การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยชิน ต่างสถานที่ ต่างแดน ทำให การแปล - การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยชิน ต่างสถานที่ ต่างแดน ทำให ไทย วิธีการพูด

การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยแล

การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยชิน ต่างสถานที่ ต่างแดน ทำให้เราต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสังคมนั้นๆ เนื่องจากความเป็นอยู่ สังคม และวัฒนธรรมในแต่ละที่นั้นต่างกัน ในที่นี้จะยกตัวอย่างเมื่อเราไปอยู่ในประเทศเยอรมัน สิ่งที่แตกต่างระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมันนั้นมีมากมาย อย่างเช่น เวลาประเทศไทยกับเยอรมนีต่างกัน 5 ชั่วโมงสภาพอากาศ ลักษณะอากาศของเยอรมันเป็นแบบค่อนข้างไปทางหนาวเย็น มี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18 – 20 องศาเซลเซียส แต่อาจจะสูงขึ้นถึง 30 องศา หรือสูงกว่า ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นลงและมีฝน ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้าง สีแดงบ้างดูสวยงาม ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศา ถึง ลบ 5 องศาเซลเซียส โดยจะมีหิมะตกบ้าง ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) อากาศจะอุ่นขึ้น ดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้จะแตกใบอ่อน นำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ต่างแตกโดยเฉพาะฤดูหนาวอาจเป็นเรื่องยากในการปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศที่เย็นจัดของประเทศเยอรมันได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วทำให้ในเรื่องของเสื้อผ้าและการแต่งกายนั้นก็แตกต่างกันอีกด้วย ในประเทศเยอรมันมักจะแต่งกายด้วยการสวมใส่เสื้อโคชตัวหนาๆรองเท้าบูธเพื่อทำให้ร่างกายนั้นอบอุ่นซึ่งเมื่อเราไปอยู่ในประเทศของเค้าเราก็ต้องปรับตัวใส่เสื้อผ้าหนาๆเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอาจจะเป็นการยากเล็กน้อยในเรื่องของแฟชั่นที่เราไม่มีความเคยชิน และยังมีอีกมากมายที่เรานั้นต้องปรับตัวให้คุ้นเคยและเกิดความเคยชิน เช่น เรื่องถนนที่เลนท์ในการขับตรงข้ามกับประเทศไทย ที่นั่งคนขับของรถยนต์ก็อยู่ฝั่งทางซ้ายซึ่งเราอยู่ทางขวา มารยาททางสังคมของชาวเยอรมัน การจับมือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวเยอรมัน โดยเฉพาะการพบกันครั้งแรก การจูบสำหรับความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนจะเป็นการจูบเบา ๆ ที่แก้มทั้ง 2 ข้างในขณะที่เจอกัน ความตรงต่อเวลาชาวเยอรมันมีความตรงต่อเวลาเป็นอย่างมาก และเป็นมารยาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ควรจะไปก่อนเวลาสักเล็กน้อย หากเราไปสายจะเป็นการสร้างความไม่ประทับใจต่อคนอื่น ๆ การได้รับคำเชิญเมื่อเราได้รับการเชื้อเชิญให้ไปทานข้าวหรือเยี่ยมบ้านของชาวเยอรมัน เราควรนำของเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อมอบให้กับเจ้าของบ้าน และต้องมั่นใจด้วยว่าของเหล่านั้นจะมีจำนวนเป็นเลขคี่ เพราะชาวเยอรมันเชื่อว่าของที่มีจำนวนเป็นเลขคู่จะนำโชคไม่ดีเข้าสู่บ้านเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นเคยมากเท่าไหร่ การแยกขยะ การแยกขยะในบ้านของตนเอง หรือแม้กระทั่งถังขยะของสาธารณะ เป็นเรื่องปกติของชาวเยอรมัน ซึ่งการแยกขยะในสังคมไทยนั้นก็มีแต่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยและไม่เคร่งในเรื่องนี้นัก และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราต้องปรับตัวให้คุ้นชินก็คืออาหาร ร้านอาหารในเยอรมนีเมื่อเข้าไปในร้านอาหาร เราไม่จำเป็นต้องคอยให้บริการมาหาที่นั่งให้ ไม่มีบริการน้ำฟรี