนวิธีมากกว่าหนักมอบหนึ่งใช้ทักษิณ แต่น้อยมีการเปลี่ยนแปลง ตำรวจ กรมของกระทรวงยุติธรรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และชาย แดนภาคใต้ที่ reinstated ใหม่ศูนย์บริหารจังหวัดได้ล้มเหลวในการดำเนินการสืบสวนทั้งหมด และเป็นธรรม นี้ได้สร้างความอึมครึมวงจรของความรุนแรงและสุดที่โจมตีจะดำเนินการ โดยการรักษาความปลอดภัยกองกำลัง และอาวุธseparatists ประจำวัน สิทธิมนุษยชนจะเรียกรัฐบาลไทย และกองกำลังรักษาความปลอดภัยการสิ้นสุดการปฏิบัติ "แก่" และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ รวมถึงการวิสามัญฆาตกรรมให้เห็นทันทีดำเนินการ การทรมาน และการจับ กุมที่กำหนด และ การใช้ขั้นตอนคอนกรีตเพื่อถือความผิดรับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"มันเป็นเหมือนทันใดนั้นลูกชายของฉันไม่มีตัวตนอีกต่อไป" บังคับหายในประเทศไทยของจังหวัดชายแดนภาคใต้กองกำลังความมั่นคงของไทยได้ใช้บังคับบุคคลให้สูญหายเป็นเครื่องมือในการปราบปรามการแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธในภาคใต้จังหวัดชายแดนสะดุดตามากที่สุดนับตั้งแต่การเพิ่มความรุนแรงของสงครามในมกราคม2004 . ขึ้นอยู่กับการให้สัมภาษณ์กับครอบครัวของเหยื่อและพยาน"มันเป็นเหมือนทันใดนั้นลูกชายของฉันไม่มีตัวตนอีกต่อไป" เอกสาร 22 กรณีที่ยังไม่ได้แก้ไข"หายตัวไป" ซึ่งหลักฐานอย่างยิ่งแสดงให้เห็นว่ากองกำลังความมั่นคงของไทยเป็นผู้รับผิดชอบ หลายคนที่ได้รับ "หาย" ถูกสงสัยว่าโดยตำรวจหรือกองทัพของการก่อการร้ายหรือการสนับสนุนพวกเขาหรือของการมีข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีดินแดน จำนวนที่แท้จริงของ"หายตัวไป" ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะ underreported อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากหลายครอบครัวเก็บเงียบเพราะกลัวว่าการแก้แค้นและการขาดการคุ้มครองพยานที่มีประสิทธิภาพ. ส่วนใหญ่บังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาในการทำงานของรัฐบาล ของนายกรัฐมนตรีทักษิณชินวัตรที่ถูกปลดในกันยายน2006 การทำรัฐประหาร รัฐบาลทหารได้รับการสนับสนุนของพลเอก สุรยุทธ์จุลานนท์ประกาศว่าจะมีสิทธิมนุษยชนมากขึ้นวิธีการที่เป็นมิตรและมีความซับซ้อนกว่าหนึ่งมือหนักใช้โดยทักษิณ แต่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตำรวจ, กระทรวงยุติธรรมของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและเรียกตัวใหม่ชายแดนภาคใต้จังหวัดศูนย์อำนวยการบริหารได้ล้มเหลวในการดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบและเป็นกลาง นี้ได้สร้างวงจรของความรุนแรงและความแปลกแยกในการโจมตีซึ่งจะดำเนินการโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยและติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในชีวิตประจำวัน สิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกองกำลังรักษาความปลอดภัยเพื่อทันทียุติการปฏิบัติของ "หายตัวไป" และละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ รวมทั้งวิสามัญฆาตกรรมประหารชีวิตทรมานและการจับกุมโดยพลการและทำตามขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมที่จะระงับการกระทำผิดรับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

" มันเหมือนอยู่ๆลูกชาย

ไม่มีตัวตน " การบังคับบุคคลสูญหายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไทย
กองกำลังความมั่นคงได้ใช้บังคับบุคคลสูญหายเป็นเครื่องมือปราบติดอาวุธแบ่งแยกในจังหวัดชายแดนภาคใต้
สะดุดตาที่สุดตั้งแต่การต่อสู้ของความรุนแรงในเดือนมกราคมปี 2004 ขึ้นอยู่กับการสัมภาษณ์กับ
ครอบครัวของเหยื่อและพยาน" มันเหมือนอยู่ๆลูกชายไม่มีตัวตน " เอกสารกรณี
ค้างคา " หายตัวไป " ซึ่งหลักฐานพบว่า ไทยมีความมั่นคง มี
รับผิดชอบ หลายของบรรดาผู้ที่ได้รับการ " หายไป " เป็นผู้ต้องสงสัยโดยตำรวจหรือทหารเป็นผู้ปฏิบัติการ
หรือสนับสนุน หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีของฝ่ายแบ่งแยก ตัวเลขจริงของ
" หายตัวไป " ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะมาก underreported เนื่องจากหลายครอบครัวให้
เงียบเนื่องจากความกลัวของการแก้แค้นและการขาดความคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ .
ส่วนใหญ่ของการบังคับบุคคลสูญหายเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาในการทำงานของรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี
ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 . ทหารสนับสนุนรัฐบาล
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศว่าจะมีมากขึ้นและซับซ้อนกว่าสิทธิมนุษยชนเป็นมิตรวิธีการ
หนักมือหนึ่งที่ใช้ โดย พ.ต.ท. ทักษิณ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตำรวจ กระทรวงยุติธรรม กรม
สอบสวนพิเศษ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเพิ่งจะกลับมา
ชายแดนใต้ศูนย์บริหารจังหวัดได้ล้มเหลวที่จะดำเนินการเต็มรูปแบบและเป็นกลางตรวจสอบ นี้ได้สร้างวงจรแห่งความรุนแรงและแปลกแยก
ซึ่งในการโจมตีจะดําเนินการโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยและแบ่งแยกติดอาวุธ
ในแต่ละวัน สิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกองกำลังรักษาความปลอดภัย

ทันทีที่สิ้นสุดการปฏิบัติของ " สูญหาย " และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น ๆรวมทั้ง extrajudicial
ประหาร ทรมานและอำนาจการจับกุม และใช้คอนกรีตขั้นตอนที่จะจับผู้ที่รับผิดชอบ