first-period English class, 7:40a.m

first-period English class, 7:40
a.m. Most of the ninth-grade students
stare glassy-eyed at their
teacher. Two lay their heads on the
desk. Another comes in late. One is absent
but arrives during second period.
This scenario is all too common in
secondary schools throughout the
United States. In most cases, it is less
the result of disinterested students or a
boring teacher than the symptoms of
chronic sleepiness. Lack of sleep is associated
with academic and behavior
problems, tardiness and absenteeism,
reduced alertness, and heightened irritability.
Sleep researchers suggest that
between 15% and 30% of all children
may have a sleep disturbance at some
point during childhood (Kahn et al.,
1989), and some estimates indicate that
between 33% and 75% of all adolescents
have sleep problems (Morrison,
McGee, & Stantan, 1992; Strauch &
Meier, 1988). To put this in perspective,
the prevalence rate for attention
deficit hyperactivity disorder (ADHD)
is conservatively estimated to affect
3%–5% of children (Barkley, 1998)
and the Childhood Asthma Foundation
(2004) reports that up to 20% of children
may have asthma.
Normal Sleep Patterns
Sleep is broadly classified into two
types: rapid-eye-movement (REM)
sleep and non-REM sleep (NREM).
Cycling through all of the sleep stages
for an adequate amount of time is
essential to being fully rested. NREM
sleep consists of four stages that range
from drowsiness to deep sleep. In the
early stages (I and II), individuals awake
easily and may not even realize that
they have been sleeping. In the deeper
stages (III and IV), waking is difficult.
When awakened, individuals in stages
III and IV may feel disoriented and
confused. In NREM sleep their muscles
are more relaxed than when awake.
Although the sleeper in stages III and
IV is able to move, this doesn’t happen
because the brain is not sending signals
to the muscles to move.
REM sleep refers to active sleep,
which is when dreaming occurs.
During REM sleep, the breath and
heart rate become irregular, the eyes
move rapidly back and forth under the
eyelids, and body temperature is
impaired so a sleeper does not sweat
when hot or shiver when cold. Below
the neck, however, the body is essentially
paralyzed because the nerve
impulses to the muscles are blocked.
Both REM and NREM sleep states
develop before birth. Sleep cycle patterns
and the amount of sleep needed
changes from infancy to childhood,
but at the age of four, most children
sleep 10 hours a night and cycle
through sleep patterns much like
those of adults.
Adolescent Sleep Patterns
Adolescent sleep patterns deserve
particular attention because of their
potential to affect school performance.
Adolescents typically get significantly
less sleep than younger children, not
because they need less sleep but
because their schedule and biorhythms
impede adequate sleep. Researchers
studying the optimal sleep periods of
adolescents have found that under
controlled conditions (e.g., with no
clocks and lighting cues), adolescents
typically sleep nine hours a night
(Carskadon, 2002). Although research
indicates that adolescents require at
least as much sleep as they did as preteens,
8.5–9.25 hours per night, fewer
than 15% of adolescents report that
they sleep at least 8.5 hours on school
nights and more than 25% report that
they get less than 6.5 hours of sleep
on school nights (National Sleep
Foundation, 2000). Thus, a large
number of adolescents are constantly
coping with “sleep debt” during the
school year.
Sleep and Adolescents
B

