The Cold War period of 1985–1991 be

The Cold War period of 1985–1991 began with the rise of Mikhail Gorbachev as leader of the Soviet Union. Gorbachev was a revolutionary leader for the USSR, as he was the first to promote liberalization of the political landscape (Glasnost) and capitalist elements into the economy (Perestroika); prior to this, the USSR had been strictly prohibiting liberal reform and maintained an inefficient centralized economy. The USSR, facing massive economic difficulties, was also greatly interested in reducing the costly arms race with the U.S. President Ronald Reagan, although peaceful confrontation and arms buildups throughout much of his term prevented the USSR from cutting back its military spending as much as it might have liked. Regardless, the USSR began to crumble as liberal reforms proved difficult to handle and capitalist changes to the centralized economy were badly transitioned and caused major problems. After a series of revolutions in Soviet Bloc states, and a failed coup by conservative elements opposed to the ongoing reforms, the Soviet Union collapsed in 1991.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระยะเวลาสงครามเย็นค.ศ. 1985 – 1991 เริ่ม มีขึ้นในอิลเป็นผู้นำของสหภาพโซเวียต สาขาเป็นผู้นำการปฏิวัติโซเวียต เป็นพระองค์แรกเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีของภูมิทัศน์ทางการเมือง (Glasnost) และองค์ประกอบของทุนนิยมเป็นเศรษฐกิจ (Perestroika); ก่อนหน้านี้ สหภาพโซเวียตได้รับอย่างเคร่งครัดห้ามปฏิรูปเสรีนิยม และรักษาเศรษฐกิจส่วนกลางต่ำ สหภาพโซเวียต เผชิญปัญหาเศรษฐกิจใหญ่ ก็สนใจอย่างมากในการลดการแข่งขันแขนจ่ายกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโรนัลด์เรแกน แม้ว่า buildups การเผชิญหน้าและแขนมากตลอดของระยะของเขาสงบป้องกันสหภาพโซเวียตตัดกลับของทหารใช้จ่ายมากที่สุดเท่าที่อาจถูกใจ ไม่คำนึงถึง สหภาพโซเวียตเริ่มยุ่ยปฏิรูปเสรีนิยมพิสูจน์ยากต่อการจัดการ และการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจรวมศูนย์ผูกขาดไม่เปลี่ยน และเกิดปัญหาใหญ่ หลังจากที่ชุดของการปฏิวัติในอเมริกาค่ายโซเวียต และการรัฐประหารที่ล้มเหลว โดยองค์ประกอบอนุรักษ์นิยมต่อต้านการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง สหภาพโซเวียตยุบใน 1991

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะเวลาที่สงครามเย็น 1985-1991 เริ่มต้นด้วยการเพิ่มขึ้นของ Mikhail Gorbachev ในฐานะผู้นำของสหภาพโซเวียต Gorbachev เป็นผู้นำการปฏิวัติสำหรับสหภาพโซเวียตในขณะที่เขาเป็นคนแรกที่จะส่งเสริมการเปิดเสรีของภูมิทัศน์ทางการเมือง (Glasnost) และองค์ประกอบทุนนิยมเข้าสู่เศรษฐกิจ (Perestroika); ก่อนหน้านี้สหภาพโซเวียตได้รับการอย่างเคร่งครัดห้ามการปฏิรูปเสรีนิยมและการบำรุงรักษาระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ล้าหลังหันหน้าไปทางยากลำบากทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังสนใจอย่างมากในการลดการแข่งขันแขนค่าใช้จ่ายกับสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีโรนัลด์เรแกนแม้ว่าการเผชิญหน้าที่เงียบสงบและ buildups แขนมากตลอดระยะเวลาของเขาป้องกันไม่ให้ล้าหลังจากตัดกลับมาใช้จ่ายทางทหารของตนมากที่สุดเท่าที่มันอาจ ชอบ โดยไม่คำนึงถึงล้าหลังเริ่มจะแตกสลายเป็นปฏิรูปเสรีนิยมได้รับการพิสูจน์ยากที่จะจัดการและการเปลี่ยนแปลงทุนนิยมเศรษฐกิจส่วนกลางถูกเปลี่ยนไม่ดีและก่อให้เกิดปัญหาที่สำคัญ หลังจากที่ชุดของการปฏิวัติในรัฐโซเวียตและการทำรัฐประหารล้มเหลวโดยองค์ประกอบอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องสหภาพโซเวียตทรุดตัวลงในปี 1991

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สงครามเย็นช่วงปี พ.ศ. 2528 – 1991 เริ่มมีการเพิ่มขึ้นของมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในฐานะผู้นำของสหภาพโซเวียต กอร์บาชอฟเป็นผู้นำการปฏิวัติในสหภาพโซเวียต เขาเป็นครั้งแรกเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีของภูมิทัศน์ทางการเมือง ( กลาสนอสต์ ) และองค์ประกอบในเศรษฐกิจทุนนิยม ( เปเรสตอยก้า ) ; ก่อนหน้านี้สหภาพโซเวียตได้รับอย่างเคร่งครัดห้ามเสรีนิยมและการปฏิรูปรักษาไม่มีประสิทธิภาพ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ สหภาพโซเวียต , ปัญหาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ก็สนใจอย่างมากในการลดการแข่งขันอาวุธราคาแพง กับ สหรัฐฯ ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน แต่สงบการเผชิญหน้าและ buildups แขนทั่วมากของระยะเวลาของเขาทำให้ล้าหลังจากการตัดกลับค่าใช้จ่ายทางการทหารของเท่าที่มันอาจจะชอบ อย่างไรก็ตาม สหภาพโซเวียตเริ่มล่มสลายเป็นปฏิรูปเสรีนิยมพิสูจน์ยากที่จะจัดการ และนายทุนจะเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจกำลังไม่ดีเปลี่ยน และเกิดปัญหาใหญ่ ๆ หลังจากที่ชุดของการปฏิวัติในสหภาพโซเวียตสหรัฐอเมริกาและรัฐประหารล้มเหลวโดยอนุลักษณ์ธาตุตรงข้ามกับการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991