The incidence of both Pythium and A

The incidence of both Pythium and Alternaria was consistently lower in the IPM plots in both years and, on average, was less than half of the average incidence in the non-IPM plots. The combination of tactics used in the IPM plots limited the incidence of both diseases. IPM tactics included healthy seed and solarized soil with raised beds, use of neem cake, as-needed use of fungicides, and use of the beneficial fungus (T. harzianum) as a dip for seed, soil and seedlings.
Previous studies have shown that T. harzianum was effective for control of Pythium damping-off of cauliflower (Mukherjee and Mukhopadhyay, 1995; Sharma et al., 2003) and also against different pathogens in various other crops (Harman et al., 2002; Fourie et al., 2001; Tran, 2010). Dabbas et al. (2009) reported that the disease could also be managed through an integrated approach: seed treatment with carbendazim, soil solarization, soil application of Trichoderma viride, neem cake and green manure. Use of healthy seed, as well as its treatment with T. harzianum, likely reduced the incidence of Alternaria leaf spot in both nursery production and after transplanting. However, spread of Alternaria spores by wind in later months could only be checked by application of mancozeb in December and later. Still, the IPM plots received at most only one spray of mancozeb, versus two received in the non-IPM plots. The IPM approach also resulted in consistently fewer aphids than the numbers in the non-IPM plots. Both yearly and overall averages in the IPM plots were less than half the averages seen in the non-IPM treatment. In both treatments, the numbers of aphids increased at the end of January, though numbers did not increase above approximately six per plant during February in the IPM plots,
whereas they reached nearly 20 per plant in mid-February in the non-IPM plots. In addition to the differences in numbers of aphids between treatments, the numbers of applications of insecticides differed greatly. Farmers treated the IPM plots at most once each in January and February, whereas farmers treated the non-IPM plots with pesticides as many as seven times, which imposed added costs and had an impact on the numbers of C. septempunctata. Mustard is generally used as an intercrop in cauliflower and other crops, such as wheat, in this region of India. Mustard has been shown to be effective as a trap crop against the aphids, Brevicoryne brassicae L. and L. erysimi (Muthukumar and Sharma, 2009), and
P. xylostella (Srinivasan and Krishna Moorthy, 1991), and its effectiveness has been suggested to be due to it being taller and a preferred host plant (George et al., 2009; Lokeshwari et al., 2012). The use of mustard as a trap crop was an important IPM component that reduced the number of aphids in the present study. The mustard plants began flowering in late January when cauliflower heads had begun to form, and were in full flower when the cauli- flower heads were maturing. The combination of trap crop and seed treatment reduced the numbers of aphids that moved into the crop
and one foliar spray each with imidacloprid 70 WS and azadirachtin 3000 ppm managed aphid numbers later in the season. Our efforts were to educate farmers about the utility of managing pests as well as growing the trap crop in cauliflower and subsequently spraying it with insecticides to prevent migration of aphids to cauliflower.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุบัติการณ์ของทั้งสอง Pythium และ Alternaria เป็นอย่างต่อเนื่องลดลงในแปลง IPM ทั้งปีและโดยเฉลี่ยน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอัตราการเกิดเฉลี่ยในแปลงที่ไม่ IPM การรวมกันของกลยุทธ์ที่ใช้ในการแปลงไอพีเอ็ม จำกัด อุบัติการณ์ของโรคทั้งสอง กลยุทธ์ IPM รวมเมล็ดพันธุ์ที่ดีต่อสุขภาพและดิน solarized มีเตียงยกขึ้นการใช้งานของเค้กสะเดาความจำเป็นการใช้สารป้องกันกำจัดโรคและการใช้ประโยชน์เชื้อรา (เชื้อราไตรโคเด) เช่นการแช่เมล็ดดินและต้นกล้า.
ศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า เชื้อราไตรโคเดมีประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อรา Pythium หมาดออกจากกะหล่ำ (เคอและ Mukhopadhyay, 1995;. Sharma et al, 2003) และยังกับเชื้อโรคที่แตกต่างกันในการปลูกพืชอื่น ๆ (Harman, et al., 2002;. Fourie, et al, 2001 Tran, 2010) dabbas et al, (2009) รายงานว่าโรคอาจจะมีการจัดการผ่านวิธีการแบบบูรณาการ: รักษาเมล็ดพันธุ์ที่มี carbendazim ดิน solarization แอพลิเคชันของดินเชื้อรา Trichoderma viride เค้กสะเดาและปุ๋ยพืชสด การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกับการรักษาด้วยเชื้อราไตรโคเดมีแนวโน้มลดอุบัติการณ์ของโรคใบจุด Alternaria ในการผลิตทั้งในสถานรับเลี้ยงเด็กและหลังการปลูก อย่างไรก็ตามการแพร่กระจายของสปอร์ Alternaria โดยลมในเดือนต่อมาจะถูกตรวจสอบโดยการประยุกต์ใช้ mancozeb ในเดือนธันวาคมและต่อมา ยังคงได้รับการแปลง IPM ที่มากที่สุดเพียงหนึ่งสเปรย์ mancozeb เมื่อเทียบกับสองที่ได้รับในแปลงที่ไม่ IPM วิธี IPM ยังส่งผลต่อเนื่องเพลี้ยน้อยกว่าตัวเลขในแปลงที่ไม่ IPM ทั้งรายปีและค่าเฉลี่ยโดยรวมในแปลง IPM น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยที่เห็นในการรักษาที่ไม่ IPM ในการรักษาทั้งสองตัวเลขของเพลี้ยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงแม้ว่าตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้นโดยประมาณหกต่อต้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในแปลง IPM,
ในขณะที่พวกเขามาถึงเกือบ 20 ต่อต้นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ในแปลงที่ไม่ IPM นอกจากความแตกต่างในตัวเลขของเพลี้ยระหว่างการรักษาตัวเลขของการใช้ยาฆ่าแมลงที่แตกต่างกันอย่างมาก เกษตรกรได้รับการรักษาแปลง IPM ที่มากที่สุดครั้งเดียวในแต่ละเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ในขณะที่เกษตรกรได้รับการปฏิบัติที่ไม่แปลง IPM ด้วยยาฆ่าแมลงมากที่สุดเท่าที่เจ็ดครั้งซึ่งกำหนดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและมีผลกระทบต่อตัวเลขของซี septempunctata มัสตาร์ดโดยทั่วไปจะใช้เป็นแซมในกะหล่ำดอกและพืชอื่น ๆ เช่นข้าวสาลีข้าวในภาคกลางของอินเดีย มัสตาร์ดได้รับการแสดงที่จะมีประสิทธิภาพเป็นพืชกับดักกับเพลี้ยที่ Brevicoryne brassicae ลิตรลิตรและ erysimi (Muthukumar และชาร์ 2009)
และพี ใยผัก (Srinivasan และกฤษณะ Moorthy, 1991) และมีประสิทธิภาพได้รับการแนะนำที่จะเป็นเพราะมันเป็นที่สูงและพืชที่ต้องการ (จอร์จ et al, 2009;.. Lokeshwari et al, 2012) การใช้งานของมัสตาร์ดเป็นกับดักพืชเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ IPM ลดจำนวนของเพลี้ยในการศึกษาในปัจจุบัน พืชผักกาดเริ่มออกดอกในช่วงปลายเดือนมกราคมเมื่อหัวกะหล่ำได้เริ่มที่จะสร้างและมีดอกไม้เต็มรูปแบบเมื่อหัวดอกไม้ cauli- ถูกสุก การรวมกันของพืชกับดักและรักษาเมล็ดพันธุ์ลดลงตัวเลขของเพลี้ยอ่อนที่ย้ายเข้าไปอยู่ในพืชและสเปรย์พ่นทางใบหนึ่งแต่ละคนมี imidacloprid 70 WS และ azadirachtin 3,000 ppm การจัดการเพลี้ยตัวเลขในฤดูกาลต่อมา