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรียนภาษาอังกฤษระยะแรก 7:40น. ส่วนใหญ่ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีไนน์จ้องฟิตตาที่ของพวกเขาครู สองวางศีรษะของพวกเขาในการโต๊ะบริการ อีกมาในสาย หนึ่งคือการขาดงานแต่มาถึงช่วงที่สองสถานการณ์นี้เป็นทั้งหมดเกินกว่าปกติในโรงเรียนมัธยมตลอดการสหรัฐอเมริกา ในกรณีส่วนใหญ่ เป็นน้อยผลของการเรียนสถาปัตยกรรมหรือครูน่าเบื่อกว่าอาการsleepiness เรื้อรัง ขาดการนอนหลับที่สัมพันธ์กับสถาบันการศึกษาและลักษณะการทำงานปัญหา เชื่อง และ ขาดลดเตรียมพร้อม และ irritability เติบนักวิจัยปแนะนำที่15% และ 30% ของเด็กทั้งหมดอาจมีการหลับที่จุดในช่วงวัยเด็ก (คาห์น et al.,1989), และบางการประเมินบ่งชี้ว่าระหว่าง 33% และ 75% ของวัยรุ่นทั้งหมดมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ (มอร์ริสันMcGee, & Stantan, 1992 Strauch และมุนเช่น 1988) ไปใส่ในมุมมองอัตราชุกของความสนใจขาดดุลเข้าร่องเข้ารอยโรค (ภาระผูกพัน)มีประเมินมีผลต่อ conservatively3 – 5% ของเด็ก (Barkley, 1998)และมูลนิธิเด็กโรคหอบหืด(2004) รายงานขึ้นที่ 20% ของเด็กอาจมีอาการหอบหืดรูปแบบการนอนปกตินอนเป็นประเภทเป็นสองชนิด: พิดตาเคลื่อนย้าย (REM)โหมดสลีปและไม่-REM สลี (NREM)ขี่จักรยานทั้งหมดของขั้นตอนนอนหลับสำหรับจำนวนเวลาที่เพียงพอจำเป็นต้องถูกคัดสรรอย่างเต็ม NREMนอนหลับประกอบด้วยสี่ขั้นตอนช่วงนั้นจากอาการง่วงนอนให้หลับ ในearly stages (I and II), individuals awakeeasily and may not even realize thatthey have been sleeping. In the deeperstages (III and IV), waking is difficult.When awakened, individuals in stagesIII and IV may feel disoriented andconfused. In NREM sleep their musclesare more relaxed than when awake.Although the sleeper in stages III andIV is able to move, this doesn’t happenbecause the brain is not sending signalsto the muscles to move.REM sleep refers to active sleep,which is when dreaming occurs.During REM sleep, the breath andheart rate become irregular, the eyesmove rapidly back and forth under theeyelids, and body temperature isimpaired so a sleeper does not sweatwhen hot or shiver when cold. Belowthe neck, however, the body is essentiallyparalyzed because the nerveimpulses to the muscles are blocked.Both REM and NREM sleep statesdevelop before birth. Sleep cycle patternsand the amount of sleep neededchanges from infancy to childhood,but at the age of four, most childrensleep 10 hours a night and cyclethrough sleep patterns much likethose of adults.Adolescent Sleep PatternsAdolescent sleep patterns deserveparticular attention because of theirpotential to affect school performance.Adolescents typically get significantlyless sleep than younger children, notbecause they need less sleep butbecause their schedule and biorhythmsimpede adequate sleep. Researchersstudying the optimal sleep periods ofวัยรุ่นได้พบว่าภายใต้เงื่อนไขควบคุม (เช่น มีนาฬิกาและไฟสัญลักษณ์), วัยรุ่นปกตินอนเก้าชั่วโมงต่อคืน(Carskadon, 2002) แม้ว่างานวิจัยบ่งชี้ว่า วัยรุ่นต้องการที่น้อยมากนอนหลับเหมือนกับเป็น preteens8.5-9.25 ชั่วโมงต่อคืน น้อยลงกว่า 15% ของวัยรุ่นรายงานที่พวกเขานอนหลับอย่างน้อย 8.5 ชั่วโมงในโรงเรียนคืนและมากกว่า 25% รายงานที่พวกเขาได้รับน้อยกว่า 6.5 ชั่วโมงของการนอนหลับในโรงเรียนได้ (ชาตินอนหลับมูลนิธิ 2000) ดังนั้น ขนาดใหญ่จำนวนวัยรุ่นอยู่ตลอดเวลาเผชิญกับ "หนี้การนอนหลับ" ในระหว่างปีโรงเรียนนอนหลับและวัยรุ่นบี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครั้งแรกระยะเวลาชั้นเรียนภาษาอังกฤษ, 7:40
