Main article: Burmese–Siamese War (

Main article: Burmese–Siamese War (1785–86)
Bodawpaya of Burma pursued his ambitious campaigns to expand his dominions. The Burmese-Siamese War (1785–1786) was called “Nine Armies War” by Siam because the Burmese came in nine armies. The armies surged into Lan na and Northern Siam, yet the governor of Lampang managed to partly halt the Burmese, waiting for the troops from Bangkok. As Phitsanulok was captured, Rama I himself led an army to the north.
In the south, Bodawpaya was waiting at Three Pagodas Pass. The Front Palace led his troops to the south the counter-attacked the Burmese came from Ranong through Nakhon Si Thammarat and the engagements occurred at Kanchanaburi. The Burmese also attacked Thalang (Phuket), where to governor had just died. Chan, wife of the governor, and her sister Mook gathered people to defend Thalang against the Burmese. Today,[when?] Chan and Mook are revered as two heroines opposing the Burmese invasions.
The Burmese proceeded to capture Songkhla. Upon hearing the news, the governors of Phatthalung fled. However, a monk named Phra Maha encouraged the citizens to turn up their arms against the Burmese. Phra Maha was later raised to nobility by Rama I.
As his armies were destroyed, Bodawpaya retreated, only to renew attacks the next year (1786). Bodawpaya, this time, didn’t divide his troops but instead formed into single army. Bodawpaya passed through the Chedi Sam Ong and settled in Ta Din Dang. The Front Palace marched the Siamese forces to face Bodawpaya. The fighting was very short and Bodawpaya was quickly defeated. This short war was called “Ta Din Dang campaign”.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทความหลัก: สงครามเก้า (1785-86)พระเจ้าปดุงพม่าต้องการแคมเปญของเขามีความทะเยอทะยานเพื่อขยายหลัก ๆ ของเขามี สงครามพม่าสยาม (1785-1786) ถูกเรียกว่า "เก้ากองทัพสงคราม" โดยสยามเนื่องจากพม่าเข้ามาในกองทัพที่เก้า กองทัพเพิ่มขึ้นเป็นล้านนาและสยามภาคเหนือ ยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางจัดการผงะพม่า รอกองทัพจากกรุงเทพฯ บางส่วน ตามถ่ายพิษณุโลก พระรามผมเองนำทัพลงมาทางทิศเหนือในภาคใต้ พระเจ้าปดุงคือรอที่ด่านเจดีย์สามองค์ วังหน้านำกองกำลังของเขาทางใต้ที่ถูกโจมตีทวนมาพม่าจากระนองผ่านนครศรีธรรมราชและการนัดหมายที่เกิดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พม่ายังโจมตีถลาง (ภูเก็ต), ที่ไปราชการเพิ่งเสียชีวิต จันทร์ ภรรยาของผู้ว่าราชการจังหวัด และมุกน้องสาวของเธอรวบรวมคนที่จะปกป้องถลางกับพม่า วันนี้, [เมื่อ] จันและมุกจะนับถือเป็นสองวีรสตรีที่พม่ารุกรานฝ่ายตรงข้ามพม่าดำเนินการจับภาพสงขลา เมื่อได้ยินข่าว ผู้ว่าราชการพัทลุงหนี อย่างไรก็ตาม มีพระสงฆ์ชื่อพระมหาสนับสนุนให้ประชาชนจะเปิดขึ้นแขนกับพม่า พระมหาภายหลังยกระดับขุนนาง โดยพระรามผมตามที่กองทัพของเขาถูกทำลาย พระเจ้าปดุงสภาพระส่ำ เพียงเพื่อต่ออายุปีถัดไป (1786) โจมตี พระเจ้าปดุง เวลานี้ ไม่ได้แบ่งกองกำลังของเขา แต่แทน ที่เกิดขึ้นเป็นกองทัพเดียว พระเจ้าปดุงผ่านเจดีย์สามองค์ และตั้งรกรากในท่าดินแดง วังหน้าเดินกองกำลังสยามหน้าพระเจ้าปดุง การต่อสู้เป็นสั้นมาก และพระเจ้าปดุงก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว สงครามสั้นนี้ถูกเรียกว่า "ตาดินแดงส่งเสริมการขาย"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทความหลัก: พม่าสยามสงคราม (1785-1786)
Bodawpaya พม่าไล่ตามแคมเปญของเขามีความทะเยอทะยานที่จะขยายอาณาจักรของเขา พม่าสยามสงคราม (1785-1786) เรียกว่า "เก้าทัพสงคราม" โดย บริษัท สยามเพราะพม่าเข้ามาในเก้ากองทัพ กองทัพเพิ่มขึ้นลงไปในล้านนาและภาคเหนือของไทยยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางจัดการเพื่อบางส่วนหยุดพม่ารอให้ทหารออกจากกรุงเทพฯ ในฐานะที่เป็นพิษณุโลกถูกจับพระรามตัวเองนำทัพไปทางทิศเหนือ.
