Use of a live oocyst vaccine in bro

Use of a live oocyst vaccine in broilers has become a widely accepted means of controlling coccidiosis. The commonly used live oocyst vaccines can be administered to chicks at hatch using spray cabinets or to late stageembryos by in ovo injection (Williams, 2007). The live nonattenuated vaccine, Inovocox EM1, is recommendedfor the immunization of healthy broiler embryos between 18.0 and 19.0 doi for the prevention of coccidiosis. Therefore, the accuracy of injection, the movement of oocysts within the embryo, and their subsequent effects on broiler embryogenesis and hatching chick quality were investigated in eggs that were set and injected 12 h apart under the same incubation conditions A previous report by Sokale et al. (2017a) showed the importance of ES in accurately determining embryo physiological development. In the current study, embryos in the 19.0 IAN group had a higher ES incomparison to those in the 18.5 IAN group. This in dicates that at the time of in ovo injection, there weredevelopmental differences between the 2 groups, with embryos in the 19.0 IAN group showing more advancedphysiological developmental characteristics. These advancements were mostly recognized in the positioning of the head and the occurrence of pips through the eggshell membrane and the eggshell prope

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การใช้วัคซีนโอโอซิสต์ที่มีชีวิตในไก่เนื้อกลายมาเป็นวิธีการควบคุมโรคบิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง วัคซีนโอโอซิสต์ที่มีชีวิตที่ใช้กันทั่วไปสามารถฉีดให้กับลูกไก่ที่ฟักไข่โดยใช้ตู้สเปรย์ หรือให้กับตัวอ่อนระยะสุดท้ายโดยการฉีดโอโว (Williams, 2007) แนะนำให้ใช้วัคซีนชนิดไม่มีการลดทอนเชื้อเป็น Inovocox EM1 สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวอ่อนไก่เนื้อที่มีสุขภาพดีระหว่าง 18.0 ถึง 19.0 ดอย เพื่อป้องกันโรคบิด ดังนั้นความแม่นยำของการฉีด การเคลื่อนที่ของโอโอซิสต์ภายในเอ็มบริโอ และผลกระทบที่ตามมาต่อการเกิดเอ็มบริโอของไก่เนื้อและคุณภาพลูกไก่ที่ฟักออกมา ถูกตรวจสอบในไข่ที่ตั้งและฉีดแยกกัน 12 ชั่วโมงภายใต้เงื่อนไขการฟักตัวเดียวกัน รายงานก่อนหน้านี้โดย Sokale และคณะ . (2017a) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ ES ในการพิจารณาพัฒนาการทางสรีรวิทยาของตัวอ่อนอย่างแม่นยำ ในการศึกษาปัจจุบัน เอ็มบริโอในกลุ่ม 19.0 IAN มี ES สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวอ่อนในกลุ่ม 18.5 IAN สิ่งนี้บ่งชี้ว่า ณ เวลาที่ฉีดโอโว มีความแตกต่างพัฒนาการระหว่าง 2 กลุ่ม โดยเอ็มบริโอในกลุ่ม 19.0 IAN แสดงลักษณะพัฒนาการทางสรีรวิทยา ขั้นสูงมากขึ้น ความก้าวหน้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับในการวางตำแหน่งศีรษะและการเกิด pips ผ่านเยื่อหุ้มเปลือกไข่และเปลือกไข่อย่างเหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การใช้วัคซีนถุงไข่ที่มีชีวิตในไก่เนื้อกลายเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการควบคุมโรคโคคาดิโอซิส วัคซีนถุงไข่สดที่ใช้กันทั่วไปสามารถฉีดวัคซีนให้กับลูกไก่โดยใช้ตู้สเปรย์เมื่อฟักไข่หรือจนถึงภายหลัง
การฉีดตัวอ่อนในไข่ (Williams, 2007) แนะนำให้ใช้ Invocox EM1 ที่ไม่มีการฉีดวัคซีน
สำหรับภูมิคุ้มกันของตัวอ่อนไก่เนื้อที่แข็งแรงระหว่าง 18.0 ถึง 19.0 ดอยเพื่อป้องกันโรคโคคาดิโอซิส ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขการฟักเดียวกันในไข่ที่วางและฉีดในช่วงเวลา 12 ชั่วโมงความถูกต้องของการฉีดการเคลื่อนไหวของถุงไข่ในตัวอ่อนและผลกระทบที่ตามมาต่อการเกิดตัวอ่อนและคุณภาพของลูกไก่ฟักในไก่เนื้อได้รับการศึกษา รายงานก่อนหน้าของ Sokale et al. (2017a) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ ES ในการระบุการพัฒนาทางสรีรวิทยาของตัวอ่อนอย่างถูกต้อง ในการศึกษาปัจจุบันพบว่าตัวอ่อนในกลุ่ม IAN จำนวน 19.0 ตัว
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มไอเอ็น 18.5 คน แสดงให้เห็นว่าเมื่อฉีดเข้าไปภายในไข่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แผนงานถัดไป