History of corruption in KoreaFor t

History of corruption in Korea
For the past three decades, the economic success of South Korea has had a
significant impact in Northeast Asia and served as a model of successful
economic development. It had experienced Japan’s colonial rule, American
occupation, and its own debilitating war on the Korean peninsula. Its
economic development strategy and its adoption of the American democratic
system allowed the nation to rebuild and transform itself into the
twelfth most developed nation in the world.
Three important factors serve as the backdrop for the development of
corruption in Korea. First, the economic and structural vacuum caused by
the end of Japanese colonialism caused great economic and social disarray
on the newly divided peninsula. Furthermore, the US military forces occupying
South Korea were ill-equipped and inexperienced in nation-building
efforts and were side-tracked by the commitment to rebuild Japan after
World War II. Thus, post-colonial Korea gave the middle class, who were
desperately seeking economic security, the opportunity to secure positions
of wealth, power, and influence during a period of social disorder.6
Second, the debilitating effects of the Korean conflict inflicted further
human and economic suffering. It also left South Korea in a state of insecurity.
The armistice signed in 1953 between North and South Korea did
not provide the nation with confidence that hostilities would cease. The
diplomatic talks to finalize the armistice had dragged on for two years, hindered
by issues such as the exchange of prisoners of war and the military
demarcation line. When the armistice was finally signed it was only
intended to be a ‘temporary’ measure. The document, signed by US Lieutenant
General William K. Harrison and his counterpart from the North’s
army, General Nam Il, said it was aimed at a ceasefire ‘until a final peaceful
settlement is achieved’. However, that settlement never came.7 The
Geneva talks in 1954, at which the Korean peninsula was discussed, failed
to resolve the issue.
Third, the adoption of the Nixon Doctrine during the Vietnam War
added to the fear and insecurity throughout South Korea. The central
thesis of the Nixon Doctrine was that the major effort to deter localized
wars overseas must be made by the governments and by the people of the
states affected by those wars, not by the USA. This suggested the possibility
that US forces would be withdrawn from the Korean peninsula as well.
Thus, South Korea began to give its military leaders significant power and
influence, as the nation sought to develop a contingency plan in case US
troops were ordered to leave. The threat that they would leave also forced
the leadership to produce incentives for economic development in order to
bolster its ability to protect itself from North Korea.
These three factors had a substantial effect on the Korean mind-set.
The state of insecurity, the scars of human and economic suffering, drove
Korea to devise alternative plans to secure its borders and interests.
A military-backed regime sought to increase the nation’s economic capability