และการรับประทานอาหารหลักโดยทั่วไปเราจะต้องถือมีดในมือขวา และถือส้อมด้วยเมือซ้าย เมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จแล้วเราจะต้องวางส้อมและมีดไว้คู่กันบนจานทางด้านขวาของเรา เพื่อเป็นสัญญาณให้กับบริกรในการเก็บจานอาหาร ชาวเยอรมันมักจะทานขนมปัง โทสต์ กาแฟหรือชาเป็นอาหารเช้า มื้อกลางวันถือว่าเป็นอาหารมื้อหลักของในแต่ละวัน โดยจะรับประทานในเวลา 12.00 น. ส่วนมื้อเย็นจะเป็นอาหารที่มื้อเล็กกว่า โดยอาจจะเป็นอาหารจำพวกแซนด์วิชมากกว่าและรสชาติอาหารมักจะไม่เน้นเป็นรถจัด เครื่องดื่มชาวเยอรมันมักจะดื่มเบียร์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ของเยอรมนี พิลเซ่นเบียร์ (Pills) แต่ในไทยนั้นในเรื่องอาหารจะเน้นหนักไปที่มื้อเช้าเป็นส่วนใหญ่ถือว่าเป็นมื้อสำคัญที่ต้องรับประทานและคนไทยส่วนใหญ่จะรับประทานข้าว เนื้อสัตว์ และอาหารที่มีรสจัด สิ่งที่เราต้องปรับตัวอีกหนึ่งยากที่สำคัญมากที่สุดและถือว่ายากคือในเรื่องของการสื่อสารในประเทศเยอรมันจะสื่อสารด้วยภาษาเยอรมัน ซึ่งเมื่อเราจะไปอยู่ในประเทศเยอรมันเราต้องศึกษาภาษาหรือมีพื้นฐานพอสมควร หรืออาจมีพื้นฐานภาษาอังกฤษก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยชินต่างสถานที่ต่างแดนทำให้เราต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสังคมนั้น ๆ เนื่องจากความเป็นอยู่สังคมและวัฒนธรรมในแต่ละที่นั้นต่างกันในที่นี้จะยกตัวอย่างเมื่อเราไปอยู่ในประเทศเยอรมันสิ่งที่แตกต่างระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมันนั้นมีมากมายอย่างเช่นเวลาประเทศไทยกับเยอรมนีต่างกัน 5 ชั่วโมงสภาพอากาศลักษณะอากาศของเยอรมันเป็นแบบค่อนข้างไปทางหนาวเย็นมี 4 ฤดูคือฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) องศาเซลเซียสอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20แต่อาจจะสูงขึ้นถึง 30 องศาหรือสูงกว่าฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นลงและมีฝนใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างสีแดงบ้างดูสวยงามฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศาถึงลบ 5 องศาเซลเซียสโดยจะมีหิมะตกบ้างฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) อากาศจะอุ่นขึ้นดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้จะแตกใบอ่อนนำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้งเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ต่างแตกโดยเฉพาะฤดูหนาวอาจเป็นเรื่องยากในการปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศที่เย็นจัดของประเทศเยอรมันได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วทำให้ในเรื่องของเสื้อผ้าและการแต่งกายนั้นก็แตกต่างกันอีกด้วยในประเทศเยอรมันมักจะแต่งกายด้วยการสวมใส่เสื้อโคชตัวหนาๆรองเท้าบูธเพื่อทำให้ร่างกายนั้นอบอุ่นซึ่งเมื่อเราไปอยู่ในประเทศของเค้าเราก็ต้องปรับตัวใส่เสื้อผ้าหนาๆเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอาจจะเป็นการยากเล็กน้อยในเรื่องของแฟชั่นที่เราไม่มีความเคยชินและยังมีอีกมากมายที่เรานั้นต้องปรับตัวให้คุ้นเคยและเกิดความเคยชินเช่นเรื่องถนนที่เลนท์ในการขับตรงข้ามกับประเทศไทยที่นั่งคนขับของรถยนต์ก็อยู่ฝั่งทางซ้ายซึ่งเราอยู่ทางขวามารยาททางสังคมของชาวเยอรมันการจับมือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวเยอรมันโดยเฉพาะการพบกันครั้งแรกการจูบสำหรับความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนจะเป็นการจูบเบาๆ ที่แก้มทั้ง 2 ข้างในขณะที่เจอกันความตรงต่อเวลาชาวเยอรมันมีความตรงต่อเวลาเป็นอย่างมากและเป็นมารยาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งควรจะไปก่อนเวลาสักเล็กน้อยหากเราไปสายจะเป็นการสร้างความไม่ประทับใจต่อคนอื่นๆ การได้รับคำเชิญเมื่อเราได้รับการเชื้อเชิญให้ไปทานข้าวหรือเยี่ยมบ้านของชาวเยอรมันเราควรนำของเล็พบว่ามีๆ น้อยๆ เพื่อมอบให้กับเจ้าของบ้านและต้องมั่นใจด้วยว่าของเหล่านั้นจะมีจำนวนเป็นเลขคี่เพราะชาวเยอรมันเชื่อว่าของที่มีจำนวนเป็นเลขคู่จะนำโชคไม่ดีเข้าสู่บ้านเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นเคยมากเท่าไหร่การแยกขยะการแยกขยะในบ้านของตนเอง หรือแม้กระทั่งถังขยะของสาธารณะเป็นเรื่องปกติของชาวเยอรมันซึ่งการแยกขยะในสังคมไทยนั้นก็มีแต่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยและไม่เคร่งในเรื่องนี้นักและสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราต้องปรับตัวให้คุ้นชินก็คืออาหารร้านอาหารในเยอรมนีเมื่อเข้าไปในร้านอาหารเราไม่จำเป็นต้องคอยให้บริการมาหาที่นั่งให้ไม่มีบริการน้ำฟรีและการรับประทานอาหารหลักโดยทั่วไปเราจะต้องถือมีดในมือขวาและถือส้อมด้วยเมือซ้ายเมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จแล้วเราจะต้องวางส้อมและมีดไว้คู่กันบนจานทางด้านขวาของเราเพื่อเป็นสัญญาณให้กับบริกรในการเก็บจานอาหารชาวเยอรมันมักจะทานขนมปังโทสต์กาแฟหรือชาเป็นอาหารเช้ามื้อกลางวันถือว่าเป็นอาหารมื้อหลักของในแต่ละวันโดยจะรับประทานในเวลา 12.00 น.ส่วนมื้อเย็นจะเป็นอาหารที่มื้อเล็กกว่าโดยอาจจะเป็นอาหารจำพวกแซนด์วิชมากกวแต่ในไทยนั้นในเรื่องอาหารจะเน้นหนักไปที่มื้อเช้าเป็นส่วนใหญ่ถือว่าเป็นมื้อสำคัญที่ต้องรับประทานและคนไทย่าและรสชาติอาหารมักจะไม่เน้นเป็นรถจัดเครื่องดื่มชาวเยอรมันมักจะดื่มเบียร์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ของเยอรมนีพิลเซ่นเบียร์ (ยาเม็ด)ส่วนใหญ่จะรับประทานข้าวเนื้อสัตว์และอาหารที่มีรสจัดสิ่งที่เราต้องปรับตัวอีกหนึ่งยากที่สำคัญมากที่สุดและถือว่ายากคือในเรื่องของการสื่อสารในประเทศเยอรมันจะสื่อสารด้วยภาษาเยอรมันซึ่งเมื่อเราจะไปอยู่ในประเทศเยอรมันเราต้องศึกษาภาษาหรือมีพื้นฐานพอสมควรหรืออาจมีพื้นฐานภาษาอังกฤษก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ต่างสถานที่ต่างแดน เนื่องจากความเป็นอยู่สังคมและวัฒนธรรมในแต่ละที่นั้นต่างกัน อย่างเช่นเวลาประเทศไทยกับเยอรมนีต่างกัน 5 ชั่​​วโมงสภาพอากาศ มี 4 ฤดูคือฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส แต่อาจจะสูงขึ้นถึง 30 องศาหรือสูงกว่าฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นลงและมีฝนใบไม้จะเปลี่ยนเป็น สีเหลืองบ้างสีแดงบ้างดูสวยงามฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศาถึงลบ 5 องศาเซลเซียสโดยจะมีหิมะตกบ้างฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) อากาศจะอุ่นขึ้น นำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้ง เช่น มารยาททางสังคมของชาวเยอรมัน โดยเฉพาะการพบกันครั้งแรก ๆ ที่แก้มทั้ง 2 ข้างในขณะที่เจอกัน ควรจะไปก่อนเวลาสักเล็กน้อย ๆ เราควรนำของเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อมอบให้กับเจ้าของบ้าน การแยกขยะการแยกขยะในบ้านของตนเองหรือแม้กระทั่งถังขยะของสาธารณะเป็นเรื่องปกติของชาวเยอรมัน ไม่มีบริการน้ำฟรี และถือส้อมด้วยเมือซ้าย ชาวเยอรมันมักจะทานขนมปังโทสต์กาแฟหรือชาเป็นอาหารเช้า โดยจะรับประทานในเวลา 12.00 น พิลเซ่นเบียร์ (ยา) เนื้อสัตว์และอาหารที่มีรสจัด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การที่เราไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยชินต่างสถานที่ต่างแดนทำให้เราต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสังคมนั้นๆเนื่องจากความเป็นอยู่สังคมและวัฒนธรรมในแต่ละที่นั้นต่างกันสิ่งที่แตกต่างระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมันนั้นมีมากมายอย่างเช่นเวลาประเทศไทยกับเยอรมนีต่างกัน 