China and Iran agreed last Saturday

China and Iran agreed last Saturday to increase trade to $600 billion in the next ten years, as President Xi Jinping met with Iranian President Hassan Rouhani after the lifting of international sanctions against Iran. China has been conducting economic relations with Iran in recent years, despite the presence of international sanctions on Iran for continuing to develop its nuclear program. Iran plays an important role in China’s One Belt One Road initiative, and is to become an important railway connection and remain an oil supplier to China. Should China’s relations with Iran be viewed as a threat to the West?

Maybe. China’s relations with Iran may support the latter’s military capabilities, particularly as China sells arms and transfers nuclear technology to Iran. China’s overall trade with Iran lessens the power of international sanctions. This relationship has reduced the power of sanctions and embargoes for decades, starting in 1979 when the U.S. and the West imposed arms embargoes on Iran, inducing Iran to purchase weapons from China instead. Iran acts as an important transport hub between China and Europe.

Or maybe not. Iran has curbed its nuclear program according to the International Atomic Energy Agency, which means that Iran has restricted its possession of enriched uranium, limited centrifuge operations, shipped out all spent fuel reactors, and met other conditions under the Joint Comprehensive Plan of Action. In addition, China is not the only nation Iran is attempting to openly court, now that sanctions have been lifted. Iranian President Hassan Rouhani traveled to Europe to rebuild political and economic relations in that region. Rouhani’s visit appeals to European leaders due in part to his stated commitment in fighting terrorism. Rouhani has underscored Iran’s desire to bring solidarity among all Muslims and combat discord.

China’s aims in relations with controversial foreign regimes are most often to promote economic ties that serve its self-interest rather than to choose a preferred political ideology. Even as China has maintained genial relations with the West, the nation has been criticized for doing business with dictators that engage in atrocious human rights violations. China’s policy has been “noninterference in internal affairs.” Although regular trade relations with violent regimes may be necessary to supply goods to the people, trade in weapons and nuclear materials supports violence and can be easily viewed as interference in internal affairs.

Moreover, Iran’s commitment in fighting terrorism can be called into question. The U.S. State Department has repeatedly accused Iran of supporting terrorism, including Hezbollah and the Syrian army under President Bashar al-Assad. Terrorism has been viewed as a tool of the state since 1979, after the launch of Iran as an Islamic Republic. Iran has used terrorism to weaken rival governments, influence disputes outside its borders, and to intimidate or use as political leverage. While certainly relations in the Middle East are complex and often hostile, Iran’s use of terrorism against a multitude of parties renders it a questionable ally against terrorism.

Whether China’s relations with Iran are a threat to the West can be viewed from different perspectives, but the real threat of violence stemming from Iran must be taken seriously. As a key stop on China’s One Belt One Road, Iran’s importance to China seems healthy, but the sales of weapons or nuclear material in particular cast a shadow over this partnership. As China becomes increasingly influential on the world stage, this relationship will likely be more deeply scrutinized.