to protect and preserve the nation’s interests. As a result, South Korean
military leaders working within the government acquired a significant
amount of power without an adequate power-checking mechanism. That
stimulated the development of corruption since the government now could
exercise its power without fear of repercussions. Consequently, from 1948
to 1992, the military had an immense influence on politics and the
economy, which also paved the way for the beginning of a collusive relationship
between the government and big business. Furthermore, as this
bilateral relationship matured, public and private leaders who benefited
from illegal collusion were reluctant to set limits to it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติศาสตร์ทุจริตในเกาหลีสำหรับสามทศวรรษที่ผ่านมา ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้มีการผลกระทบที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นแบบที่ประสบความสำเร็จการพัฒนาเศรษฐกิจ มันเคยครองของญี่ปุ่น อเมริกันอาชีพ และสงครามเอง debilitating บนคาบสมุทรเกาหลี ของมันกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจและการยอมรับของสังคมประชาธิปไตยระบบสามารถสร้าง และเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นประเทศส่วนสิบสองพัฒนาประเทศในโลกปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่ทำหน้าที่เป็นฉากหลังสำหรับการพัฒนาความเสียหายในเกาหลี ครั้งแรก เครื่องดูดฝุ่นเศรษฐกิจ และโครงสร้างที่เกิดจากจุดสิ้นสุดของลัทธิอาณานิคมญี่ปุ่นเกิด disarray เศรษฐกิจ และสังคมที่ดีบนคาบสมุทรถูกแบ่งใหม่ นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ กองกำลังครอบครองเกาหลีใต้ได้ ห้องไม่ดี และไม่มีประสบการณ์ในประเทศอาคารความพยายามและติดตามด้าน โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างประเทศญี่ปุ่นหลังจากสงครามโลก ดังนั้น หลังอาณานิคมเกาหลีให้ชั้นกลาง คนความปลอดภัยทางเศรษฐกิจแสวง โอกาสในการรักษาความปลอดภัยตำแหน่งความมั่งคั่ง พลังงาน และอิทธิพลระหว่างช่วงสังคม disorder.6ที่สอง debilitating ผลกระทบของความขัดแย้งเกาหลีแผลต่อไปความทุกข์ทรมานมนุษย์ และเศรษฐกิจ ไปเกาหลีใต้ในสภาพของความไม่มั่นคงไม่สงบลงในปี 1953 ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ไม่ให้ประเทศ ด้วยความมั่นใจว่าจะยุติการสู้รบ การการเจรจาทางการทูตเพื่อจบการสงบศึกได้ลากบนสองปี ขัดขวางโดยปัญหาต่าง ๆ เช่นการแลกเปลี่ยนเชลยศึกและทหารเส้นแบ่งเขต เมื่อลงนามการสงบศึกในที่สุด ก็เท่านั้นมีไว้เพื่อให้การวัด 'ชั่วคราว' เอกสาร ลงนาม โดยโทสหรัฐอเมริกาทั่วไปวิลเลียมเคแฮร์ริสันและคู่ของเขาจากของภาคเหนือทั่วไปน้ำ Il กองทัพบกกล่าวว่า มันมุ่งหยิง ' จนถึงเงียบสุดการชำระเงินสามารถทำได้ ' อย่างไรก็ตาม การชำระเงินที่ไม่ came.7ไม่พูดถึงเจนีวาในปี 1954 ซึ่งได้กล่าวถึงคาบสมุทรเกาหลีการแก้ไขปัญหาสาม การนำลัทธินิกสันในระหว่างสงครามเวียดนามเพิ่มความกลัวและความไม่มั่นคงทั่วทั้งเกาหลีใต้ เซ็นทรัลวิทยานิพนธ์ของลัทธินิกสันถูกว่า ความพยายามที่จะยับยั้งแปลต้องทำสงครามในต่างประเทศ โดยรัฐบาล และคนอเมริกาที่รับผลกระทบจากสงครามเหล่านั้น ไม่ใช่โดยสหรัฐอเมริกา นี้แนะนำว่า กองกำลังสหรัฐอเมริกาได้ถอนออกจากคาบสมุทรเกาหลีเป็นอย่างดีดังนั้น เกาหลีใต้เริ่มที่จะให้ผู้นำทหารอำนาจสำคัญ และมีอิทธิพลต่อ เป็นประเทศพยายามที่จะพัฒนาแผนฉุกเฉินในกรณีสหรัฐอเมริกาทหารถูกสั่งให้ออกจาก การคุกคามที่จะปล่อยให้พวกเขายัง