สิงคโปร์ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่

สิงคโปร์ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งอาคารสีเขียวในเอเชีย
หลายประเทศในเอเชีย ได้ยื่นขอใบรับรอง “เครื่องหมายสีเขียว” (Green Mark) จากหน่วยงาน Singapore Green Building Council (SGBC) ภายใต้โครงการ “เครื่องหมายสีเขียว” (Green Mark) ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่พยายามจะผลักดันให้สิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกใน ด้านความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาคารสีเขียว ซึ่งขณะนี้ เจ้าของอาคารต่างๆ ทั่วทั้งเอเชีย ได้ยื่นขอใบรับรองดังกล่าวแล้วจำนวน 115 ราย และที่ได้ผ่านการรับรองแล้วจำนวน 32 ราย
ในปี 2548 สิงคโปร์ได้เริ่มประกาศใช้ใบรับรอง “เครื่องหมายสีเขียว” (Green Mark) เพื่อประเมินมาตรฐานของอาคารต่างๆในสิงคโปร์ ในด้านสมรรถนะของการใช้พลังงาน และการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดการกับของเสียต่างๆ ต่อมาในปี 2551 รัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกกฎบังคับให้อาคารต่างๆในสิงคโปร์ มีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก และปัจจุบันนี้ อาคารสร้างใหม่จำนวน 551 แห่ง และอาคารเดิมจำนวน 65 แห่ง ในสิงคโปร์ ได้ผ่านการรับรองนี้แล้ว
เพื่อกระตุ้นให้มีการเพิ่มจำนวนอาคารสีเขียวมากยิ่งขึ้น หน่วยงาน BCA จึงได้จัดสรรเงินงบประมาณจำนวน 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของอาคารที่จะปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็น อาคารสีเขียว เนื่องจากผลที่ได้รับ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก โดยเฉพาะอาคารที่ต้องมีการดำเนินธุรกิจอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โรงแรม ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 - 3.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ แต่หลังจากที่ได้ เปลี่ยนมาเป็นอาคารสีเขียวแล้ว ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 250,000 — 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อปี ซึ่งจะทำให้คุ้มทุนได้ภายในเวลาประมาณ 4 ปี ตัวอย่างเช่น ตึก Empire State ในนิวยอร์ก ที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และช่วยลดรายจ่ายได้ถึง
4.4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี รวมทั้งบริษัท Johnson Controls’ ซึ่งได้ออกแบบเครื่องกันแดดอัตโนมัติ สำหรับใช้ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Winconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเครื่องนี้สามารถปรับหมุนได้เอง
ทุกๆครึ่งชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานถูกแสงแดดส่องโดยตรง อีกทั้งยังคิดค้นระบบทำความเย็น ระบบระบายอากาศ และการลดมลภาวะจากก๊าซเรือนกระจกโดยวิธีประหยัดพลังงานด้วย บริษัท Johnson Controls’ เป็นหนึ่งใน 5 บริษัท ที่เข้าร่วมโครงการอาคารสีเขียวนี้ โดยบริษัทฯ ได้ให้บริการและจัดหาอุปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้ในโครงการ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อนและระบายอากาศ สัญญาณเตือนไฟไหม้และระบบป้องกันภัยต่างๆ รวมทั้งการตรวจสอบบัญชี และบริษัท Johnson Controls’ ยังได้เข้าร่วมการก่อสร้างในโครงการหลายแห่งในสิงคโปร์ เช่น โครงการก่อสร้างที่ Resorts World Sentosa และ Singapore Management University
นอกจากนี้ หน่วยงาน BCA และ SGBC ยังได้จัดตั้งเป็นรางวัลเฉพาะสำหรับบุคคลระดับมืออาชีพที่มีความรู้ ความชำนาญ และเป็นผู้นำทางด้านงานการก่อสร้างอาคารสีเขียว โดยได้สร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพและโดดเด่นมาโดยตลอด
สิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกในความเป็นผู้นำทางด้านการคิดริเริ่มนวัต กรรมและโครงการใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้และความชำนาญในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดมลภาวะเป็นพิษจากก๊าส เรือนกระจก และมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้มีจำนวนอาคารสีเขียวมากขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ภายใน ปี 2573