Two clarifications: Iran has supported President Bashar-al-Assad who is not a terrorist, but rather is a leader who has used violence, possibly including chemical weapons, against his own people. China as a state does not sell nuclear technology to Iran, but has allegedly protected a major seller of nuclear technology.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จีนและอิหร่านยอมรับเมื่อวันเสาร์เพื่อเพิ่มการค้าการ $600 ล้านบาทในสิบปีถัดไป เป็นประธาน Xi Jinping พบกับประธานาธิบดีอิหร่าน Hassan Rouhani หลังยกของนานาชาติคว่ำบาตรกับอิหร่าน จีนการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านในปี แม้มีการคว่ำบาตรประเทศอิหร่านสำหรับการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ต่อไป อิหร่านมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มของจีนถนนหนึ่งหนึ่งสายพาน และจะกลายเป็น การเชื่อมต่อที่สำคัญรถไฟ และยังคง จำหน่ายน้ำมันที่ประเทศจีน ควรดูความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านเป็นภัยคุกคามทางตะวันตกบางที ความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านอาจสนับสนุนความสามารถของทหารหลังของ โดยเฉพาะเมื่อจีนจำหน่ายแขนและถ่ายโอนเทคโนโลยีนิวเคลียร์กับอิหร่าน การค้าโดยรวมของจีนกับอิหร่านลดพลังงานของประเทศ ความสัมพันธ์นี้มีลดพลังลงโทษและห้ามนาน เริ่มต้นในปี 1979 เมื่อสหรัฐฯ และตะวันตกกำหนดแขนห้ามในอิหร่าน อิหร่านซื้ออาวุธจากจีนแทนการกระตุ้นให้เกิดการ อิหร่านทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญระหว่างจีนและยุโรปหรืออาจจะไม่ อิหร่านมี curbed โครงการนิวเคลียร์ตามที่อะตอมพลังงานสำนักงานระหว่างประเทศ ซึ่งหมายความ ว่า อิหร่านมีจำกัดการครอบครองของยูเรเนียม จำกัดดำเนินการเหวี่ยงแยก ส่งออกเตาปฏิกรณ์ใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด และตรงตามเงื่อนไขอื่น ๆ ภายใต้การร่วมครอบคลุมแผนการดำเนินการ นอกจากนี้ จีนไม่เพียงประเทศอิหร่านพยายามอย่างเปิดเผย สนามที่ลงโทษได้รับการยก ประธานาธิบดีอิหร่าน Hassan Rouhani เดินทางไปยุโรปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจในภูมิภาค เยี่ยมชมของ Rouhani ดึงดูดใจผู้นำยุโรปเนื่องจากในส่วนการของเขามุ่งมั่นที่ระบุไว้ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย Rouhani ได้เน้นย้ำความปรารถนาของอิหร่านเพื่อนำความสามัคคีระหว่างชาวมุสลิมและบาดหมางต่อสู้ทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายของจีนในความสัมพันธ์กับระบอบต่างถกเถียงกันอยู่บ่อยที่สุด เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ self-interest เป็นมากกว่า การเลือกอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต้อง ขณะที่จีนยังคง genial สัมพันธ์กับตะวันตก ประเทศได้ถูกวิจารณ์สำหรับการทำธุรกิจกับเผด็จที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่โหดร้าย นโยบายของจีนได้รับการ "ไม่เอาเปรียบในกิจการภายใน" แม้ว่าความสัมพันธ์การค้าปกติกับระบอบที่รุนแรงอาจจำเป็นต้องจัดหาสินค้าให้กับบุคคล ในอาวุธ และนิวเคลียร์ วัสดุสนับสนุนความรุนแรง และสามารถดูได้ง่ายเป็นการแทรกแซงในกิจการภายในนอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของอิหร่านในการต่อสู้กับการก่อการร้ายสามารถเรียกเป็นคำถาม สหรัฐอเมริกากระทรวงซ้ำ ๆ ได้กล่าวหาว่าอิหร่านสนับสนุนการก่อการร้าย ฮิและกองทัพซีเรียภายใต้ประธานาธิบดีอัลอัสซาด การก่อการร้ายมีการดูเป็นเครื่องมือของรัฐตั้งแต่ปี 1979 หลังจากการเปิดตัวของอิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลามเป็น อิหร่านได้ใช้การก่อการร้าย เพื่อลดคู่แข่งรัฐบาล มีอิทธิพลต่อข้อพิพาทนอกพรมแดน และการข่มขู่ หรือใช้เป็นการใช้ประโยชน์ทางการเมือง ในขณะที่แน่นอนสัมพันธ์ในตะวันออกกลางมีความซับซ้อน และไม่เป็นมิตรมักจะ ใช้ของอิหร่านก่อการร้ายกับบุคคลที่หลากหลายแสดงมันพันธมิตรน่าสงสัยกับการก่อการร้ายว่า ความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านเป็นภัยคุกคามที่ไปทางทิศตะวันตกสามารถดูได้จากมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ภัยคุกคามที่แท้จริงของความรุนแรงที่เกิดจากอิหร่านต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เป็นการหยุดสำคัญของจีนในสายพานเดียวถนน ความสำคัญของอิหร่านจีนดูเหมือนสุขภาพดี แต่ขายอาวุธหรือวัสดุนิวเคลียร์โดยเฉพาะเงากว่านี้ เป็นจีนจะมีอิทธิพลมากขึ้นในเวทีโลก ความสัมพันธ์นี้จะมีแนวโน้มจะมากขึ้นผ่านคำอธิบาย 2: อิหร่านได้ให้สนับสนุนประธานาธิบดีอัลอัสซาดที่ไม่ใช่การก่อการร้าย แต่แทนที่จะ เป็นผู้นำ ที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจรวมถึงอาวุธเคมี กับคนของตัวเอง จีนเป็นรัฐขายเทคโนโลยีนิวเคลียร์แก่อิหร่าน แต่ถูกกล่าวหาว่าได้คุ้มครองผู้ขายหลักของเทคโนโลยีนิวเคลียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประเทศจีนและอิหร่านตกลงกันเมื่อวันเสาร์ที่จะเพิ่มการค้า $ 600 พันล้านดอลลาร์ในสิบปีข้างหน้าขณะที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้พบกับประธานาธิบดีอิหร่านฮัสซัน Rouhani หลังจากยกเลิกการคว่ำบาตรระหว่างประเทศกับอิหร่าน ประเทศจีนได้รับการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านในปีที่ผ่านมาแม้จะมีการปรากฏตัวของนานาชาติคว่ำบาตรอิหร่านสำหรับการอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตน อิหร่านมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มหนึ่งเข็มขัดหนึ่งถนนของจีนและเป็นที่จะกลายเป็นทางรถไฟเชื่อมต่อที่สำคัญและยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันไปยังประเทศจีน ควรความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อเวสต์หรือไม่บางที ความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านอาจสนับสนุนความสามารถของทหารหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนขายอาวุธและการถ่ายโอนเทคโนโลยีนิวเคลียร์อิหร่าน การค้าโดยรวมของจีนกับอิหร่านลดอำนาจของการลงโทษระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์นี้มีการลดการใช้พลังงานของการลงโทษและ embargoes มานานหลายทศวรรษที่เริ่มต้นในปี 1979 เมื่อสหรัฐอเมริกาและตะวันตกกำหนด embargoes แขนอิหร่านอิหร่านกระตุ้นให้เกิดการซื้ออาวุธจากประเทศจีนแทน อิหร่านทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญระหว่างจีนและยุโรป. หรืออาจจะไม่ได้ อิหร่านได้ curbed โครงการนิวเคลียร์ของตนตามที่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศซึ่งหมายความว่าอิหร่านได้ จำกัด การครอบครองของยูเรเนียมการดำเนินงาน centrifuge จำกัด ส่งออกเครื่องปฏิกรณ์เชื้อเพลิงใช้ทั้งหมดและได้พบกับเงื่อนไขอื่น ๆ ภายใต้แผนร่วมครอบคลุมของการดำเนินการ นอกจากนี้ประเทศจีนไม่ได้เป็นประเทศเดียวอิหร่านจะพยายามที่จะตรงไปตรงมาศาลในขณะนี้ว่าการลงโทษได้รับการยก ประธานาธิบดีอิหร่านฮัสซัน Rouhani เดินทางไปยุโรปที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ Rouhani ของการอุทธรณ์ไปเยือนผู้นำยุโรปเนื่องจากในส่วนที่ความมุ่งมั่นของเขาที่ระบุไว้ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย Rouhani ได้เน้นย้ำความปรารถนาของอิหร่านที่จะนำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่ชาวมุสลิมและต่อสู้กับความขัดแย้ง. จุดมุ่งหมายของจีนในความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่แฝงเร้นความขัดแย้งส่วนใหญ่มักจะเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ตอบสนองประโยชน์ของตนเองมากกว่าที่จะเลือกอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต้องการ แม้ในขณะที่ประเทศจีนมีการรักษาความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเวสต์ของประเทศที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในการทำธุรกิจกับเผด็จการที่มีส่วนร่วมในการที่เลวร้ายละเมิดสิทธิมนุษยชน นโยบายของจีนได้รับการ "ไม่เกี่ยวข้องในกิจการภายใน." แม้ว่าความสัมพันธ์ทางการค้าปกติกับระบอบการปกครองที่มีความรุนแรงอาจจำเป็นต้องจัดหาสินค้าให้กับผู้ค้าในอาวุธและวัสดุนิวเคลียร์สนับสนุนการใช้ความรุนแรงและสามารถดูได้อย่างง่ายดายเช่นการแทรกแซงในกิจการภายใน. นอกจากนี้อิหร่าน ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับการก่อการร้ายสามารถเรียกว่าเป็นคำถาม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้กล่าวหาซ้ำ ๆ อิหร่านในการสนับสนุนการก่อการร้ายรวมทั้งบุปผชาติและกองทัพซีเรียภายใต้ประธานาธิบดีบาชาร์อัลอัสซาด การก่อการร้ายได้รับการมองว่าเป็นเครื่องมือของรัฐตั้งแต่ปี 1979 หลังจากการเปิดตัวของอิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลาม อิหร่านได้ใช้การก่อการร้ายจะลดลงรัฐบาลคู่แข่งมีอิทธิพลต่อข้อพิพาทนอกพรมแดนของตนและเพื่อข่มขู่หรือใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง ในขณะที่แน่นอนความสัมพันธ์ในตะวันออกกลางมีความซับซ้อนและมักจะเป็นมิตรใช้ของอิหร่านของการก่อการร้ายกับความหลากหลายของฝ่ายวาทกรรมที่มันเป็นพันธมิตรที่น่าสงสัยกับการก่อการร้าย. ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นจีนกับอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อเวสต์สามารถดูได้จากมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ ภัยคุกคามที่แท้จริงของความรุนแรงอันเนื่องมาจากอิหร่านจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ในฐานะที่เป็นหยุดที่สำคัญในหนึ่งเข็มขัดหนึ่งถนนของจีนความสำคัญของอิหร่านไปยังประเทศจีนดูเหมือนว่ามีสุขภาพดี แต่ยอดขายของอาวุธหรือวัสดุนิวเคลียร์ในการหล่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเงามากกว่าความร่วมมือครั้งนี้ ขณะที่จีนจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากขึ้นในเวทีโลกความสัมพันธ์นี้จะมีโอกาสได้รับการพิจารณาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น. สองคำชี้แจง: อิหร่านได้ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์อัลอัสซาดที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย แต่เป็นผู้นำที่มีการใช้ความรุนแรงที่อาจจะรวมถึงสารเคมี อาวุธกับคนของเขาเอง ประเทศจีนเป็นรัฐที่ไม่ได้ขายเทคโนโลยีนิวเคลียร์อิหร่าน แต่ได้รับการป้องกันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขายที่สำคัญของเทคโนโลยีนิวเคลียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จีนและอิหร่านตกลงวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มการค้า $ 600 ล้านในสิบปีถัดไป , ในฐานะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกับ อิหร่าน ปธน. ฮัสซานรูฮานิ หลังจากการลงโทษระหว่างประเทศต่ออิหร่าน จีนได้รับการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านในปีที่ผ่านมาแม้จะมีการลงโทษระหว่างประเทศอิหร่านเพื่อการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตน อิหร่านมีบทบาทสำคัญในประเทศจีนเป็นหนึ่งในแถบถนนเดียวที่ริเริ่มและเป็นทางรถไฟเชื่อมต่อที่สำคัญและยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำมันในจีน ควรสัมพันธ์จีนกับอิหร่านถูกมองว่าเป็นการคุกคามต่อตะวันตกบางที ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอิหร่านอาจสนับสนุนหลังของทหาร ความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนขายอาวุธและการถ่ายโอนเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้อิหร่าน ของจีนโดยรวมการค้ากับอิหร่านช่วยลดพลังของการลงโทษระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์นี้ได้ลดอำนาจของการลงโทษและสั่งห้ามมานานหลายทศวรรษ เริ่มในปี 1979 เมื่อสหรัฐและตะวันตกกำหนด embargoes แขนในอิหร่าน โดยอิหร่านซื้ออาวุธจากจีนแทน อิหร่านทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญระหว่างจีนและยุโรปหรืออาจจะไม่ อิหร่านได้ระงับโครงการนิวเคลียร์ของตนตามสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ซึ่งหมายความ ว่า อิหร่านมียูเรเนียมมี จำกัด ของการส่งออกทั้งหมดเพื่อ จำกัด ใช้เชื้อเพลิงเครื่องปฏิกรณ์ และพบกับเงื่อนไขอื่น ๆ ภายใต้แผนครอบคลุมรอยต่อของการกระทำ นอกจากนี้ จีนไม่ได้เป็นเพียงประเทศอิหร่านพยายามที่จะเปิดเผยที่ศาล ตอนนี้การลงโทษได้ถูกยกเลิก อิหร่านประธานาธิบดีฮัสซานรูฮานิ เดินทางไปยุโรปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคนั้น การเดินทางเยือนของผู้นำยุโรปรูฮานิอุทธรณ์เนื่องจากในส่วนของเขา กล่าวว่า ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับการก่อการร้าย รูฮานิได้สถานการณ์อิหร่าน เพื่อนำความปรารถนาของมุสลิม และความขัดแย้ง การต่อสู้ประเทศจีนมีความสัมพันธ์กับความเข้มข้นในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มักจะเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใช้เป็นประโยชน์ มากกว่าที่จะเลือกใช้ทางการเมือง อุดมการณ์ แม้จีนยังคงใจดีความสัมพันธ์กับตะวันตก ประเทศที่ได้รับการวิจารณ์สำหรับการทำธุรกิจกับเผด็จการที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้าย . นโยบายของจีนได้รับ " การไม่รุกรานในกิจการภายใน . " แม้ว่าความสัมพันธ์ทางการค้าปกติกันรุนแรง อาจจำเป็นจะต้องจัดหาสินค้าให้กับประชาชน ค้าอาวุธ และนิวเคลียร์วัสดุสนับสนุนความรุนแรงและสามารถดูได้อย่างง่ายดายเป็นการแทรกแซงกิจการภายในนอกจากนี้ อิหร่าน ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่สามารถเรียกว่าเป็นคำถาม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่าอิหร่านสนับสนุนการก่อการร้าย รวมทั้งบุปผชาติและซีเรียประธานาธิบดี Bashar al Assad กองทัพภายใต้ . การก่อการร้ายได้ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของรัฐตั้งแต่ปี 1979 หลังจากการเปิดตัวของอิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลาม อิหร่านได้ใช้การก่อการร้ายลดลงรัฐบาลคู่แข่งที่มีข้อพิพาทนอกพรมแดนของตน และข่มขู่ หรือใช้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง ในขณะที่แน่นอนความสัมพันธ์ในตะวันออกกลางมีความซับซ้อนและมักจะเป็นมิตรกับการก่อการร้ายของอิหร่านใช้มวลชนของฝ่ายที่ให้มันเป็นพันธมิตรที่ต่อต้านการก่อการร้ายไม่ว่าความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อตะวันตก สามารถดูได้จากมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ภัยคุกคามที่แท้จริงของความรุนแรงที่เกิดจากอิหร่านจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เป็นคีย์หยุดในประเทศจีนเป็นหนึ่งในแถบหนึ่งถนน อิหร่าน ให้ความสำคัญกับจีน ดูแข็งแรง แต่การขายอาวุธหรือวัสดุโดยเฉพาะเงานิวเคลียร์ผ่านความร่วมมือนี้ ขณะที่จีนจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากขึ้นในเวทีโลก ความสัมพันธ์นี้อาจจะลึกมากขึ้นตรวจสอบ2 คำอธิบาย : อิหร่านได้สนับสนุนประธานาธิบดี Bashar al Assad ที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แต่เป็นผู้นําที่มีการใช้ความรุนแรง ที่อาจรวมถึงอาวุธเคมี กับคนของเขาเอง จีนเป็นรัฐไม่ได้ขายเทคโนโลยีนิวเคลียร์กับอิหร่าน แต่ได้ถูกกล่าวหาว่าปกป้องผู้ขายหลักของเทคโนโลยีนิวเคลียร์