ถูกบังคับการเป็นผู้นำในการผลิตสิ่งจูงใจสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้เสริมด้ามความสามารถในการปกป้องตัวเองจากเกาหลีเหนือปัจจัยสามประการนี้มีผลพบในเกาหลีเอาใจสถานะของความไม่มั่นคง รอยแผลเป็นของมนุษย์ และเศรษฐกิจทุกข์ ขับรถเกาหลีประดิษฐ์แผนทางเลือกการรักษาความปลอดภัยของเส้นขอบและความสนใจ เป็นระบอบการปกครองทหารแอ่นพยายามที่จะเพิ่มความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศป้องกัน และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เป็นผล เกาหลีใต้ทำงานในรัฐบาลผู้นำทหารมาสำคัญจำนวนพลังงานโดยไม่มีกลไกการตรวจสอบพลังงานเพียงพอ ว่ากระตุ้นการพัฒนาของความเสียหายเนื่องจากรัฐบาลสามารถตอนนี้ออกกำลังกายการใช้พลังงานโดยไม่ต้องกลัวกระทบ ดังนั้น จาก 1948การ 1992 ทหารมีอิทธิพลต่อการเมืองอันยิ่งใหญ่และเศรษฐกิจ ซึ่งยัง เป็นปูทางสำหรับการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่สมคบระหว่างรัฐบาลและธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เช่นนี้ความสัมพันธ์ทวิภาคีครบกำหนด ผู้นำภาครัฐ และเอกชนที่ได้รับประโยชน์จากสำคัญผิดกฎหมายมีอยากตั้งค่าขีดจำกัดการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาของการทุจริตในเกาหลี
ที่ผ่านมาสามทศวรรษที่ผ่านมาประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้มี
ผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและทำหน้าที่เป็นรูปแบบของการประสบความสำเร็จ
ในการพัฒนาเศรษฐกิจ มันเคยมีประสบการณ์การปกครองของญี่ปุ่นอาณานิคมอเมริกัน
อาชีพและสงครามที่ทำให้สุขภาพทรุดโทรมของตัวเองบนคาบสมุทรเกาหลี ใช้
ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและการยอมรับของประชาธิปไตยอเมริกัน
ระบบได้รับอนุญาตให้ประเทศที่จะสร้างและเปลี่ยนแปลงตัวเองลงใน
ประเทศที่พัฒนามากที่สุดสิบสองในโลก.
สามปัจจัยสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นฉากหลังสำหรับการพัฒนาของ
การทุจริตในเกาหลี ครั้งแรกที่สูญญากาศทางเศรษฐกิจและโครงสร้างที่เกิดจาก
การสิ้นสุดของการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นที่เกิดความระส่ำระสายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดี
บนคาบสมุทรแบ่งออกใหม่ นอกจากนี้กองกำลังทหารสหรัฐครอบครอง
เกาหลีใต้ไม่พร้อมและขาดประสบการณ์ในการสร้างชาติ
พยายามและด้านการติดตามด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างญี่ปุ่นหลัง
สงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้นหลังอาณานิคมเกาหลีให้คนชั้นกลางที่กำลัง
หมดหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโอกาสในการรักษาความปลอดภัยในตำแหน่ง
ของความมั่งคั่งอำนาจและอิทธิพลในช่วงระยะเวลาของ disorder.6 สังคม
ประการที่สองผลกระทบที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอของความขัดแย้งเกาหลีลือต่อ
มนุษย์ และความทุกข์ทรมานทางเศรษฐกิจ มันยังเหลือเกาหลีใต้ในสถานะของความไม่มั่นคง.
ศึกลงนามในปี 1953 ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ไม่
ได้ให้ประเทศที่มีความเชื่อมั่นว่าจะยุติการสู้รบ
การเจรจาทางการทูตเพื่อจบศึกได้ลากในสองปีที่ผ่านมาขัดขวาง
โดยประเด็นต่าง ๆ เช่นการแลกเปลี่ยนเชลยศึกและทหาร
เส้นแบ่ง เมื่อศึกได้ลงนามในที่สุดมันก็เป็นเพียง
จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นมาตรการชั่วคราว ' เอกสารที่ลงนามโดยสหรัฐพลโท
พลวิลเลียมเคแฮร์ริสันและคู่ของเขามาจากทางเหนือของ
กองทัพพล Nam Il กล่าวว่ามันเป็นมุ่งเป้าไปที่การรบจนกระทั่งสงบสุดท้าย
นิคมจะประสบความสำเร็จ ' อย่างไรก็ตามการตั้งถิ่นฐานที่ไม่เคย came.7
เจรจาเจนีวาในปี 1954 ที่คาบสมุทรเกาหลีที่ถูกกล่าวถึงล้มเหลว
ในการแก้ไขปัญหา.
