In lèse-majesté cases, the question

In lèse-majesté cases, the question is not whether what the suspected offender said corresponds to the truth. The only criterion is whether what has been said or done is construed as offensive to the King. This differentiates the lèse-majesté crime from the defamation crime, whereby the proof of the truth of any impugned statement should fully absolve defamation defendants of any liability in relation to an allegation of harm to reputation. Indeed, no one should be held liable in defamation for statements which are true.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในกรณีที่อาหมิ่น คำถามคือ ไม่ว่าอะไรผู้ที่สงสัยว่า ตรงกับความจริง เงื่อนไขเฉพาะได้ว่าอะไรถูกว่า หรือทำเป็นตีความเป็นเนื้อหาที่ นี้ระเบียบอาชญากรรมอาหมิ่นจากอาชญากรรมหมิ่นประมาท โดยหลักฐานของความจริงงบ impugned ใด ๆ ควรเต็ม absolve จำเลยหมิ่นประมาทความรับผิดชอบใด ๆ เกี่ยวกับกรณีของอันตรายเพื่อชื่อเสียง แน่นอน ไม่มีใครควรจะชอบในหมิ่นประมาทสำหรับคำที่เป็นจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคำถามไม่ได้ว่าสิ่งที่สงสัยว่าผู้กระทำผิดดังกล่าวสอดคล้องกับความจริง เกณฑ์เพียงอย่างเดียวคือไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ได้รับการกล่าวหรือทำคือตีความว่าเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งแตกต่างอาชญากรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากความผิดทางอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการพิสูจน์ความจริงของคำสั่ง impugned ใด ๆ อย่างเต็มที่ควรให้อภัยจำเลยหมิ่นประมาทความรับผิดใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาในการเกิดอันตรายต่อชื่อเสียง อันที่จริงไม่มีใครควรจะรับผิดชอบในการหมิ่นประมาทสำหรับงบที่เป็นจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในลาดเซกรณีé majest คำถามไม่ได้ว่าผู้สงสัยว่าสอดคล้องกับความจริง หลักเกณฑ์เดียวคือ ไม่ว่าสิ่งที่ได้พูดหรือทำอะไรก็ตีความเป็นก้าวร้าวกับกษัตริย์ นี้ทำให้ลาดเซ majest จากอาชญากรรมจากการหมิ่นประมาท อาชญากรรมซึ่งพิสูจน์ความจริงใด ๆ impugned ชี้แจงอย่างเต็มที่ควรให้อภัยหมิ่นประมาทจำเลยของความรับผิดใด ๆในความสัมพันธ์กับข้อกล่าวหาของการเป็นอันตรายต่อชื่อเสียง ไม่มีใครจริงๆควรจะรับผิดชอบในการหมิ่นประมาทสำหรับข้อความที่เป็นจริง