ลูกเปตองการเล่นกีฬาเปตอง อุปกรณ์ที่

ลูกเปตอง

การเล่นกีฬาเปตอง อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด คือ ลูกบูล (Boule) หรือ ลูกเปตอง เนื่องจากลูกเปตองแต่ละลูก แต่ละประเภทมีความแตกต่างหลากหลายจะอธิบายได้ต่อไปนี้

1. ขนาด
ขนาดของลูกเปตองตามกติกาสากลกำหนดนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 70.05 มิลลิเมตร ไปจนถึง 80 มิลลิเมตร (ตามความจริงมีขนาด 71 - 80 มิลลิเมตร) ขนาดของลูกเปตองที่แตกต่างกันย่อมเหมาะสมกับมือของแต่ละคนว่าใช้เปตองขนาดใด โดยทั่วไปการเล่นลูกใหญ่กว่าจะได้เปรียบกว่าในการวัดคะแนน อย่างไรก็ดีในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเล่นกันอยู่ที่ขนาด 71 หรือ 72 มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเล็ก

2. น้ำหนัก
ลูกเปตองที่มีน้ำหนักมากกว่าจะบังคับให้หยุดหรือไหลไปได้มากกว่า เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ประกอบกับลูปเปตองที่หนักกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นได้ดีกว่าเนื่องจากน้ำหนัก จะถ่วงไม่ให้ลูกกระโดดมากจนเกินไปเมื่อพบสิงกีดขวาง

3. ลวดลาย
ลวด ลายบนลูกเปตองมีความหลากหลาย ตั้งแต่ลูกเรียบ ลูกลายเดี่ยว ลายคู่ ลายสาม จนไปถึงลายรังผึ้ง (ลายสิบ) ทั้งรูปแบบของลวดลายก็มีความแตกต่างกันด้วย ลวดลายของลูกเปตองจะช่วยในการควบคุมลูกเปตอง ลูกที่มีลายมากกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นผิวสนามได้ดีกว่า เรียกว่าเกาะสนามได้ดีกว่า และจะดูดมือกว่าลูกเรียบ

4. ความแข็ง
ความแข็งของลูกเปตองนั้นหลัก ๆ แยกได้เป็นแบบแข็งและอ่อน มีหน่วยเป็น กิโลกรัมต่อตารางมิลลิเมตร
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 110 kg/mm2 เรียกว่าลูกที่อ่อน หรือนิ่มมาก เหมาะสมกับสภาพสนามที่แข็ง
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 115 - 120 kg/mm2 เรียกว่าลูกกึ่งนิ่ม เหมาะสมกับสนามที่แข็งจนถึงเกือบแข็ง
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 130 - 140 kg/mm2 เรียกว่าลูกแข็ง เหมาะสมกับสภาพสนามที่นิ่มเรียบ จนถึงกึ่งนิ่มกึ่งแข็ง

การจะพิจารณาเลือกลูกเปตอง นอกจากให้มีความเหมาะสมกับสรีระของตนแล้ว ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเล่นของตนด้วย

มือตี หรือ มือยิง
ควรเลือกลูกที่ขนาดใหญ่ (72 mm ขึ้นไป) น้ำหนักเบา (ไม่เกิน 690 g) ลวดลายน้อย (0 หรือ 1) และความแข็งน้อย

มือวาง หรือ มือเข้า หรือ มือเกาะ
ควรเลือกลูกที่มีขนาดเล็ก (71 - 72 mm) น้ำหนักมาก (690 g ขึ้นไป) ลวดลายมาก (1 ขึ้นไป) ความแข็งแล้วแต่สภาพสนาม

เนื่อง จากในการแข่งขัน นักกีฬาสามารถใช้ลูกเปตองของตนเองได้ ดังนั้นจึงควรมีลูกเป็นของตนเองเพื่อความเคยชินอย่างน้อย 1 ชุด (3 ลูก) และควรเป็นลูกที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ (อ่านได้ในกติกาการเล่นเปตอง) ก่อนการเลือกซื้อลูกเปตองควรทำการศึกษาให้ดี เนื่องจากลูกเปตองมีราคาค่อนข้างสูง (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ) เพื่อเลือกลูกเปตองให้เหมาะสมกับตนเองที่สุด

ยี่ห้อที่ใช้กันเป็นสากลและถือว่าได้มาตรฐานประกอบด้วย
Obut (โอบุท)
JB (เจบี)
La Boule Noire
Int?grale (อังเตกรัล)
La Boule Bleu
Okaro
MS (เอ็มเอส)
(เรียงตามลำดับความนิยม)

