Transportation infrastructure signi

Transportation infrastructure significantly contributes to a nation’s prosperity by facilitating workers’ access to employers, consumers’ access to shopping and leisure activities, and firms’ access to capital, labour and potential customers. The public sector has generally provided the vast amount of a nation’s infrastructure – roadways, waterways, railways and airways – and expanded it to satisfy users’ growing demand for transportation. But as demand has increased and ageing infrastructure facilities have required ever-greater funds for maintenance and new construction, capacity has become increasingly strained and travellers and shippers have experienced more congestion and delays. Policymakers have tried to find new sources of money to finance projects to expand capacity; but congestion and delays have persisted.

The public sector’s "strategy" of increasing spending to build its way out of congestion has been entrenched for decades and is unlikely to change for the foreseeable future into a sustainable strategy that could improve infrastructure performance. I therefore consider in this paper three ways that private sector firms could potentially contribute to that goal.

They could purchase infrastructure facilities from the government and operate them more efficiently subject to general business laws (privatisation).
They could develop technological innovations that the public sector could implement to improve current infrastructure performance.
They could make technological advances that greatly improve the operations of transportation modes that use the infrastructure.
In what follows, I explore those possibilities by drawing on evidence based primarily, but not exclusively, on highway and aviation infrastructure services in the United States, which have been the main focus of infrastructure policy discussions. I conclude that: privatisation, while worthy of carefully designed experiments, faces considerable uncertainties as to its long-run success in the United States; technological innovations developed by the private sector are available for the public sector to implement but policymakers have resisted doing so; and, more positively, technological advances in the transportation modes could facilitate significant improvements in infrastructure performance provided its implementation is not impeded by the government.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญสนับสนุนเพื่อความเจริญของประเทศ โดยอำนวยความสะดวกของผู้ปฏิบัติงานถึงนายจ้าง ผู้บริโภคถึงกิจกรรมมากมาย และของบริษัทเข้าถึงทุน แรงงาน และศักยภาพ ภาครัฐได้มีจำนวนมากของประเทศเป็นโครงสร้างพื้นฐาน –ภูเขา การบ้าน ทางรถไฟ และการบิน – โดยทั่วไป และขยายเพื่อตอบสนองความต้องการเติบโตของผู้ใช้สำหรับการขนส่ง แต่มีเพิ่มความต้องการ และสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานที่ดีได้ต้องเงินเคยมากกว่าสำหรับการบำรุงรักษาและก่อสร้างใหม่ กำลังการผลิตได้กลายเป็นเครียดมากขึ้น และนักเดินทางและผู้ขนส่งมีประสบการณ์มากขึ้นแออัดและความล่าช้า ผู้กำหนดนโยบายพยายามค้นหาแหล่งใหม่ของเงินกับโครงการทางการเงินเพื่อขยายกำลังการผลิต แต่แออัดและความล่าช้าที่มี persistedของภาครัฐ "กลยุทธ์" ของการเพิ่มการใช้จ่ายในการสร้างอยู่แออัดมีมั่นคงแห่งรัฐในทศวรรษที่ผ่านมา และความเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้เป็นกลยุทธ์อย่างยั่งยืนที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นพิจารณาในสามวิธีที่บริษัทเอกชนสามารถอาจเอกสารนี้พวกเขาสามารถซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาล และทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กฎหมายธุรกิจทั่วไป (privatisation)พวกเขาสามารถพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ภาครัฐสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบันพวกเขาสามารถทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ปรับปรุงการดำเนินงานของโหมดการขนส่งที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานในสิ่งต่อไปนี้ ฉันได้โอกาสเหล่านั้น ด้วยหลักฐานตามหลัก แต่ไม่ขอนำเสนอ บนทางหลวงและการบินบริการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับโฟกัสหลักของการอภิปรายนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน ผมสรุปที่: privatisation ในขณะที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันน่าทดลอง ไม่แน่นอนมากหน้าเป็นความสำเร็จยาวในสหรัฐอเมริกา นวัตกรรมเทคโนโลยีที่พัฒนา โดยภาคเอกชนมีภาครัฐให้ใช้ แต่ผู้กำหนดนโยบายมี resisted ทำเช่นนั้น ก เชิงบวกมากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในโหมดการขนส่งสามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยไม่มี impeded ดำเนินการ โดยรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองของประเทศโดยอำนวยความสะดวกแรงงานเข้าถึงนายจ้างของผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมสันทนาการและการเข้าถึง บริษัท 'เงินทุนแรงงานและลูกค้าที่มีศักยภาพ ภาครัฐได้ให้บริการโดยทั่วไปจำนวนเงินที่มากมายของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ - การรบทางน้ำทางรถไฟและทางเดินหายใจ - และขยายเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้สำหรับการขนส่ง แต่เป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นและมีสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างอายุจำเป็นต้องมีเงินทุนที่เคยยิ่งใหญ่ในการบำรุงรักษาและการก่อสร้างใหม่ได้กลายเป็นกำลังการผลิตที่ทำให้เครียดมากขึ้นและส่งสินค้าทางเรือนักท่องเที่ยวและมีประสบการณ์มากขึ้นความแออัดและความล่าช้า ผู้กำหนดนโยบายได้พยายามที่จะหาแหล่งที่มาของเงินใหม่เพื่อเป็นเงินทุนโครงการที่จะขยายกำลังการผลิต; แต่ความแออัดและความล่าช้าได้ยืนยัน. ภาคประชาชน "กลยุทธ์" ของการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการสร้างวิธีการออกจากความแออัดได้รับการยึดที่มั่นมานานหลายทศวรรษและไม่น่าจะเปลี่ยนในอนาคตอันใกล้เป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน ฉันจึงต้องพิจารณาในบทความนี้สามวิธีที่ บริษัท ภาคเอกชนอาจจะนำไปสู่เป้าหมายที่. พวกเขาสามารถซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลและการใช้งานพวกเขามากขึ้นเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพกับกฎหมายธุรกิจทั่วไป (แปรรูป). พวกเขาสามารถพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ภาครัฐ สามารถใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน. พวกเขาจะทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงการดำเนินงานของโหมดการขนส่งที่ใช้โครงสร้างพื้นฐาน. ในสิ่งต่อไปนี้ฉันจะสำรวจความเป็นไปเหล่านั้นโดยการวาดภาพบนหลักฐานตามหลัก แต่ไม่เฉพาะบนทางหลวงและโครงสร้างพื้นฐานด้านการบิน บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับความสนใจหลักของการอภิปรายนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน ผมขอสรุปว่าการแปรรูปขณะที่คุ้มค่าของการทดลองการออกแบบอย่างระมัดระวังใบหน้าความไม่แน่นอนมากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวของ บริษัท ในสหรัฐอเมริกา; นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยภาคเอกชนที่มีอยู่สำหรับภาครัฐในการดำเนินการ แต่ผู้กำหนดนโยบายได้ต่อต้านการทำเช่นนั้น; และที่บวกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในรูปแบบการขนส่งที่สามารถอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงที่สำคัญในการทำงานโครงสร้างพื้นฐานให้การดำเนินงานของมันไม่ได้ขัดขวางโดยรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งอย่างมาก ก่อให้เกิดความเจริญของประเทศ โดยการส่งเสริมให้คนงานเข้าถึงนายจ้าง ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงกิจกรรมช็อปปิ้งและสันทนาการ และบริษัท ' การเข้าถึงทุน แรงงาน และลูกค้าที่มีศักยภาพ ภาครัฐมีให้โดยทั่วไปที่มากมายของประเทศโครงสร้างพื้นฐาน ( ถนน , น้ำรถไฟและการบิน ) และขยายเพื่อตอบสนองผู้ใช้ ' ความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับการขนส่ง แต่เมื่อมีความต้องการเพิ่มขึ้น และเครื่องสาธารณูปโภคอายุต้องมากกว่าเดิมกองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างใหม่ ความจุได้กลายเป็นมากขึ้นและเครียดและนักท่องเที่ยวต่างมีประสบการณ์ความแออัดและล่าช้านอกจากนี้ ได้พยายามหาแหล่งใหม่ของเงินเพื่อการเงินโครงการขยายขีดความสามารถ แต่ความแออัดและล่าช้าได้หาย

ภาครัฐ " กลยุทธ์ " ของการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างทางออกของความแออัดได้ยึดที่มั่นมานานหลายทศวรรษและไม่น่าจะเปลี่ยนเพื่ออนาคต เป็นกลยุทธ์ที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานฉันจึงต้องพิจารณาในกระดาษนี้สามวิธีที่ บริษัท เอกชน อาจส่งผลให้เป้าหมายที่ พวกเขาสามารถซื้อ

สิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลและใช้พวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กฎหมายธุรกิจทั่วไป ( ที่ ) .
พวกเขาสามารถพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่ภาคประชาชนสามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน
พวกเขาทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงการดำเนินงานของโหมดการขนส่งที่ใช้โครงสร้างพื้นฐาน .
ในสิ่งต่อไปนี้ ผมสำรวจความเป็นไปได้เหล่านั้นโดยการวาดภาพบนหลักฐานตามหลัก แต่ไม่เฉพาะบนทางหลวงและบริการโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประเด็นหลักของการอภิปรายนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน ผมสรุปได้ว่า :การแปรรูป ในขณะที่น่าทดลองออกแบบอย่างระมัดระวัง ใบหน้าความไม่แน่นอนมากเป็นเพื่อความสำเร็จในระยะยาวของ บริษัท ในสหรัฐอเมริกา นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยภาคเอกชน มีภาคประชาชนที่จะใช้ แต่ปัญหามี resisted ทำดังนั้น และ เพิ่มเติม เจียวความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในโหมดการขนส่งที่สามารถอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงที่สำคัญในประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานให้ใช้งานไม่ได้ขัดขวางจากรัฐบาล