ประการที่สามการยอมรับของนิกสันหลักคำสอนในช่วงสงครามเวียดนาม
เพิ่มให้กับความกลัวและความไม่มั่นคงทั่วเกาหลีใต้ ภาคกลาง
วิทยานิพนธ์ของนิกสันเป็นหลักคำสอนที่พยายามที่จะยับยั้งการแปลเป็นภาษาท้องถิ่น
สงครามในต่างประเทศจะต้องทำโดยรัฐบาลและโดยคนของ
รัฐรับผลกระทบจากสงครามเหล่านั้นไม่ได้โดยประเทศสหรัฐอเมริกา นี้แสดงให้เห็นความเป็นไปได้
ว่ากองกำลังสหรัฐจะถอนตัวออกจากคาบสมุทรเกาหลีเช่นกัน.
ดังนั้นเกาหลีใต้เริ่มที่จะให้ผู้นำทางทหารของพลังงานที่สำคัญและ
มีอิทธิพลต่อการเป็นประเทศพยายามที่จะพัฒนาแผนฉุกเฉินในกรณีที่สหรัฐ
ทหารได้รับคำสั่งให้ออกจาก ภัยคุกคามที่ว่าพวกเขาจะออกยังบังคับให้
เป็นผู้นำในการผลิตแรงจูงใจในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อ
หนุนความสามารถในการป้องกันตัวเองจากเกาหลีเหนือ.
ทั้งสามปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในใจตั้งเกาหลี.
รัฐของความไม่มั่นคง, รอยแผลเป็น ของมนุษย์และความทุกข์ทรมานทางเศรษฐกิจขับรถ
เกาหลีที่จะประดิษฐ์แผนทางเลือกการรักษาความปลอดภัยชายแดนและผลประโยชน์ของตน.
ระบอบการปกครองทางทหารได้รับการสนับสนุนความพยายามที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศ
ในการป้องกันและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เป็นผลให้ชาวเกาหลีใต้
ผู้นำทหารที่ทำงานในรัฐบาลที่ได้มาอย่างมีนัยสำคัญ
ปริมาณของพลังงานโดยไม่ต้องมีกลไกการตรวจสอบการใช้พลังงานอย่างเพียงพอ ที่
กระตุ้นการพัฒนาของการทุจริตเนื่องจากรัฐบาลในขณะนี้สามารถ
ใช้อำนาจของตนโดยไม่ต้องกลัวผลกระทบ ดังนั้นปี 1948 จาก
ที่จะปี 1992 ทหารมีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อการเมืองและ
เศรษฐกิจซึ่งยังปูทางสำหรับการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่สมรู้ร่วมคิด
ระหว่างภาครัฐและธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้
ความสัมพันธ์ทวิภาคีสุกผู้นำภาครัฐและเอกชนที่ได้รับประโยชน์
จากการสมรู้ร่วมคิดที่ผิดกฎหมายไม่เต็มใจที่จะตั้งค่าขีด จำกัด กับมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติของการทุจริตในเกาหลีสำหรับที่ผ่านมาสามทศวรรษความสำเร็จเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้ผลกระทบที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และทำหน้าที่เป็นรูปแบบของการประสบความสำเร็จการพัฒนาเศรษฐกิจ มันมีประสบการณ์การปกครองอาณานิคมของญี่ปุ่น อเมริกาอาชีพ ของตัวเอง debilitating สงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ของยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและการยอมรับของอเมริกันประชาธิปไตยระบบอนุญาตให้ประเทศเพื่อสร้างและแปลงตัวเองเข้าไป12 ประเทศที่พัฒนามากที่สุดในโลกสามปัจจัยที่สำคัญเป็นฉากหลังสำหรับการพัฒนาการทุจริตในเกาหลี แรก , เศรษฐกิจและโครงสร้างที่เกิดจากสูญญากาศสิ้นสุดของการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นทำให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีบนคาบสมุทรแบ่งใหม่ . นอกจากนี้ เราได้มีกองทัพเกาหลีใต้ป่วยพร้อม และไม่มีประสบการณ์ในการสร้างชาติความพยายามและด้านการติดตามโดยการมุ่งมั่นที่จะสร้างญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้น เกาหลีเหนือประกาศอาณานิคมให้ชนชั้นกลางที่ถูกหมดท่าแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โอกาสที่จะรักษาตำแหน่งความมั่งคั่ง อำนาจ และอิทธิพลในช่วงระยะเวลาของโรคสังคม 6 .