ในภาคใต้ Bodawpaya กำลังรอที่ด่านเจดีย์สามองค์ พระราชวังด้านหน้านำทัพไปทางทิศใต้เคาน์เตอร์โจมตีพม่ามาจากจังหวัดระนองผ่านนครศรีธรรมราชและการนัดหมายที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี พม่ายังโจมตีถลาง (ภูเก็ต) ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่งเสียชีวิต จันทร์ภรรยาของผู้ปกครองและน้องสาวของเธอมุกรวบรวมคนที่จะปกป้องเมืองถลางกับพม่า วันนี้ [เมื่อ?] หลงและมุกจะเคารพนับถือในฐานะสองนางเอกต่อต้านการรุกรานของพม่า.
พม่าเดินไปจับสงขลา เมื่อได้ยินข่าวว่าราชการจังหวัดพัทลุงหนี แต่พระภิกษุสงฆ์ชื่อพระมหาการสนับสนุนประชาชนในการเปิดขึ้นแขนของพวกเขากับพม่า พระมหาภายหลังถูกยกขึ้นไปโดยขุนนางพระราม I.
ขณะที่กองทัพของเขาถูกทำลาย Bodawpaya ถอยเท่านั้นที่จะต่ออายุการโจมตีในปีหน้า (1786) Bodawpaya เวลานี้ไม่ได้แบ่งกองกำลังของเขา แต่รูปแทนเข้าไปในกองทัพเดียว Bodawpaya ผ่านเจดีย์สามองค์และตั้งรกรากอยู่ในตาดินแดง พระราชวังด้านหน้าเดินกองทัพสยามที่จะเผชิญกับ Bodawpaya การต่อสู้สั้นมากและ Bodawpaya พ่ายแพ้ได้อย่างรวดเร็ว สงครามสั้น ๆ นี้ถูกเรียกว่า "แคมเปญตาดินแดง"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทความหลัก : ปริศนา ! นักล่าผี ( ของ ( 86 )พระเจ้าปดุงแห่งประเทศพม่าได้ติดตามแคมเปญทะเยอทะยานของเขาที่จะขยายอาณาจักรของเขา สงครามพม่าสยาม ( ของ ( 1786 ) ถูกเรียกว่า " สงคราม 9 ทัพ " โดย บริษัท สยาม เพราะพม่ามาเก้ากองทัพ กองทัพพลุ่งพล่านและภาคเหนือล้านนาสยาม แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้ฝนหยุดพม่า รอกองทัพจากกรุงเทพ ที่พิษณุโลกถูกจับพระราม ผมเองนำกองทัพไปทางเหนือในภาคใต้ พระเจ้าปดุงรออยู่ที่ด่านเจดีย์สามองค์ ด้านหน้าวังนำทหารของเขาไปใต้เคาน์เตอร์โจมตีพม่ามาจากระนอง ผ่านนครศรีธรรมราชและการนัดหมายที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี พม่าโจมตีถลาง ( ภูเก็ต ) ที่เจ้าเมืองเพิ่งตาย ชาน ภรรยาของเจ้าเมือง และพี่มุกที่รวบรวมผู้คนเพื่อปกป้องถลางกับพม่า วันนี้ [ เมื่อ ? ชาน และมุกจะเคารพ ] เป็นวีรสตรีต่อต้านพม่าเข้ามารุกรานพม่าก็จับสงขลา เมื่อได้ยินข่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงหนี อย่างไรก็ตาม พระ ชื่อ ณ สนับสนุนให้ประชาชนหันมาขึ้นแขนของพวกเขา กับ พม่า พระ มหาภายหลังยกขุนนางโดยพระราม .ขณะที่กองทัพของเขาถูกทำลาย พระเจ้าปดุง ถอยเท่านั้นที่จะต่ออายุการโจมตีในปีถัดไป ( 1 ) พระเจ้าปดุง ครั้งนี้ ไม่ได้แบ่งทหารของเขา แต่เกิดขึ้นเป็นทัพเดียว พระเจ้าปดุงผ่านเจดีย์แซม งและตัดสินในท่าดินแดง หน้าพระราชวัง เดินสยาม กองหน้าโบดอพญา . การต่อสู้คือสั้นมากและพระเจ้าปดุงอย่างรวดเร็วเสียที สงครามนี้ถูกเรียกว่า " ทาดินแดง แคมเปญ "