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สิงคโปร์ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งอาคารสีเขียวในเอเชีย หลายประเทศในเอเชียได้ยื่นขอใบรับรอง "เครื่องหมายสีเขียว" (เครื่องหมายสีเขียว) จากหน่วยงานสิงคโปร์อาคารสีเขียวสภา (SGBC) ภายใต้โครงการ "เครื่องหมายสีเขียว" (เครื่องหมายสีเขียว) ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่พยายามจะผลักดันให้สิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกในด้านความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาคารสีเขียวซึ่งขณะนี้เจ้าของอาคารต่าง ๆ ทั่วทั้งเอเชียได้ยื่นขอใบรับรองดังกล่าวแล้วจำนวน 115 รายและที่ได้ผ่านการรับรองแล้วจำนวน 32 ราย สิงคโปร์ได้เริ่มประกาศใช้ใบรับรองในปี 2548 "เครื่องหมายสีเขียว" (เครื่องหมายสีเขียว) เพื่อประเมินมาตรฐานของอาคารต่างๆในสิงคโปร์ในด้านสมรรถนะของการใช้พลังงานและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งการจัดการกับของเสียต่าง ๆ ต่อมาในปี 2551 รัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกกฎบังคับให้อาคารต่างๆในสิงคโปร์มีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากและปัจจุบันนี้อาคารสร้างใหม่จำนวน 551 แห่งและอาคารเดิมจำนวน 65 แห่งในสิงคโปร์ได้ผ่านการรับรองนี้แล้ว เพื่อกระตุ้นให้มีการเพิ่มจำนวนอาคารสีเขียวมากยิ่งขึ้นหน่วยงาน BCA จึงได้จัดสรรเงินงบประมาณจำนวน 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของอาคารที่จะปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารสีเขียวเนื่องจากผลที่ได้รับจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มากโดยเฉพาะอาคารที่ต้องมีการดำเนินธุรกิจอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นโรงแรมซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5-3.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์แต่หลังจากที่ได้เปลี่ยนมาเป็นอาคารสีเขียวแล้วก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 250,000 — 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อปีซึ่งจะทำให้คุ้มทุนได้ภายในเวลาประมาณ 4 ปีตัวอย่างเช่นตึกตึก Empire State ในนิวยอร์กที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 38 เปอร์เซ็นต์และช่วยลดรายจ่ายได้ถึง 4.4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีรวมทั้งบริษัทจอห์นสันคอนโทรลส์ซึ่งได้ออกแบบเครื่องกันแดดอัตโนมัติสำหรับใช้ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Winconsin ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเครื่องนี้สามารถปรับหมุนได้เอง บริษัทเป็นหนึ่งใน 5 ทุกๆครึ่งชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานถูกแสงแดดส่องโดยตรงอีกทั้งยังคิดค้นระบบทำความเย็นระบบระบายอากาศและการลดมลภาวะจากก๊าซเรือนกระจกโดยวิธีประหยัดพลังงานด้วยบริษัทจอห์นสันคอนโทรลส์โครงการก่อสร้างที่เช่นยังได้เข้าร่วมการก่อสร้างในโครงการหลายแห่งในสิงคโปร์ที่เข้าร่วมโครงการอาคารสีเขียวนี้โดยบริษัทฯ ได้ให้บริการและจัดหาอุปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้ในโครงการเช่นเครื่องปรับอากาศเครื่องทำความร้อนและระบายอากาศสัญญาณเตือนไฟไหม้และระบบป้องกันภัยต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจสอบบัญชีและบริษัทจอห์นสันคอนโทรลส์ของรีสอร์ทเวิลด์เซ็นโตซ่าและมหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ นอกจากนี้หน่วยงาน BCA และ SGBC ยังได้จัดตั้งเป็นรางวัลเฉพาะสำหรับบุคคลระดับมืออาชีพที่มีความรู้ความชำนาญและเป็นผู้นำทางด้านงานการก่อสร้างอาคารสีเขียวโดยได้สร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพและโดดเด่นมาโดยตลอด สิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกในความเป็นผู้นำทางด้านการคิดริเริ่มนวัตกรรมและโครงการใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้และความชำนาญในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดมลภาวะเป็นพิษจากก๊าสเรือนกระจกและมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้มีจำนวนอาคารสีเขียวมากขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2573

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สิงคโปร์
ได้ยื่นขอใบรับรอง "เครื่องหมายสีเขียว" (กรีนมาร์ค) จากหน่วยงานสิงคโปร์สีเขียวตึกสภา (SGBC) ภายใต้โครงการ "เครื่องหมายสีเขียว" (กรีนมาร์ค) ซึ่งขณะนี้เจ้าของอาคารต่างๆทั่วทั้ง เอเชีย 115 รายและที่ได้ผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 32 ราย
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี 2548 สิงคโปร์ได้เริ่มประกาศใช้ใบรับรอง "เครื่องหมายสีเขียว" (กรีนมาร์ค) ในด้านสมรรถนะของการใช้พลังงานและ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งการจัดการกับของเสียต่างๆต่อมาในปี 2551 มีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด และปัจจุบันนี้อาคารสร้างใหม่จำนวน 551 แห่งและอาคารเดิมจำนวน 65 แห่งในสิงคโปร์