ประการที่สอง ผล debilitating ของความขัดแย้งเกาหลีสร้างเพิ่มเติมมนุษย์กับเศรษฐกิจทุกข์ มันยังเหลือเกาหลีใต้ในสถานะของความไม่มั่นคงการพักรบลงนามในปี 1953 ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้แล้วอย่าให้ประเทศที่มีความมั่นใจว่า สงครามจะยุติ ที่การเจรจาทางการทูตเพื่อจบศึกได้ลากบนสำหรับสองปี , ขัดขวางโดยประเด็นเช่นตราของเชลยศึก และทหารเส้นแบ่งเขต . เมื่อศึกก็เซ็นมันเท่านั้นตั้งใจที่จะเป็น " ชั่วคราว " วัด เอกสารลงนามโดยเราผู้หมวดนายพลวิลเลียมเค แฮริสัน และคู่ของเขาจากนอร์ทกองทัพทั่วไป นัมอิล กล่าวว่า มันมีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดยิง จนกระทั่งสุดท้าย สงบนิคมได้ " อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวที่ 7 ไม่เคยมาการเจรจาเจนีวาในปี 1954 ที่ คาบสมุทร เกาหลี ที่กล่าวถึง ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาประการที่สาม การยอมรับคำสอน นิกสัน ในช่วงสงครามเวียดนามเพิ่มความกลัวและความไม่มั่นคงทั้งในเกาหลีใต้ กลางวิทยานิพนธ์ของลัทธิ นิกสัน ที่สําคัญพยายามห้ามปรามถิ่นสงครามต่างประเทศต้องทำโดยรัฐบาลและประชาชนของสหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบจากสงครามเหล่านั้น โดย สหรัฐอเมริกา นี้ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ที่เรากำลังจะถอนตัวจากคาบสมุทรเกาหลีได้เป็นอย่างดีดังนั้น เกาหลีใต้เริ่มให้ความสำคัญและอำนาจของผู้นำทหารอิทธิพล ในฐานะที่เป็นประเทศพยายามที่จะพัฒนาแผนสำรองในกรณีที่เราทหารถูกสั่งให้กลับ ภัยคุกคามที่พวกเขาจะออกไปยังบังคับภาวะผู้นำเพื่อสร้างแรงจูงใจสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเองจากเกาหลีเหนือทั้งสามปัจจัยที่มีผลอย่างมากในการตั้งค่าใจเกาหลีสถานะของความไม่มั่นคง , แผลเป็นของมนุษย์และเศรษฐกิจทุกข์ , ขับรถเกาหลีประดิษฐ์แผนทางเลือกการรักษาความปลอดภัยพรมแดนของตนและความสนใจทหารได้รับการสนับสนุนระบอบการปกครองพยายามเพิ่มความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เป็นผลให้ชาวเกาหลีใต้ผู้นำทหารทำงานในรัฐบาลที่ได้มาพบปริมาณพลังงานโดยปราศจากอำนาจกลไกการตรวจสอบ . ว่ากระตุ้นการพัฒนาของการทุจริตตั้งแต่รัฐบาลนี้สามารถการใช้อำนาจของตนโดยไม่กลัวความ . ดังนั้นจาก 1948พ.ศ. กองทัพอันยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อการเมืองเศรษฐกิจซึ่งยังปูทางสำหรับการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ collusiveระหว่างรัฐบาลและธุรกิจใหญ่ นอกจากนี้ เป็นนี้ความสัมพันธ์ทวิภาคีวุฒิภาวะผู้นำที่ได้รับประโยชน์เป็นส่วนตัวและสาธารณะจากที่ผิดกฎหมายการสมรู้ร่วมคิดไม่เต็มใจที่จะตั้งค่าขีดจำกัดนั้น