ความพยายามของเราที่จะให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับประโยชน์ของการจัดการศัตรูพืชเช่นเดียวกับการเจริญเติบโตของพืชกับดักในกะหล่ำดอกและต่อมาการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้การย้ายถิ่นของเพลี้ยจะกะหล่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุบัติการณ์ของโรคอย่างต่อเนื่อง และทั้งสองที่ถูกลดลงใน IPM แปลงทั้งปี เฉลี่ย น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของการเกิดเฉลี่ยในงานไม่แปลง การรวมกันของกลยุทธ์ที่ใช้ในงาน แปลง จำกัด อุบัติการณ์ของโรคทั้งสอง . กลยุทธ์งานรวมเมล็ดมีสุขภาพดี และ solarized ดินยกขึ้นเตียง ใช้กากสะเดา ตามที่ต้องการใช้ fungicides ,และการใช้ประโยชน์ ( เชื้อรา T . harzianum ) แช่เมล็ดพันธุ์ ดินและกล้าไม้
การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อรา T . harzianum ที่หน่วงปิด ดอกกะหล่ํา ( และชี mukhopadhyay , 1995 ; Sharma et al . , 2003 ) และต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ในพืชต่างๆอื่น ๆ ( Harman และ al . , 2002 ; fourie et al . , 2001 ; ทราน , 2010 ) dabbas et al .( 2009 ) รายงานว่า โรคนี้ยังสามารถจัดการได้ผ่านวิธีการแบบบูรณาการ : การเกิดเมล็ด กับ solarization , ดินใช้ดินของ Trichoderma viride , เค้กสะเดาและปุ๋ยพืชสด ใช้เมล็ดมีสุขภาพดีเช่นเดียวกับการรักษาด้วยเชื้อรา T . harzianum อาจลดอุบัติการณ์ของโรคใบจุดทั้งในโรงเรือนการผลิตและหลังปลูก อย่างไรก็ตามการแพร่กระจายของโรคสปอร์โดยลมในเดือนต่อมาได้ถูกตรวจสอบ โดยการประยุกต์ใช้ mancozeb ในเดือนธันวาคม และภายหลัง ยังคง , IPM แปลงได้รับมากที่สุดเพียงหนึ่งพ่น mancozeb , เมื่อเทียบกับสองที่ได้รับในงาน ไม่แปลง โดยวิธีการยังส่งผลอย่างต่อเนื่องว่าเพลี้ย น้อยกว่าตัวเลขที่ไม่ใช่งานในแปลงทั้งรายปีและค่าเฉลี่ยโดยรวมในงานส่วนแปลงน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยที่เห็นในงานที่ไม่ใช่การรักษา ทั้งในการรักษาจำนวนเพลี้ยเพิ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม ถึงแม้ว่าตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นข้างต้นประมาณหกต่อต้น ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ในงานแปลง
ในขณะที่พวกเขาถึงเกือบ 20 ต่อต้น ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ใช่งานในแปลงนอกจากความแตกต่างในตัวเลขของเพลี้ยอ่อน ระหว่างการรักษา หมายเลขของโปรแกรมประยุกต์ของยาฆ่าแมลงที่แตกต่างกันอย่างมาก แปลงที่เกษตรกรปฏิบัติงานมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ในขณะที่เกษตรกรปฏิบัติไม่แปลง IPM ด้วยยาฆ่าแมลงมากที่สุดเท่าที่เจ็ดครั้ง ซึ่งกำหนดต้นทุนเพิ่มและได้รับผลกระทบจากตัวเลขของ septempunctata .มัสตาร์ดโดยทั่วไปจะใช้เป็นพืชแซมในกะหล่ำปลีและพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวสาลี ในภูมิภาคของประเทศอินเดียนี้ มัสตาร์ดได้แสดงผล โดยปลูกพืชกับดักกับเพลี้ย brevicoryne คนล. . erysimi ( และ muthukumar Sharma , 2009 ) , และ
หน้าโดย ( srinivasan และพระกฤษณะ moorthy , 1991 )และประสิทธิผล ได้แนะนำให้ เนื่องจากมันอยู่สูง และจัดเป็นพืชที่ต้องการ ( จอร์จ et al . , 2009 ; lokeshwari et al . , 2012 ) การใช้มัสตาร์ดเป็นพืชเป็นส่วนประกอบสำคัญกับดักงานที่ลดจำนวนของเพลี้ยอ่อนในการศึกษาปัจจุบัน มัสตาร์ดพืชเริ่มออกดอกในช่วงปลายเดือนมกราคม เมื่อหัวกะหล่ำได้เริ่มที่จะฟอร์มและอยู่ในดอกไม้เต็มเมื่อหัวดอกไม้ cauli - สุก . การรวมกันของพืชและเมล็ดรักษากับดักลดจำนวนเพลี้ยแป้งที่ย้ายลงในพืช
และพ่นแต่ละกับ imidacloprid และ 3 , 000 ppm สาร 70 WS จัดการตัวเลขเพลี้ยต่อไปในฤดูกาลความพยายามของเราคือการให้ความรู้แก่เกษตรกร เกี่ยวกับประโยชน์ของการจัดการศัตรูพืช รวมทั้งการปลูกพืชกับดักในกะหล่ำดอก และภายหลังการฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันการอพยพของเพลี้ยอ่อนกับกะหล่ำ