หน่วยงานเก็บกวาดจึงได้จัดสรรเงินงบประมาณจำนวน 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ อาคารสีเขียวเนื่องจากผลที่ได้รับ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก 24 ชั่วโมงเช่นโรงแรมซึ่งต้องมีค่าใช้ จ่ายประมาณ 1.5-3.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ แต่หลังจากที่ได้เปลี่ยน มาเป็นอาคารสีเขียวแล้วก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 250,000 - 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อปี 4 ปีตัวอย่างเช่นตึกเอ็มไพร์สเตทในนิวยอร์กที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 38 เปอร์เซ็นต์และช่วยลดรายจ่ายได้ถึง
4.4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีรวมทั้ง บริษัท Johnson Controls ' สำหรับใช้ในสำนักงานใหญ่ของ บริษัท ฯ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Winconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา
อีกทั้งยังคิดค้นระบบทำความเย็นระบบ ระบายอากาศ บริษัท จอห์นสันคอนโทรลส์ 'เป็นหนึ่งใน 5 บริษัท ที่เข้าร่วมโครงการอาคารสีเขียว นี้โดย บริษัท ฯ เช่นเครื่องปรับอากาศเครื่องทำความร้อนและระบาย อากาศ รวมทั้งการตรวจสอบบัญชีและ บริษัท จอห์นสันคอนโทรล เช่นโครงการก่อสร้างที่รีสอร์ทเวิลด์เซ็นโตซ่ามหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์และ
นอกจากนี้หน่วยงานเก็บกวาดและ SGBC ความชำนาญ
กรรมและโครงการใหม่ ๆ เพื่อลดมลภาวะเป็นพิษจากก๊าส เรือนกระจก 80 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2573

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สิงคโปร์ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งอาคารสีเขียวในเอเชียหลายประเทศในเอเชียได้ยื่นขอใบรับรอง " เครื่องหมายสีเขียว " ( กรีน มาร์ค ) จากหน่วยงานสิงคโปร์อาคารสีเขียวสภา ( sgbc ) ภายใต้โครงการ " เครื่องหมายสีเขียว " ( กรีน มาร์ค ) ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่พยายามจะผลักดันให้สิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกในด้านความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาคารสีเขียวซึ่งขณะ นี้เจ้าของอาคารต่างๆทั่วทั้งเอเชียได้ยื่นขอใบรับรองดังกล่าวแล้วจำนวน 115 รายและที่ได้ผ่านการรับรองแล้วจำนวน 32 รายสามารถสิงคโปร์ได้เริ่มประกาศใช้ใบรับรอง " เครื่องหมายสีเขียว 2548 " ( กรีน มาร์ค ) เพื่อประเมินมาตรฐานของอาคารต่างๆในสิงคโปร์ในด้านสมรรถนะของการใช้พลังงานและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งการจัดการกับของเสียต่างๆต่อมาในปี 2551 รัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกกฎบังคับให้อาคารต่า งๆในสิงคโปร์มีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากและปัจจุบันนี้อาคารสร้างใหม่จำนวน 551 แห่งและอาคารเดิมจำนวน 65 แห่งในสิงคโปร์ได้ผ่านการรับรองนี้แล้วเพื่อกระตุ้นให้มีการเพิ่มจำนวนอาคารสีเขียวมากยิ่งขึ้นหน่วยงาน BCA จึงได้จัดสรรเงินงบประมาณจำนวน 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของอาคารที่จะปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารสีเขียวเนื่องจากผลที่ได้รับจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มากโดยเ ฉพาะอาคารที่ต้องมีการดำเนินธุรกิจอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นโรงแรมซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 - 3.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์แต่หลังจากที่ได้เปลี่ยนมาเป็นอาคารสีเขียวแล้วก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 250 , 000 - 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อปีซึ่งจะทำให้คุ้มทุนได้ภายในเวลาประมาณ 4 ป ีตัวอย่างเช่นตึกในนิวยอร์กที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 38 เปอร์เซ็นต์และช่วยลดรายจ่ายได้ถึงรัฐจักรวรรดิ4.4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีรวมทั้งบริษัทจอห์นสันการควบคุม " ซึ่งได้ออกแบบเครื่องกันแดดอัตโนมัติสำหรับใช้ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯที่ตั้งอยู่ในเมือง winconsin ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเครื่องนี้สามารถปรับหมุนได้เองทุกๆครึ่งชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานถูก