They are 0.06 for the effect at the

They are 0.06 for the effect at the control mean and 0.04 for the interaction effect; only the first
remains statistically significant at conventional levels (5 percent level). It may be that stronger
students were able to utilize the supplied books independently of the teacher than weaker
students, and as a result, they benefited more than their classmates from the opportunity to read
in school. This is consistent with other studies that have observed that stronger students tend to
experience larger treatment effects from self-directed interventions (e.g. He, MacLeod, and
Linden, 2008).
Finally, Table 6 disaggregates the effect on the reading test by competency. The first two
columns report the results from the first follow-up survey, while the last two columns report the
results from the second. The first column for each of the follow-up surveys provides the
differences between the average test scores of the control and treatment groups using equation
(1). The second column provides the estimates with the full set of controls using equation (2).
Finally, the last two rows of Table 6 report the chi-squared statistic and p-value from a test of the
joint significance of the coefficients on the treatment indicator from the regressions for the
individual components of the reading test, estimated using seemingly unrelated regressions.
On both the first and second follow-up surveys, the program had a positive effect on most
of the components on the test (the written part was the one exception). In the first follow-up
survey, there are sizable treatment effects on sound recognition, word recognition, and the ability
to answer questions from the oral reading passage. The effects on word recognition and the oral
questions are individually statistically significant at the one and 10 percent levels respectively,
but the effect on sound recognition is not statistically significant at conventional levels. The joint
test of an effect on all skills shows that the results for the different components are jointly
statistically significant with a p-value of 0.013.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

0.06 สำหรับผลที่หมายถึงการควบคุมและ 0.04 สำหรับผลโต้ตอบ เพียงครั้งแรกอยู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับปกติ (ระดับ 5 เปอร์เซ็นต์) อาจเป็นได้ว่าแข็งแกร่งนักเรียนได้ใช้หนังสือให้อิสระครูกว่าแข็งแกร่งนักเรียน และเป็นผล จะได้รับประโยชน์มากกว่าเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาจากโอกาสในการอ่านในโรงเรียน โดยสอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆ ที่ได้พบว่า นักเรียนที่แข็งแกร่งมักจะประสบการณ์ใหญ่รักษาผลจากงานวิจัยด้วยตนเอง (เช่นเขา MacLeod และลินเดน 2008)สุดท้าย ตาราง 6 disaggregates ผลการทดสอบการอ่านตามความสามารถ สองชนิดแรกคอลัมน์รายงานผลจากการสำรวจติดตามผลครั้งแรก ในขณะที่รายงานสองคอลัมน์สุดท้ายผลจากการที่สอง ให้คอลัมน์แรกสำหรับแต่ละของการสำรวจติดตามผลการความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยทดสอบคะแนนของกลุ่มควบคุมและการรักษาโดยใช้สมการ(1) คอลัมน์ที่สองให้ประเมินกับชุดเต็มของตัวควบคุมที่ใช้สมการ (2)สุดท้าย สุดท้ายสองแถวของตาราง 6 รายงานสถิติไคสแควร์และค่า p จากการทดสอบของการนัยสำคัญของสัมประสิทธิ์ในตัวบ่งชี้การรักษาจาก regressions สำหรับร่วมการแต่ละส่วนประกอบของการทดสอบการอ่าน ประเมินใช้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง regressionsในทั้งสอง และสองติดตามแบบสำรวจ โปรแกรมมีผลบวกเป็นส่วนใหญ่of the components on the test (the written part was the one exception). In the first follow-upsurvey, there are sizable treatment effects on sound recognition, word recognition, and the abilityto answer questions from the oral reading passage. The effects on word recognition and the oralquestions are individually statistically significant at the one and 10 percent levels respectively,but the effect on sound recognition is not statistically significant at conventional levels. The jointtest of an effect on all skills shows that the results for the different components are jointlystatistically significant with a p-value of 0.013.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พวกเขาเป็น 0.06 สำหรับผลในการควบคุมค่าเฉลี่ยและ 0.04 สำหรับผลการทำงานร่วมกัน; เพียงครั้งแรกที่เหลืออยู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับเดิม (ระดับร้อยละ 5)
มันอาจจะเป็นที่แข็งแกร่งนักเรียนก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากหนังสือที่จัดมาให้เป็นอิสระจากครูกว่าที่อ่อนแอนักเรียนและเป็นผลให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากกว่าเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาจากโอกาสที่จะอ่านในโรงเรียน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านักเรียนแข็งแกร่งมีแนวโน้มที่จะพบผลการรักษาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากการแทรกแซงการกำกับตนเอง(เช่นเขา MacLeod และลินเด็น2008). ในที่สุดตารางที่ 6 จําแนกข้อมูลผลกระทบต่อการทดสอบการอ่านโดยความสามารถ สองคนแรกคอลัมน์รายงานผลจากการสำรวจครั้งแรกติดตามในขณะที่ในช่วงสองคอลัมน์รายงานผลจากการที่สอง คอลัมน์แรกสำหรับแต่ละการสำรวจติดตามให้ความแตกต่างระหว่างคะแนนการทดสอบค่าเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมและกลุ่มรักษาโดยใช้สมการที่(1) คอลัมน์ที่สองให้ประมาณการที่มีชุดเต็มของการควบคุมโดยใช้สมการ (2). ในที่สุดในช่วงสองแถวของตารางที่ 6 รายงานสถิติไคสแควร์และ p-value จากการทดสอบของความสำคัญร่วมกันของสัมประสิทธิ์ในการรักษาตัวบ่งชี้จากการถดถอยสำหรับแต่ละองค์ประกอบของการทดสอบการอ่านการคำนวณโดยใช้วิธีการถดถอยที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง. ทั้งสองเป็นครั้งแรกและครั้งที่สองติดตามการสำรวจโปรแกรมที่มีผลบวกในส่วนของชิ้นส่วนในการทดสอบ (ส่วนที่เขียนเป็น ข้อยกเว้น) ในการติดตามครั้งแรกที่สำรวจมีผลกระทบต่อการรักษาขนาดใหญ่ในการรับรู้เสียงการจดจำคำและความสามารถในการตอบคำถามจากการอ่านทางช่องปาก ผลกระทบต่อการจดจำคำในช่องปากและคำถามที่มีนัยสำคัญทางสถิติเป็นรายบุคคลที่หนึ่งและร้อยละ 10 ระดับตามลำดับ แต่ผลในการรับรู้เสียงที่ไม่ได้เป็นนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับเดิม ร่วมทดสอบผลต่อทักษะทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าผลสำหรับองค์ประกอบที่แตกต่างกันร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญกับp-value ของ 0.013

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พวกเขาเป็น 0.06 ผลที่หมายถึงการควบคุมและ 0.04 สำหรับปฏิสัมพันธ์ ; เพียงครั้งแรก
ยังคงอยู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับปกติ ( ระดับ 5 เปอร์เซ็นต์ ) มันอาจเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่ง
สามารถใช้จัดหนังสืออิสระของครูมากกว่านักเรียนที่อ่อนแอ
และเป็นผลให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากกว่าเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาจากโอกาสที่จะอ่าน
ในโรงเรียนซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆที่ได้สังเกตว่านักเรียนแข็งแกร่งมีแนวโน้มที่จะรักษาผลจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ประสบการณ์ขนาดใหญ่การแทรกแซง ( เช่นเขา แม็คคลาวด์และ
Linden , 2008 ) .
ในที่สุด ตารางที่ 6 disaggregates ผลการทดสอบการอ่าน โดยความสามารถ รายงานสอง
คอลัมน์แรก ผลลัพธ์จากการสำรวจติดตามผลแรก ในขณะที่ช่วงสองคอลัมน์รายงาน
ผลลัพธ์ที่ได้จาก 2 คอลัมน์แรกของแต่ละการติดตามผลการสำรวจให้
ความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ใช้สมการ
( 1 ) คอลัมน์ที่สองแสดงประมาณการกับชุดเต็มของการควบคุมการใช้สมการ ( 2 ) .
ในที่สุด สุดท้ายสองแถวของตารางที่ 6 รายงานสถิติไคกำลังสองและ p-value จากการทดสอบของ
ร่วมกันความสำคัญของค่าสัมประสิทธิ์ในตัวบ่งชี้การรักษาจากสมการถดถอยสำหรับ
แต่ละองค์ประกอบของการทดสอบการอ่าน ประเมินโดยใช้ Iterative Seemingly สังกะสี
ทั้งครั้งแรกและครั้งที่สอง สำรวจ ติดตาม โปรแกรมมีผลบวกมากที่สุด
ขององค์ประกอบในการสอบ ( เขียนส่วนที่เป็นข้อยกเว้น ) ในการสำรวจติดตาม
ครั้งแรกมีขนาดใหญ่ การรักษาต่อเสียง การรับรู้ การรู้คำและความสามารถ
ตอบคำถามจากบทความที่อ่านปาก ผลกระทบต่อการรู้คำและคำถามในช่องปาก
เป็นรายบุคคลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับหนึ่ง และร้อยละ 10 ตามลำดับ
แต่ผลจำเสียงไม่ได้เป็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับปกติ ร่วม
การทดสอบผลในทักษะทั้งหมดที่แสดงผลสำหรับองค์ประกอบที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p
ร่วมกันกับของ 0.013 .