เศรษฐกิจโลกในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หนุนด้วยเศรษฐกิจจีนที่แม้จะเติบโตช้ากว่าในอดีตจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่มีการเติบโตดี ฝั่งสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงมีประเด็นการเลือกตั้งที่อาจสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ด้านยูโรโซนยังคงถูกรุมเร้าจากความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ควบคู่กับปัญหาการเมืองที่อาจเกิดจากการเลือกตั้งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี ทำให้ภาพการฟื้นตัวเป็นไปอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ยังคงเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อหดตัวสะท้อนนโยบายอาเบะโนมิกส์ยังไม่ประสบความสำเร็จจำเป็นที่จะใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2560 ตามมูลค่าการส่งออกครึ่งปีแรกถ้าหักสินค้า 3 ตัว (นํ้ามันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์) ติดลบ 2.3%ออกไป มันก็ดูเหมือนจะเป็นบวก(ส่งออกไทยในภาพรวม) เพราะ ลบ 1.9% ถ้าเราหักลบ 2.3% ออกไป ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่เรายังส่งออกได้ดีอยู่ เพราะนํ้ามันสำเร็จรูปเราส่งออกไปใน CLMV ได้ดี แต่ก็ยังมีส่วนปัจจัยบวกช่วงครึ่งปีแรกคือทองคำกับอาวุธ โดยปกติเราจะคิดรวม ซึ่งทองคำกับอาวุธ ทั้ง 5 เดือน ทำให้บวกขึ้นมา3.3% มีข่าวเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี คนก็หันมาถือทองมากขึ้น จังหวะนี้ที่ทองราคาขึ้นส่งออกทองได้มากขึ้น จะเห็นว่าภาพรวมการส่งออกของเราไม่ค่อยดีเพราะเรื่องตลาดโลกส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจากตัวสินค้าของเราอาจจะยังไม่ตรงกับที่ตลาดต้องการในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเป็นแบบนี้ ฉะนั้นโดยสรุปก็คือว่า ในช่วง 5 เดือนแรกเรายังไม่ค่อยดีนกั โดยเฉพาะเรือ่ งเศรษฐกิจโลก ทำให้กระทบต่อการส่งออกที่ยังติดลบอยู่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นห่วงคือ การส่งออกที่ติดลบมา 3 ปี อย่าไปคิดว่ามันส่งผลแค่ตัวเลขจีดีพี แต่ผมว่าในเรียลเซ็กเตอร์ต่อเนื่องมันมีการปิดโรงงาน มีการปิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องไปมากพอสมควรแม้แต่เรื่องเทรดดิ้ง(การค้าและบริการ)ผมว่าก็ไปเยอะพอสมควร แต่มันไม่มีตัวเลขที่บอกออกมา และอยากจะนำเสนอรัฐบาลทำคือภาครัฐจะต้องเป็นตัวนำในการสร้างดีมานด์กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศแล้ว รัฐบาลจะต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นโดยการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะการไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