Antenatal testing for fetal abnorma

Antenatal testing for fetal abnormalities allows parents and their health care team to plan appropriately for the pregnancy, birth and beyond, or consider the option of termination. While some abnormalities can be treated in utero or after birth, many cannot, and each year in England and Wales at least 2500 terminations for fetal abnormality take place (Department of Health (DH), 2012). About a third of these are for chromosomal abnormalities, of which trisomy 21 (Down's syndrome) is the most common (Royal College of Obstetricians and Gynaecologists (RCOG), 2010); over 90% of women given an antenatal diagnosis of this condition choose to terminate the pregnancy (National Down's Syndrome Cytogenetic Register (NDSCR), 2011). Structural abnormalities detected by ultrasonography, most commonly affecting the nervous or musculoskeletal systems, represent another group of fetal anomalies, and the prognosis of these conditions depends on the severity of the anomaly and the organ system involved. As would be expected, women are more likely to terminate pregnancies affected by more severe conditions (Grevengood et al, 1994).
Midwives' feelings about termination of pregnancy for fetal abnormality (TOPFA) may be complex and varied. However, as screening is offered to all women, and the majority diagnosed
with a major abnormality choose to terminate the pregnancy, management of these women is an important part of a midwife's role. The care of these patients is challenging because midwives and other clinicians need to be particularly attentive to a range of clinical, psychological, and emotional issues, to ensure patients feel supported and receive the best possible care in a non-judgemental way (Bourgingon, 1999).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทดสอบความผิดปกติของครรภ์ครรภ์อนุญาตให้ผู้ปกครอง และทีมดูแลสุขภาพของพวกเขาวางแผนอย่างเหมาะสม และนอกเหนือจากการตั้ง ครรภ์ คลอด พิจารณาตัวเลือกของการเลิกจ้าง ใน ขณะที่ความผิดปกติบางอย่างสามารถรักษาใน utero หรือ หลังคลอด ไม่มาก และแต่ละปีในอังกฤษและเวลส์ใช้ทรูสำหรับครรภ์วิปลาสน้อย 2500 ทำ (แผนกของสุขภาพ (DH), 2012) เกี่ยวกับบุคคลที่สามเหล่านี้มีสำหรับความผิดปกติของโครโมโซม แฝดสามของโครโมโซมที่ 21 (ดาวน์) เป็นบ่อยที่สุด (รอยัลวิทยาลัยสูติแพทย์และ Gynaecologists (RCOG), 2010) ; กว่า 90% ของผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยครรภ์ของเงื่อนไขนี้เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ (ชาติลงของอาการ Cytogenetic ลงทะเบียน (NDSCR), 2011) โครงสร้างความผิดปกติที่ตรวจพบ โดยเครื่องอ มักมีผลต่อระบบประสาท หรือ musculoskeletal แสดงความผิดและทารกในครรภ์กลุ่มอื่น และการคาดคะเนเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดปกติระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้อง จะสามารถคาด ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะยุติการตั้งครรภ์ที่ได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขที่รุนแรงมากขึ้น (Grevengood et al, 1994)ความรู้สึกของ midwives เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ในครรภ์วิปลาส (TOPFA) อาจซับซ้อน และแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เป็นตรวจแก่ทั้งหมด และผู้หญิงส่วนใหญ่ที่วินิจฉัยมีความผิดปกติที่สำคัญเลือกยุติการตั้งครรภ์ ของผู้หญิงเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของบทบาทของฮีบรู การดูแลผู้ป่วยเหล่านี้เป็นความท้าทาย เพราะ midwives และ clinicians อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องเอาใจใส่อย่างยิ่งถึงคลินิก จิตใจ อารมณ์ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุน และได้รับการดูแลได้ดีที่สุดในลักษณะไม่ใช่ judgemental (Bourgingon, 1999)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทดสอบการตั้งครรภ์ผิดปกติของทารกในครรภ์สำหรับช่วยให้ผู้ปกครองและทีมงานในการดูแลสุขภาพของพวกเขาในการวางแผนที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์การคลอดและไกลออกไปหรือพิจารณาตัวเลือกในการเลิกจ้าง ในขณะที่ความผิดปกติบางอย่างที่สามารถรักษาได้ในมดลูกหรือหลังคลอดจำนวนมากไม่สามารถและในแต่ละปีในประเทศอังกฤษและเวลส์อย่างน้อย 2,500 ยุติความผิดปกติของทารกในครรภ์สำหรับใช้สถานที่ (กรมสุขภาพ (เอช) 2012) ประมาณหนึ่งในสามของเหล่านี้สำหรับผิดปกติของโครโมโซมซึ่ง trisomy 21 (ดาวน์ซินโดร) เป็นส่วนใหญ่ (ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย (RCOG), 2010); กว่า 90% ของผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยที่ฝากครรภ์ของเงื่อนไขนี้เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ (National ดาวน์ซินโดรมทาง cytogenetic สมัครสมาชิก (NDSCR) 2011) ความผิดปกติของโครงสร้างการตรวจพบโดยคลื่นเสียงความถี่สูงมากที่สุดที่มีผลต่อระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อเป็นตัวแทนของกลุ่มความผิดปกติของทารกในครรภ์ของอีกและการพยากรณ์โรคของเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดปกติและระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้อง ขณะที่คาดว่าจะผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะยุติการตั้งครรภ์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพที่รุนแรงมากขึ้น (Grevengood, et al, 1994).
ความรู้สึกตำแยเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ของทารกในครรภ์ผิดปกติ (TOPFA) อาจจะซับซ้อนและแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่การตรวจคัดกรองจะถูกนำเสนอให้กับผู้หญิงทุกคนและส่วนใหญ่วินิจฉัยที่มีความผิดปกติที่สำคัญเลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์การจัดการของผู้หญิงเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของบทบาทของพยาบาลผดุงครรภ์ของ ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายเพราะผดุงครรภ์และแพทย์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของคลินิกจิตวิทยาและปัญหาทางอารมณ์เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในทางที่ไม่ใช่การตัดสิน (Bourgingon 1999 )