น ส่วนใหญ่ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่เก้าจ้องมองเหลือบตาของพวกเขาที่ครู สองวางหัวของพวกเขาบนโต๊ะ มาอีกในช่วงปลายเดือน หนึ่งคือขาดแต่มาถึงในช่วงระยะเวลาสอง. สถานการณ์นี้มีทั้งหมดด้วยกันในโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ในกรณีส่วนใหญ่ก็จะน้อยกว่าผลของนักเรียนไม่สนใจหรือเป็นครูที่น่าเบื่อกว่าอาการของง่วงนอนเรื้อรัง ขาดการนอนหลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาการและพฤติกรรมปัญหาล่าช้าและขาดความตื่นตัวลดลงและมีความคิดริเริ่มหงุดหงิด. นอนนักวิจัยชี้ให้เห็นว่าระหว่าง 15% และ 30% ของเด็กทุกคนอาจจะมีการรบกวนการนอนหลับที่บางจุดในช่วงวัยเด็ก(คาห์นและอัล , 1989) และประมาณการบางระบุว่าระหว่าง33% และ 75% ของวัยรุ่นทุกคนมีปัญหาการนอนหลับ(มอร์ริสันMcGee และ Stantan 1992; Strauch & ไมเออร์, 1988) วางนี้ในมุมมองอัตราความชุกสำหรับความสนใจขาดดุลhyperactivity โรค (ADHD) เป็นที่คาดกันอนุรักษ์นิยมจะมีผลต่อ3% -5% ของเด็ก (บาร์คลีย์, 1998) และในวัยเด็กของมูลนิธิโรคหืด(2004) รายงานว่าได้ถึง 20% ของเด็กอาจมีอาการหอบหืด. ปกติรูปแบบนอนการนอนหลับจะจำแนกออกเป็นสองประเภทคืออย่างรวดเร็วตาเคลื่อนไหว(REM). นอนหลับและการนอนหลับที่ไม่ REM (NREM) ขี่จักรยานผ่านทุกขั้นตอนการนอนหลับสำหรับจำนวนเงินที่เพียงพอของเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นพักผ่อนอย่างเต็มที่ NREM นอนหลับประกอบด้วยสี่ขั้นตอนที่อยู่ในช่วงจากอาการง่วงนอนการนอนหลับลึก ในระยะแรก (I และ II) บุคคลที่ตื่นขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและอาจไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขาได้รับการนอนหลับ ในลึกขั้นตอน (III และ IV) ตื่นเป็นเรื่องยาก. เมื่อตื่นขึ้นมาบุคคลที่อยู่ในขั้นตอนIII และ IV อาจจะรู้สึกงงและสับสน ใน NREM นอนหลับกล้ามเนื้อจะผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเมื่อตื่น. แม้ว่าจะนอนอยู่ในขั้นตอนที่สามและสี่คือสามารถที่จะย้ายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะสมองไม่ได้ส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อเพื่อย้าย. นอนหลับ REM หมายถึงการนอนหลับที่ใช้งานซึ่งเมื่อฝันเกิดขึ้น. ในระหว่างการนอนหลับ REM ลมหายใจและอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติกลายเป็นตาย้ายอย่างรวดเร็วไปมาภายใต้เปลือกตาและอุณหภูมิของร่างกายเป็นความบกพร่องเพื่อให้นอนไม่ได้เหงื่อเมื่อร้อนหรือสั่นเมื่อเย็น ด้านล่างลำคอแต่ร่างกายเป็นหลักเป็นอัมพาตเพราะเส้นประสาทแรงกระตุ้นกล้ามเนื้อจะถูกบล็อก. ทั้งสอง REM การนอนหลับและรัฐ NREM พัฒนาก่อนที่จะเกิด รูปแบบการนอนวงจรและปริมาณของการนอนหลับที่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กไปในวัยเด็กแต่ในอายุสี่ขวบเด็กส่วนใหญ่นอนหลับ 10 ชั่วโมงกลางคืนและวงจรผ่านรูปแบบการนอนหลับมากเหมือนพวกผู้ใหญ่. นอนรูปแบบวัยรุ่นรูปแบบการนอนวัยรุ่นสมควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะของพวกเขาที่มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโรงเรียน. วัยรุ่นมักจะได้รับอย่างมีนัยสำคัญของการนอนหลับน้อยกว่าเด็กที่อายุน้อยกว่าไม่ได้เพราะพวกเขาต้องการการนอนหลับน้อยลงแต่เนื่องจากตารางเวลาของพวกเขาและ biorhythms เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับที่เพียงพอ นักวิจัยศึกษาการนอนหลับงวดที่ดีที่สุดของวัยรุ่นได้พบว่าภายใต้สภาวะควบคุม(เช่นไม่มีนาฬิกาและตัวชี้นำแสงสว่าง) วัยรุ่นมักจะนอนหลับเก้าชั่วโมงต่อคืน(Carskadon, 2002) แม้ว่าการวิจัยแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นที่ต้องมีอย่างน้อยเป็นนอนหลับมากที่สุดเท่าที่พวกเขาไม่ได้เป็นpreteens, 8.5-9.25 ชั่วโมงต่อคืนน้อยกว่า15% ของวัยรุ่นรายงานว่าพวกเขานอนหลับอย่างน้อย8.5 ชั่วโมงในโรงเรียนคืนและอื่นๆ กว่า 25% รายงานว่าพวกเขาได้รับน้อยกว่า 6.5 ชั่วโมงการนอนหลับคืนโรงเรียน(National นอนมูลนิธิ, 2000) ดังนั้นที่มีขนาดใหญ่จำนวนของวัยรุ่นมีอย่างต่อเนื่องในการรับมือกับ"นอนหนี้" ในช่วงปีที่โรงเรียน. นอนและวัยรุ่นB

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คาบแรกเรียนภาษาอังกฤษ 7 : 40 น. ,

ส่วนใหญ่ของนักเรียนเกรด 9 เหลือบตาจ้องที่อาจารย์ได้

สอง วางหัวบน
โต๊ะ อื่นที่มาช้า หนึ่งคือขาด
แต่มาถึงช่วงที่สอง สถานการณ์ทั้งหมดนี้ธรรมดาเกินไป


ในโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ในกรณีส่วนใหญ่มันน้อยลง
ผลนักเรียนไม่สนใจ หรือครูที่น่าเบื่อกว่า

อาการของการอดนอนเรื้อรัง ขาดการนอนหลับที่เกี่ยวข้องกับวิชาการและพฤติกรรม

ปัญหาความล่าช้าการ
ลดความตื่นตัวและ , และควรหงุดหงิด นักวิจัยแนะนำว่า นอน

ระหว่าง 15% และ 30% ของเด็กทุกคน
อาจจะรบกวนการนอนหลับที่บางจุดในช่วงวัยเด็ก
( Kahn et al . ,
1989 ) และบาง ประมาณการระบุว่า
ระหว่างร้อยละ 33 และ 75% ของวัยรุ่น
มีปัญหาการนอน ( มอร์ริสัน ,
McGee , & stantan , 1992 ; strauch &
ไมเออร์ , 1988 ) วางนี้ในมุมมอง

อัตราความชุกความสนใจขาดดุล hyperactivity โรค ( ADHD )

เป็นอนุรักษ์นิยมประมาณ 3 % ต่อ และ 5% ของเด็ก ( บาร์กลีย์ , 1998 ) และมูลนิธิโรคหืดในวัยเด็ก

( 2004 ) รายงานว่า ถึง 20% ของเด็ก

รูปแบบการนอน อาจมีอาการหอบหืด ปกติ
นอนเป็นวงกว้างแบ่งออกเป็นสองประเภท :

ตาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ( REM ) นอนไม่หลับตื้น ( nrem ) .
จักรยานผ่านทั้งหมดของขั้นตอนการนอนหลับ
สำหรับในปริมาณที่เพียงพอของเวลา
สรุปได้พักผ่อนเต็มที่ nrem
นอนประกอบด้วย 4 ขั้นตอนที่ช่วง
จากง่วงหลับลึก ใน
ช่วงแรก ( I และ II ) , บุคคลที่ตื่น
ได้อย่างง่ายดาย และอาจไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขาได้นอนหลับ
.ในขั้นลึก
( 3 และ 4 ) , ตื่นยาก .
เมื่อตื่นขึ้น บุคคลในขั้นตอน
3 และ 4 อาจรู้สึกสับสนและ
สับสน ใน nrem นอนของกล้ามเนื้อจะผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนที่ตื่น
.
แต่นอนในขั้นตอนที่ 3 และ 4 สามารถ

ย้ายนี้ ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะสมองไม่ได้ส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อเพื่อย้าย
.
หลับตื้น หมายถึง งานหลับ
ซึ่งเมื่อฝันเกิดขึ้น .
ในระหว่างการนอนหลับ REM , การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ

ย้ายอย่างรวดเร็ว ดวงตาไปมาภายใต้
เปลือกตา และอุณหภูมิของร่างกายจะบกพร่องแล้วนอนไม่ได้

เมื่อร้อนหรือเหงื่อสั่นเมื่อเย็น ด้านล่าง
คอ อย่างไรก็ตาม ร่างกายเป็นหลัก

เป็นอัมพาตเพราะเส้นประสาท impulses กล้ามเนื้อถูกปิด
ทั้ง REM และ nrem นอนสหรัฐอเมริกา
การพัฒนาก่อนคลอด แบบแผนการนอนหลับและนอนจํานวนรอบ

เปลี่ยนเป็นจากวัยทารกวัยเด็ก
แต่ , อายุ 4 , เด็กส่วนใหญ่
นอน 10 ชั่วโมง ตอนกลางคืน และ วงจร
ผ่านรูปแบบการนอนมากเหมือนพวกผู้ใหญ่
.

นอนวัยรุ่นวัยรุ่นรูปแบบการนอนหลับเป็นพิเศษเพราะพวกเขาสมควร

ที่มีศักยภาพ มีผลต่อประสิทธิภาพของโรงเรียน
วัยรุ่นมักจะได้รับอย่างมีนัยสำคัญ
นอนน้อยกว่าเด็ก ไม่ใช่เพราะต้องนอนแต่น้อย

เพราะตารางงานของพวกเขาและ Biorhythms
ขัดขวางการนอนหลับอย่างเพียงพอ นักวิจัยศึกษาที่ดีที่สุดช่วงเวลานอนของ

วัยรุ่นพบว่า ภายใต้สภาพควบคุม ( เช่น
กับ
นาฬิกาและตัวแสง ) วัยรุ่นมักจะนอน 9 ชั่วโมง ตอนกลางคืน

( carskadon , 2002 )แม้ว่าการวิจัยพบว่า วัยรุ่นต้องการ

อย่างน้อยการนอนหลับมากที่สุดเท่าที่พวกเขาตามที่ Preteens
8.5 , – 9.25 ชั่วโมงต่อคืน ไม่น้อยกว่า 15% ของวัยรุ่น

รายงานที่พวกเขานอนหลับอย่างน้อย 8.5 ชั่วโมงในคืนที่โรงเรียน
และมากกว่า 25% รายงานว่า
พวกเขาได้รับน้อยกว่า 6.5 ชั่วโมงนอน
ในคืนที่โรงเรียน ( มูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติ
2 ) ดังนั้น ตัวเลขขนาดใหญ่ของวัยรุ่นอยู่ตลอดเวลา

การรับมือกับ " นอนต่อ " ในระหว่างปีโรงเรียน
.
นอนและวัยรุ่น :
b