The EgCBF3 plants showed altered ph

The EgCBF3 plants showed altered phenotypes compared to the wild type plants. These plants exhibited stunted growth in the first three weeks ( Fig. 2A). The average plant height of the wild type tomatoes was 42.7 cm, about 2 times more than the transgenic lines (Table 2). However, this ratio changed 2 months after acclimation (Table 2). After 6 weeks, the transgenic plants started to grow faster and more vigorously than the wild type tomato plants (Fig. 2B). Unlike in the first 3 weeks, the leaf area, leaf fresh weight (FW) and dry weight (DW) of the transgenic plants were significantly higher than that of the normal plants after two months (Table 2) (Fig. 2C and D). The transgenic plants also showed delayed leaf senescence compared to the wild type (Fig. 5). Further, while the axillary buds in normal plants were dormant at the early days, almost all of the ones in the transgenic lines started to grow. Other morphological and physiological parameters recorded two months after acclimation, that showed significant differences between the transgenic and wild type tomatoes, are as listed in Table 2.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พืช EgCBF3 พบว่าไทป์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับพืชชนิดป่า พืชเหล่านี้จัดแสดงการเจริญเติบโตแคระแกรนในสามสัปดาห์แรก (รูป 2A) ความสูงเฉลี่ยพืชมะเขือเทศชนิดป่าได้ 42.7 กมซม. 2 ครั้งมากกว่าบรรทัดจำลอง (ตาราง 2) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนนี้เปลี่ยน 2 เดือนหลังจาก acclimation (ตาราง 2) หลังจาก 6 สัปดาห์ พืชจำลองเริ่มต้นเติบโตเร็ว และแรง ๆ กว่ามะเขือป่าชนิดพืช (รูปที่ 2B) ซึ่งแตกต่างจากในครั้งแรก 3 สัปดาห์ พื้นที่ใบ ใบน้ำหนักสด (FW) และน้ำหนักแห้ง (DW) ของพืชจำลองได้สูงกว่าพืชปกติหลังจากสองเดือน (ตารางที่ 2) (รูปที่ 2C และ D) พืชจำลองยังแสดงให้เห็นจัสล่าช้าเมื่อเทียบกับป่าชนิด (5 รูป) ต่อไป ในขณะที่ตาในพืชปกติเฉย ๆ เวลาวัน ในบรรทัดจำลองเกือบทั้งหมดเริ่มต้นเติบโต พารามิเตอร์อื่น ๆ ทางสรีรวิทยา และสัณฐานสองเดือนหลัง acclimation ที่แสดงให้เห็นความแตกต่างสำคัญระหว่างมะเขือเทศจำลองและชนิดป่า บันทึกไว้ตามที่แสดงในตารางที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พืช EgCBF3 แสดงให้เห็น phenotypes การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับพืชชนิดป่า พืชเหล่านี้แสดงให้เห็นการเจริญเติบโตแคระในสามสัปดาห์แรก (รูป. 2A) ความสูงเฉลี่ยของโรงงานมะเขือเทศป่าประเภทเป็น 42.7 ซม. ประมาณ 2 ครั้งกว่าสายการดัดแปรพันธุกรรม (ตารางที่ 2) อย่างไรก็ตามอัตราส่วนนี้เปลี่ยน 2 เดือนหลังจากที่ปรับตัว (ตารางที่ 2) หลังจาก 6 สัปดาห์พืชดัดแปรพันธุกรรมเริ่มที่จะเติบโตได้เร็วขึ้นและแรงกว่ามะเขือเทศป่าประเภท (รูป. 2B) ซึ่งแตกต่างจากใน 3 สัปดาห์แรกพื้นที่ใบใบน้ำหนักสด (FW) และน้ำหนักแห้ง (DW) ในพืชดัดแปรพันธุกรรมสูงกว่าในพืชปกติอย่างมีนัยสำคัญหลังจากสองเดือน (ตารางที่ 2) (รูป. 2C และ D) . พืชดัดแปรพันธุกรรมยังแสดงให้เห็นการเสื่อมสภาพของใบล่าช้าเมื่อเทียบกับป่าประเภท (รูปที่. 5) นอกจากนี้ในขณะที่ตาออกที่ซอกใบในพืชปกติอยู่เฉย ๆ ในวันแรกเกือบทั้งหมดของคนในสายพันธุ์เริ่มที่จะเติบโต พารามิเตอร์ทางสัณฐานวิทยาและสรีรวิทยาอื่น ๆ ไว้สองเดือนหลังจากที่ปรับตัวที่แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างยีนและมะเขือเทศป่าประเภทมีดังแสดงในตารางที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การ egcbf3 พืช พบการเปลี่ยนแปลงฟีโนไทป์เมื่อเทียบกับพืชชนิดป่า พืชเหล่านี้มีลักษณะแคระแกรน การเจริญเติบโตในสัปดาห์แรก ( รูปที่ 2A ) ค่าเฉลี่ยความสูงของมะเขือเทศชนิดป่าได้มากกว่าซม. มากกว่าสายพันธุ์ประมาณ 2 ครั้ง ( ตารางที่ 2 ) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้เปลี่ยนไป 2 เดือนหลังจาก acclimation ( ตารางที่ 2 ) หลังจาก 6 สัปดาห์ พืชพันธุ์เริ่มที่จะเติบโตได้เร็วขึ้นและมากขึ้นอย่างแข็งขันกว่าป่าชนิดพืชมะเขือเทศ ( รูปที่ 2B ) ซึ่งแตกต่างจากใน 3 สัปดาห์แรก พื้นที่ใบ น้ำหนักสด ( FW ) ใบและน้ำหนักแห้ง ( แห้ง ) ของพืชดัดแปรพันธุกรรม สูงกว่าที่ของพืชปกติหลังจากสองเดือน ( ตารางที่ 2 ) ( รูปที่ 2 C และ D ) พืชดัดแปรพันธุกรรม นอกจากนี้ยังพบการล่าช้าเมื่อเทียบกับประเภทใบไม้ในป่า ( ภาพที่ 5 ) เพิ่มเติม ในขณะที่ตารักแร้ในพืชปกติอยู่ที่วันแรก เกือบทั้งหมดอยู่ในสายพันธุกรรมเริ่มเติบโตขึ้น ตัวแปรลักษณะทางสัณฐานวิทยาและสรีรวิทยาอื่นๆบันทึกสองเดือนหลังจาก acclimation , ว่าเห็นความแตกต่างระหว่างพันธุกรรม และป่ามะเขือเทศชนิด , ตามที่ระบุไว้ในตารางที่ 2