นานมาแล้ว ได้มีบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเคยมีสามี ภรรยา คู่หนึ่งอาศัยอยู่ ครอบครัวนี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแต่แล้ววันหนึ่ง มันก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น... เกิดเหตุเพลิงไหม้ในขณะที่สามีภรรยาคู่นั้นกำลังนอนหลับอยู่ ไม่มีใครสามารถช่วยครอบครัวนั้นได้.. ค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยเสียงกรี่ดร้องอันโหยหวนที่ชวนทำให้ขนลุก.. สักพัก รถดับเพลิงก็แล่นมาถึง แต่ถึงกระนั้น สามีภรรยาคู่นั้นก็ได้จากไปแล้ว ตำรวจได้สันนิษฐานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืน เนื่องจากเกิดไฟฟ้าสถิต บ้านหลังนั้นจึงถูกทิ้งร้าง เกิดข่าวลือมากมายเกี่ยวกับบ้านหลังนั้น ว่ากันว่า ทุกๆเที่ยงคืน ที่สวนหลังบ้านของบ้านหลังนั้น จะมีเสียงเหมือนคนร้องไห้ และ กรี่ดร้อง อย่างโหยหวน เหมือนกับวันที่เกิดเหตุไม่มีผิด ไม่มีใครกล้าผ่านบ้านหลังนั้นแม้แต่คนเดียว.. แต่แล้วก็ได้มีครอบครัวหนึ่งย้ายเข้ามาใหม่ และได้มาซื้อที่ดินของบ้านหลังนั้นไป โดยที่ไม่รู้ถึงข่าวลือ เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งครอบครัวนั้นคือครอบครัวของฉันเอง.. ฉันชื่อ แอนนี่ เนื่องจากพ่อต้องย้ายที่ทำงาน เราจึงจำเป็นจะต้องย้ายบ้านด้วย แต่ช่างเถอะเรามาเล่ากันต่อดีกว่า..บ้านหลังนั้นถูกสร้างขึ้นไหม่ มีสวนหลังบ้าน ที่มีหญ้านุ่มๆ รายร้อมไปด้วยธรรมชาติ บ้านที่เหมือนกระท่อมหลังเล็กๆ น่ารักๆ ตอนแรกฉันดีใจมาก ที่ได้ขึ้นบ้านไหม่ ครอบครัวของฉันก็เช่นกัน แต่แล้วความสุขเหล่านั้นก็อยู่ได้ไม่นาน.. ตอนเที่ยงคืน ฉันสะดุ้งตื่น เพราะ ปวดปัสวะ และเมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงแปลกๆซึ่งดังมาจาก สวนหลังบ้าน ฉันซึ่งไม่รู้อะไรเลย จึงเดินไปที่สวน เพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น แต่เมื่อฉันไปถึง กลับไม่มีอยู่เลย ฉันคิดว่าฉันคงคิดไปเอง แต่ว่า.. พอฉันหันหลังกลับไป หน้าตาที่ดูอัปลักษณ์และน่าสยดสยองก็โผล่ขึ้นที่หน้าฉัน กรี๊ดดดดดด ฉันกรี่ดร้องด้วยความหวาดกลัว –แอน แอน เป็นอะไรลูก- แม่เดินลงมาและรีบถามฉัน –แม่คะ หนู..เห็น..ผี- แม่ของฉันเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบกลับมาว่า –ผีไม่มีจริงหรอกลูก ลูกน่าจะคิดไปเองนะ มามะ ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้วนะ –
แม่จูงมือฉันขึ้นไป ตอนนั้นฉันก็คิดเหมือนกันว่าน่าจะคิดไปเอง แต่แล้ว..เที่ยงคืนของวันต่อมา ก็ได้เกิดเหตุการณ์นี้อีกครั้ง... แต่ครั้งนี้ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะได้ยินเสียง ร้องไห้โหยหวน ฉันจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง.. ชายร่างสูงดำถมึน กับ ผู้หญิง เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง กำลังร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ได้หันมาสบตากับฉัน!! และพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ฉันตกใจมาก ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งมาจับที่ไหล่ของฉัน กรี๊ดดดดดด เห้ยยย กรี๊ดทำไม นี้พ่อเอง ฉันหันหลังไป พบว่าเป็นพ่อก็ดีใจมาก รีบออบกอดพ่อทันที –พ่อ คะ.. ดูที่หน้าต่าง- ฮืม?? ไม่เห็นมีอะไรเลยนี้ลูก พ่อว่าลูกเหนื่อยเกินไปนะ นอนเถอะลูก เดียวจะไม่สะบายเอานะ.. เหตุการณ์นี้ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ถึงฉันจะบอกกับพ่อแม่อย่างไรท่านก็เอาแต่บอกว่า ฉันคิดไปเอง ไม่มีใครเชื่อฉัน แต่ฉันก็มั่นใจว่า ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่นอน และแล้วคืนหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับทุกๆวัน ที่ฉันนั้นถูกหลอกหลอน แต่ว่า..วันนี้กลับไม่เหมือนกับทุกๆวันที่ฉันเคยเจอ.. เที่ยงคืนของวันนี้ ไม่มีเสียงโหยหวน ไม่มีเสียงร้องไห้ แต่กลับมีเสียงมาเคาะประตูหน้าห้องของฉัน ฉันกลัวมากๆ แย่ละสิ ฉันไม่ได้ล็อกประตูนี้น่า!!! ฉันคิดในใจ.. จากนั้นประตูก็เปิดออก... ชายร่างดำและผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นยังไงละ..มันไม่ต่างจากวันที่ผ่านมา ไม่นะ เลิกหลอกหลอนฉันสักที ได้โปรด!! ฉันตะโกนออกไปด้วยความกลัวสุดขีด แต่ทันใดนั้น!!! พวกเราก็แค่อยากได้รับความช่วยเหลือก็แค่นั้นเอง..เสียงอันแผ่วเบา แลดูน่าสงสาร ได้ดังขึ้นในหัวของฉัน.. และเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง พวกเราพยายามจะบอกพวกท่านแต่พวกท่านก็ได้แต่คิดไปเอง คิดว่าเราจะทำร้ายท่านทั้งๆที่พวกเราไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบนั้นเลย.. พวกเราก็แค่อยากได้อิสระ ก็แค่นั้น.. น้ำตาของหญิงสาวผู้นั้นเริ่มไหลรินลง ฉันได้แค่ยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็น พวกเขาดูทุกข์ทรมานไม่แพ้ฉัน ฉัน..ขอโทษ.. ฉันขอโทษที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของพวกเธอเลยสักนิด..ฉันขอโทษ.. ..วิญญานทั้งสองนั้นเงียบไปชั่วครู่ และตอบกลับมาว่า.. ไม่เป็นไร แค่เธอเข้าใจพวกเราก็พอแล้ว.. วิญญานทั้งสองนั้น ยิ้มให้ฉัน ก่อนร่างพวกนั้นจะหายไปต่อหน้าต่อตา.. จากนั้นวันต่อมา ก็ไม่มีเสียงโหยหวนหรือเสียงกรี่ดร้องอีกเลย วันนั้นจะเป็นวันที่ฉันไม่มีทางลืมเลยล่ะ..