5 ชั่วโมงสภาพอากาศลักษณะอากาศของเยอรมันเป็นแบบค่อนข้างไปทางหนาวเย็นคอนโด 4 ฤดูความฤดูร้อน ( มิถุนายนจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18 – 20 องศาเซลเซียสแต่อาจจะสูงขึ้นถึง 30 องศาหรือสูงกว่าฤดูใบไม้ร่วง ( กันยายน–พฤศจิกายน ) อากาศจะเย็นลงและมีฝนใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างสีแดงบ้างดูสวยงามฤดูหนาว ( ธันวาคมจำกัดอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศาถึงลบ 5 องศาเซลเซียสโดยจะมีหิมะตกบ้างฤดูใบไม้ผลิ ( มีนาคม–พฤษภาคม ) อากาศจะอุ่นขึ้นดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้จะแตกใบอ่อนนำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้งเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ต่างแตกโดยเฉพาะฤดูหนาวอาจเป็นเรื่องยากในการปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศที่เย็นจัดของประเทศเยอรมันได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วทำให้ในเรื่องของเสื้อผ้าและการแต่งกายนั้นก็แตกต่างกันอีกด้วยในประเทศเยอรมันมักจะแต่งกายด้วยการสวมใส่เสื้อโคชตัวหนาๆรองเท้าบูธเพื่อทำให้ร่างกายนั้นอบอุ่นซึ่งเมื่อเราไปอยู่ในประเทศของเค้าเราก็ต้องปรับตัวใส่เสื้อผ้าหนาๆเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอาจจะเป็นการยากเล็กน้อยในเรื่องของแฟชั่นที่เราไม่มีความเคยชินและยังมีอีกมากมายที่เรานั้นต้องปรับตัวให้คุ้นเคยและเกิดความเคยชินเช่นเรื่องถนนที่เลนท์ในการขับตรงข้ามกับประเทศไทยที่นั่งคนขับของรถยนต์ก็อยู่ฝั่งทางซ้ายซึ่งเราอยู่ทางขวามารยาททางสังคมของชาวเยอรมันโดยเฉพาะการพบกันครั้งแรกการจูบสำหรับความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนจะเป็นการจูบเบาจะที่แก้มทั้ง 2 ข้างในขณะที่เจอกันความตรงต่อเวลาชาวเยอรมันมีความตรงต่อเวลาเป็นอย่างมากและเป็นมารยาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งหากเราไปสายจะเป็นการสร้างความไม่ประทับใจต่อคนอื่นจะการได้รับคำเชิญเมื่อเราได้รับการเชื้อเชิญให้ไปทานข้าวหรือเยี่ยมบ้านของชาวเยอรมันเราควรนำของเล็กจะไม่มีน้อยเพื่อมอบให้กับเจ้าของบ้านเพราะชาวเยอรมันเชื่อว่าของที่มีจำนวนเป็นเลขคู่จะนำโชคไม่ดีเข้าสู่บ้านเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นเคยมากเท่าไหร่การแยกขยะการแยกขยะในบ้านของตนเองหรือแม้กระทั่งถังขยะของสาธารณะซึ่งการแยกขยะในสังคมไทยนั้นก็มีแต่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยและไม่เคร่งในเรื่องนี้นักและสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราต้องปรับตัวให้คุ้นชินก็คืออาหารร้านอาหารในเยอรมนีเมื่อเข้าไปในร้านอาหารไม่มีบริการน้ำฟรีและการรับประทานอาหารหลักโดยทั่วไปเราจะต้องถือมีดในมือขวาและถือส้อมด้วยเมือซ้ายเมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จแล้วเราจะต้องวางส้อมและมีดไว้คู่กันบนจานทางด้านขวาของเราชาวเยอรมันมักจะทานขนมปังโทสต์กาแฟหรือชาเป็นอาหารเช้ามื้อกลางวันถือว่าเป็นอาหารมื้อหลักของในแต่ละวันโดยจะรับประทานในเวลา 1200 น .ส่วนมื้อเย็นจะเป็นอาหารที่มื้อเล็กกว่าโดยอาจจะเป็นอาหารจำพวกแซนด์วิชมากกว่าและรสชาติอาหารมักจะไม่เน้นเป็นรถจัดเครื่องดื่มชาวเยอรมันมักจะดื่มเบียร์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ของเยอรมนีพิลเซ่นเบียร์แต่ในไทยนั้นในเรื่องอาหารจะเน้นหนักไปที่มื้อเช้าเป็นส่วนใหญ่ถือว่าเป็นมื้อสำคัญที่ต้องรับประทานและคนไทยส่วนใหญ่จะรับประทานข้าวเนื้อสัตว์และอาหารที่มีรสจัดซึ่งเมื่อเราจะไปอยู่ในประเทศเยอรมันเราต้องศึกษาภาษาหรือมีพื้นฐานพอสมควรหรืออาจมีพื้นฐานภาษาอังกฤษก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: