บทคัดย่อ บทนำ: ปัญหาสำคัญในการปลูกพริกคือ
คุณภาพของผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน และสารพิษตกค้างในผลผลิต
ทำให้เกษตรกรมีการใช้สารเคมีปริมาณมากและใช้ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
ส่งผลต่อการตรวจพบสารพิษตกค้างในผลผลิตเกินค่ามาตรฐานของประเทศที่ส่งออก
กำห นด การผลิตพริกแบบปลอดภัยทดแทนการใช้ปัจจัยการผลิตเคมี
ส่งผลดีต่อสุขอนามัยของผู้ผลิต ผู้บริโภคและสุขอนามัยพืช
สามารถลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปัจจัยการผลิตเคมี วัตถุประสงค์:
เปรียบเทียบต้นทุนการปลูกพริกระหว่างการปลูกพริกแบบปลอดภัยและแบบเคมีในจ
ังห วัดอุบลราชธานี วิธีการศึกษา: รูปแบบการวิจัยแบบเชิงทดลอง
เพื่อเปรียบเทียบต้นทุน ในรูปของต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์
ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
ในกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกพริก ในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 30 คน
ผลการศึกษา: ต้นทุนต่อไร่ของการปลูกพริกแบบใช้สารเคมี อยู่ระหว่าง
9,540-12,565 บาท และได้ผลผลิตประมาณ 2,000 กิโลกรัมต่อไร่
ซึ่งเกษตรกรจะมีรายได้อยู่ระหว่าง 20,000 - 50,000 บาทต่อปี
ในขณะที่เกษตรกรที่ปลูกพริกแบบไม่ใช้สารเคมี มีต้นทุนต่อไร่ อยู่ระหว่าง
8,010-11,452 บาท และได้ผลผลิตประมาณ 1,900 กิโลกรัมต่อไร่
ดังนั้นเกษตรกรจะมีรายได้อยู่ระหว่าง 22,000- 55,000 บาท
เนื่องจากราคาขายของพริกอินทรีย์จะราคาแพงกว่า
จึงทำให้เกษตรกรได้กำไรสูงกว่า นอกจากนั้นเกษตรกรที่มีการใช้สารเคมี
ยังจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตนเอง โดยใช้เงินอยู่ระหว่าง 200-500 บาทต่อ
1 ฤดูปลูกพริก ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
โดยพิจารณาถึงต้นทุนการเจ็บป่วยร่วมด้วย จะพบว่า
การปลูกพริกแบบไม่ใช้สารเคมี มีความคุ้มค่ากว่า
การปลูกพริกแบบใช้สารเคมี
บทคัดย่อบทนำ: นด วัดอุบลราชธานีวิธีการศึกษา: (เจาะจง Sampling) ในกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกพริกในจังหวัดอุบลราชธานีจำนวน 30 คนผลการศึกษา: อยู่ระหว่าง9,540-12,565 บาทและได้ผลผลิตประมาณ 2,000 20,000 - 50,000 มีต้นทุนต่อไร่อยู่ระหว่าง8,010-11,452 บาทและได้ผลผลิตประมาณ 1,900 22,000- 55,000 โดยใช้เงินอยู่ระหว่าง 200-500 บาทต่อ1 ฤดูปลูกพริก
การแปล กรุณารอสักครู่..
