3.1.2. LuminesceFig. 3A compares th

3.1.2. LuminesceFig. 3A compares the emission features of the uncoated andcoated paper sheets under UV excitation. For all of them, the spectra displayed a main broad band with two components peakingaround 430 nm, attributed to the optical brighteners agents present in the paper sheets. For the FITC–CH-coated sheets, an additional emission band peaking at higher wavelengths was detected.This coating-related emission was in tune with that of the fluores-cein moiety, known to occur around 510–540 nm (Guan et al.,2007). Increasing the excitation wavelength from 350 to 500 nm(Fig. 3B), no change in the energy of the emission bands was mea-sured, but only an enhancement in the relative intensity of thehigh-wavelength component. As the number of FITC–CH depositedlayers increased from 1 to 5, the fluorescein-related emissionexhibited a bathochromic shift from 531 nm to 538 nm (Figs 3Aand B), attributed to the increase in the fluorescein concentration,as already observed for other dye compounds (Anedda et al., 2005;Canham, 1993)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.1.2. Luminesce Fig. 3A เปรียบเทียบคุณลักษณะการปล่อยก๊าซของแผ่นกระดาษที่ไม่เคลือบและเคลือบภายใต้การกระตุ้นด้วยรังสียูวี สำหรับทั้งหมดนั้น สเปกตรัมแสดงแถบความถี่กว้างหลักที่มีสององค์ประกอบที่มีจุดสูงสุดประมาณ 430 นาโนเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากสารเพิ่มความสดใสด้วยแสงที่มีอยู่ในแผ่นกระดาษ สำหรับแผ่นเคลือบ FITC–CH นั้น ตรวจพบแถบการปล่อยแสงเพิ่มเติมที่จุดสูงสุดที่ความยาวคลื่นที่สูงกว่า การแผ่รังสีที่เกี่ยวข้องกับการเคลือบนี้สอดคล้องกับการปล่อยของมอยอิตีฟลูออเรส-ซีอิน ซึ่งทราบกันว่าเกิดขึ้นประมาณ 510–540 นาโนเมตร (Guan et al. ,2550) การเพิ่มความยาวคลื่นการกระตุ้นจาก 350 เป็น 500 นาโนเมตร (รูปที่ 3B) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานของแถบการปล่อยก๊าซที่วัดได้ แต่เป็นเพียงการปรับปรุงความเข้มสัมพัทธ์ขององค์ประกอบความยาวคลื่นสูงเท่านั้น เมื่อจำนวนชั้นที่ฝาก FITC – CH เพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 5 การปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับ uorescein ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ Bathochromic จาก 531 nm เป็น 538 nm (รูปที่ 3A และ B) ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของ uorescein ดังที่สังเกตแล้วสำหรับสารประกอบสีย้อมอื่น ๆ (อเนดดา และคณะ 2005;แคนแฮม 1993)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.1.2 เรืองแสง
รูปที่ 3A เปรียบเทียบลักษณะการปล่อยก๊าซของกระดาษที่ไม่เคลือบและเคลือบภายใต้การกระตุ้นของรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้งหมดนี้สเปกตรัมแสดงบรอดแบนด์หลักที่มีสองส่วนผสมถึงจุดสูงสุดประมาณ 430nm ซึ่งเป็นผลมาจากสารเพิ่มความสว่างด้วยแสงที่มีอยู่ในกระดาษ สำหรับแผ่นเคลือบ FITC – CH แถบปล่อยแสงเพิ่มเติมที่ตรวจพบจุดสูงสุดที่ความยาวคลื่นสูง การเปล่งแสงที่เกี่ยวข้องกับการเคลือบนี้สอดคล้องกับการเปล่งแสงของส่วน cein เรืองแสงและเป็นที่ทราบว่าเกิดขึ้นประมาณ 510 - 540 นาโนเมตร (Guan et al. 2007) ความยาวคลื่นกระตุ้นเพิ่มขึ้นจาก 350 นาโนเมตรเป็น 500 นาโนเมตร (รูปที่ 3B) ไม่มีการวัดการเปลี่ยนแปลงพลังงานของแถบการปล่อย แต่วัดเฉพาะการเพิ่มความเข้มสัมพัทธ์ของส่วนประกอบความยาวคลื่นสูง ด้วยจำนวนชั้นสะสม FITC – CH เพิ่มขึ้นจาก 1 ถึง 5 ชั้น, ปล่อยที่เกี่ยวข้องกับ luciferin แสดงการเปลี่ยนสีแดงจาก 531 นาโนเมตรถึง 538 นาโนเมตร (รูปที่ 3A และ B), ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มความเข้มข้นของ luciferin, ตามที่สังเกตแล้วในสารประกอบย้อมสีอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.1.2 การเรืองแสง
รูปที่3 aเปรียบเทียบลักษณะการปลดปล่อยของกระดาษที่ไม่ได้เคลือบและเคลือบด้วยรังสีuv สําหรับทั้งหมดนี้สเปกตรัมแสดงแบนด์วิดท์หลักที่มีสองส่วนประกอบที่จุดสูงสุดประมาณ430นาโนเมตรซึ่งเป็นผลมาจากสารฟลูออเรสเซนต์ที่มีอยู่ในกระดาษ สําหรับแผ่นเคลือบFITC-CHจะมีการตรวจพบจุดสูงสุดของแถบส่งสัญญาณเพิ่มเติมที่ความยาวคลื่นที่สูงขึ้น การปล่อยสารเคลือบผิวนี้สอดคล้องกับการปล่อยสารเรืองแสงและเป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดขึ้นที่ประมาณ510-540นาโนเมตร( Guan et al.,2007 ) ความยาวคลื่นกระตุ้นเพิ่มขึ้นจาก350นาโนเมตรเป็น500นาโนเมตร(รูปที่3 b )ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานของแถบส่งสัญญาณแต่ความแข็งแรงสัมพัทธ์ของส่วนประกอบความยาวคลื่นสูงจะเพิ่มขึ้น เมื่อจํานวนของชั้นตะกอนFITC-CHเพิ่มขึ้นจาก1เป็น5การปล่อยสารเรืองแสงที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนสีแดงจาก531นาโนเมตรถึง538นาโนเมตร(รูปที่3 aและb )ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของเรืองแสงตามที่สังเกตได้ในสารสีย้อมอื่นๆ( Anedda et al.,2005; คันแฮม, 1993)