ส่วนในประเทศไทยนิยมใช้ Obut มากที่สุด บ้างก็ใช้ Integral

ระยะ หลังมีการใช้ลูกยี่ห้อ La Franc Boule (ลาฟรองค์บูล), FBT (เอฟบีที), Plus Tong (พลัสตอง) และ Marathon (มาราธอน) ซึ่งเหล่านี้มีราคาย่อมเยาว์กว่า โดยยี่ห้อที่กล่าวเพิ่มเติมนี้บางยี่ห้อทางสมาพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยฯ อนุโลมให้ใช้ในการแข่งขันได้ แต่ในระดับสากลยังไม่ได้รับการรับรอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลูกเปตองการเล่นกีฬาเปตองอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดคือลูกบูล (Boule) หรือลูกเปตองเนื่องจากลูกเปตองแต่ละลูกแต่ละประเภทมีความแตกต่างหลากหลายจะอธิบายได้ต่อไปนี้1. ขนาด ขนาดของลูกเปตองตามกติกาสากลกำหนดนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 70.05 มิลลิเมตรไปจนถึง 80 มิลลิเมตร (ตามความจริงมีขนาด 71-80 มิลลิเมตร) ขนาดของลูกเปตองที่แตกต่างกันย่อมเหมาะสมกับมือของแต่ละคนว่าใช้เปตองขนาดใดโดยทั่วไปการเล่นลูกใหญ่กว่าจะได้เปรียบกว่าในการวัดคะแนนอย่างไรก็ดีในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเล่นกันอยู่ที่ขนาด 71 หรือ 72 มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเล็ก2. น้ำหนัก ลูกเปตองที่มีน้ำหนักมากกว่าจะบังคับให้หยุดหรือไหลไปได้มากกว่าเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกประกอบกับลูปเปตองที่หนักกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นได้ดีกว่าเนื่องจากน้ำหนักจะถ่วงไม่ให้ลูกกระโดดมากจนเกินไปเมื่อพบสิงกีดขวาง3. ลวดลาย ลวดลายบนลูกเปตองมีความหลากหลายตั้งแต่ลูกเรียบลูกลายเดี่ยวลายคู่ลายสามจนไปถึงลายรังผึ้ง (ลายสิบ) ทั้งรูปแบบของลวดลายก็มีความแตกต่างกันด้วยลวดลายของลูกเปตองจะช่วยในการควบคุมลูกเปตองลูกที่มีลายมากกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นผิวสนามได้ดีกว่าเรียกว่าเกาะสนามได้ดีกว่าและจะดูดมือกว่าลูกเรียบ4. ความแข็ง ความแข็งของลูกเปตองนั้นหลักๆ แยกได้เป็นแบบแข็งและอ่อนมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางมิลลิเมตร ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 110 กก./มม 2 ได้ภายเรียกว่าลูกที่อ่อนหรือนิ่มมากเหมาะสมกับสภาพสนามที่แข็ง ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 115 - 120 กก/มม 2 ได้ภายเรียกว่าลูกกึ่งนิ่มเหมาะสมกับสนามที่แข็งจนถึงเกือบแข็ง ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 130 - 140 กก./มม 2 ได้ภายเรียกว่าลูกแข็งเหมาะสมกับสภาพสนามที่นิ่มเรียบจนถึงกึ่งนิ่มกึ่งแข็งการจะพิจารณาเลือกลูกเปตองนอกจากให้มีความเหมาะสมกับสรีระของตนแล้วยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเล่นของตนด้วยมือตีหรือมือยิง ควรเลือกลูกที่ขนาดใหญ่ (72 มม.ขึ้นไป) น้ำหนักเบา (ไม่เกิน 690 g) ลวดลายน้อย (0 หรือ 1) และความแข็งน้อยมือวางหรือมือเข้าหรือมือเกาะ ควรเลือกลูกที่มีขนาดเล็ก (71-72 mm) น้ำหนักมาก (690 g ขึ้นไป) ลวดลายมาก (1 ขึ้นไป) ความแข็งแล้วแต่สภาพสนามเนื่องจากในการแข่งขันนักกีฬาสามารถใช้ลูกเปตองของตนเองได้ดังนั้นจึงควรมีลูกเป็นของตนเองเพื่อความเคยชินอย่างน้อย 1 ชุด (3 ลูก) และควรเป็นลูกที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ (อ่านได้ในกติกาการเล่นเปตอง) ก่อนการเลือกซื้อลูกเปตองควรทำการศึกษาให้ดีเนื่องจากลูกเปตองมีราคาค่อนข้างสูง (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ) เพื่อเลือกลูกเปตองให้เหมาะสมกับตนเองที่สุดยี่ห้อที่ใช้กันเป็นสากลและถือว่าได้มาตรฐานประกอบด้วย Obut (โอบุท)เจ (เจบี)นอยเร Boule ลาInt ? grale (อังเตกรัล)ลา Boule เบลอOkaroMS (เอ็มเอส)(เรียงตามลำดับความนิยม)ทฤษฎีบูรณาการส่วนในประเทศไทยนิยมใช้ Obut มากที่สุดบ้างก็ใช้ระยะหลังมีการใช้ลูกยี่ห้อ La Franc Boule (ลาฟรองค์บูล), FBT (เอฟบีที), บวกทอง (พลัสตอง) และมาราธอน (มาราธอน) ซึ่งเหล่านี้มีราคาย่อมเยาว์กว่าโดยยี่ห้อที่กล่าวเพิ่มเติมนี้บางยี่ห้อทางสมาพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยฯ อนุโลมให้ใช้ในการแข่งขันได้แต่ในระดับสากลยังไม่ได้รับการรับรอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลูกเปตองการเล่นกีฬาเปตองอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดคือลูกบูล (Boule) หรือลูกเปตองเนื่องจากลูกเปตองแต่ละลูก 70.05 มิลลิเมตรไปจนถึง 80 มิลลิเมตร (ตามความจริงมีขนาด 71-80 มิลลิเมตร) 71 หรือ 72 มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเล็ก2 เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ลวดลายลวดลายบนลูกเปตองมีความหลากหลายตั้งแต่ลูกลูกลายเรียบเดี่ยวลายคู่ลายสามจนไปถึงลายรังผึ้ง (ลายสิบ) เรียกว่าเกาะสนามได้ดีกว่าและจะดูดมือกว่าลูกเรียบ4 ๆ แยกได้เป็นแบบแข็งและอ่อนมีหน่วยเป็น 110 กก. / mm2 เรียกว่าลูกที่อ่อนหรือนิ่มมาก 115-120 กก. / mm2 เรียกว่าลูกกึ่งนิ่ม 130-140 กก. / mm2 เรียกว่าลูกแข็งเหมาะสมกับสภาพสนามที่นิ่มเรียบ หรือมือยิงลูกควรเลือกที่ขนาดใหญ่ (72 มิลลิเมตรขึ้นไป) น้ำหนักเบา (ไม่เกิน 690 กรัม) ลวดลายน้อย (0 หรือ 1) และความแข็งน้อยมือวางหรือมือหรือเข้ามือเกาะควรเลือกลูกที่มีขนาดเล็ก ( 71-72 มิลลิเมตร) น้ำหนักมาก (690 กรัมขึ้นไป) ลวดลายมาก (1 ขึ้นไป) ความแข็งแล้วแต่สภาพสนามเนื่องจากในการแข่งขัน 1 ชุด (3 ลูก) (อ่านได้ในกติกาการเล่นเปตอง) (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ) (โอบุท) เจ (เจบี) La Boule Noire Int? grale (อังเตกรัล) La Boule Bleu Okaro MS OBUT มากที่สุดบ้างก็ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญระยะหลังมีการใช้ลูกยี่ห้อ La Boule ฟรังก์ (ลาฟรองค์บูล), เอฟบีที (เอฟบีที) พลัสตอง (พลัสตอง) และมาราธอน (มาราธอน) ซึ่งเหล่านี้มีราคา ย่อมเยาว์กว่า อนุโลมให้ใช้ในการแข่งขันได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลูกเปตอง

การเล่นกีฬาเปตองอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดความลูกบูล ( ลูก ) ค็อคลูกเปตองเนื่องจากลูกเปตองแต่ละลูกแต่ละประเภทมีความแตกต่างหลากหลายจะอธิบายได้ต่อไปนี้

1 Friday '
ขนาดของลูกเปตองตามกติกาสากลกำหนดนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 7005 มิลลิเมตรไปจนถึง 80 มิลลิเมตร ( ตามความจริงมีขนาด 71 - 80 มิลลิเมตร ) ขนาดของลูกเปตองที่แตกต่างกันย่อมเหมาะสมกับมือของแต่ละคนว่าใช้เปตองขนาดใดโดยทั่วไปการเล่นลูกใหญ่กว่าจะได้เปรียบกว่าในการวัดคะแนน71 72 มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเล็ก
ค็อค
2 . น้ำหนัก
ลูกเปตองที่มีน้ำหนักมากกว่าจะบังคับให้หยุดหรือไหลไปได้มากกว่าเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกประกอบกับลูปเปตองที่หนักกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นได้ดีกว่าเนื่องจากน้ำหนัก
3 ลวดลาย
ลวดลายบนลูกเปตองมีความหลากหลายตั้งแต่ลูกเรียบลูกลายเดี่ยวลายคู่ลายสามจนไปถึงลายรังผึ้ง ( ลายสิบ ) ทั้งรูปแบบของลวดลายก็มีความแตกต่างกันด้วยลวดลายของลูกเปตองจะช่วยในการควบคุมลูกเปตองเรียกว่าเกาะสนามได้ดีกว่าและจะดูดมือกว่าลูกเรียบ

4 ความแข็ง
ความแข็งของลูกเปตองนั้นหลักจะแยกได้เป็นแบบแข็งและอ่อนมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางมิลลิเมตร
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 110 กก. / แน่นเรียกว่าลูกที่อ่อนหรือนิ่มมากเหมาะสมกับสภาพสนามที่แข็ง