My Name is Asher Lev is a novel by

My Name is Asher Lev is a novel by Chaim Potok. It is based on a boy named Asher Lev and his years of growing up and his love for the arts.

The book also focuses on what Asher loved the most which is arts and paintings. Asher was very talented in painting and drawing; he loved the arts deeply too. Art was a way of Asher expressing his feeling, whenever he felt unhappy he would just start drawing. Asher's drawings would sometimes get him in trouble with his family, community and religion.

Asher lived in a Jewish community, it was a Ladover Hasidic community. Everyone in Asher's community was close like a big family and Rebbe was their leader who advised them. Asher lived with his father, Aryeh, and his mother, Rivkeh. Aryeh was an emissary of the community, so he was a very important man to the community. Sometimes they would have to move away from their home because of his job. Asher would get depressed and wouldn't want to go. So he would talk with the Rebbe about not going and Asher and his mother would stay behind. But Asher's mother would sometimes miss her husband and the Rebbe advised her to go meet her husband while Asher stayed behind with his Uncle Yitzchok. While they were gone he met Jacob Kahn, a very good artist, and got even more involved in art. Kahn mentored him in his art skills, while his Uncle Yitzchok also pushed him by making his attic into an art studio for him.

After years passed, Asher's parents came back from Europe. He was then in college. When his parents came back, he found it weird staying with them. So he then began to travel and go off and pursue his love of art even more. He went to Florence and he loved the artwork there. He especially loves Michelangelo's drawing called the Pieta and he was fascinated with the crucifix.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชื่อของฉันคือ ลิฟเยเชอร์เป็นนวนิยายที่เขียน โดย Chaim Potok มันจะขึ้นอยู่กับเด็กผู้ชายชื่อลิฟเยเชอร์และปีเขาเติบโตขึ้นและเขารักศิลปะหนังสือเล่มนี้ยังเน้นในสิ่งเชอร์รักมากที่สุดซึ่งเป็นศิลปะและภาพวาด เชอร์มีพรสวรรค์มากในจิตรกรรมและวาด รักศิลปะลึกเกินไป ศิลปะเป็นวิธีแสดงความรู้สึกของเขา เมื่อใดก็ ตามที่เขารู้สึกไม่มีความสุขเขาเพิ่งจะเริ่มต้นวาดเชอร์ ภาพวาดของเชอร์จะบางได้เขาปัญหาของครอบครัว ชุมชน และศาสนาเชอร์ที่อาศัยอยู่ในชุมชนชาวยิว มันเป็นชุมชน Ladover Hasidic ทุกคนในชุมชนของเชอร์ถูกปิดเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ และ Rebbe เป็นผู้นำของเขาที่ควรได้ เชอร์อาศัยอยู่ กับบิดา Aryeh แม่ Rivkeh Aryeh เป็นทูตไปยังชุมชน ให้เขาเป็นคนสำคัญมากของประชาคม บางครั้งพวกเขาจะต้องย้ายออกจากบ้านของพวกเขาเนื่องจากงานของเขา เชอร์จะได้รับต่ำ และไม่ต้องการ ดังนั้น เขาจะคุยกับ Rebbe ที่กำลังไม่ และเชอร์และแม่ของเขาจะอยู่เบื้องหลัง แต่บางครั้งแม่ของเชอร์จะคิดถึงสามี และ Rebbe แนะนำเธอไปพบกับสามีในขณะที่เชอร์อยู่เบื้องหลังกับ Yitzchok ลุงของเขา ในขณะที่พวกเขาหายไป เขาพบยาโคบคาห์น ศิลปินดี และมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นในศิลปะ คาห์นพวกเขาในทักษะศิลปะของเขา ในขณะที่ Yitzchok ลุงเขายังผลักดันเขา โดยการทำถังห้องใต้หลังคาของเขาในสตูดิโอศิลปะที่เขาหลังจากผ่านปี พ่อแม่ของเชอร์กลับมาจากยุโรป เขาได้แล้วในวิทยาลัย เมื่อพ่อกลับมา เขาพบมันแปลกอยู่กับพวกเขา ดังนั้นเขาเริ่มเดินทาง และออก แล้วไล่เขารักศิลปะมากยิ่งขึ้น เขาไปฟลอเรนซ์ และรักงานศิลปะมี เขารักของ Michelangelo วาดเรียกว่า Pieta และเขาหลงใหล crucifix

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชื่อของฉันคือแอชเชอร์เลฟเป็นนวนิยายโดยไคม์ Potok มันขึ้นอยู่กับเด็กผู้ชายที่ชื่อแอชเชอร์เลฟและปีที่ผ่านมาของการเจริญเติบโตและความรักของเขาสำหรับศิลปะ. หนังสือเล่มนี้ยังมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่แอชเชอร์ที่รักมากที่สุดซึ่งเป็นศิลปะและภาพวาด แอชเชอร์ก็มีความสามารถมากในการวาดภาพและการวาดภาพ; เขารักศิลปะได้อย่างล้ำลึกเกินไป ศิลปะทางอาเชอร์แสดงความรู้สึกของเขาเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกว่าไม่มีความสุขเขาก็จะเริ่มต้นการวาดภาพ ภาพวาดแอชบางครั้งจะได้รับเขามีปัญหากับครอบครัวของเขาชุมชนและศาสนา. แอชเชอร์อาศัยอยู่ในชุมชนชาวยิวมันเป็น Ladover ชุมชน Hasidic ทุกคนในชุมชนแอชอยู่ใกล้เหมือนครอบครัวใหญ่และ Rebbe เป็นหัวหน้าของพวกเขาที่พวกเขาได้รับคำแนะนำ แอชอาศัยอยู่กับพ่อของเขา Aryeh และแม่ของเขา Rivkeh Aryeh เป็นทูตของชุมชนเพื่อให้เขาเป็นคนที่สำคัญมากให้กับชุมชน บางครั้งพวกเขาจะต้องย้ายออกจากบ้านของพวกเขาเพราะงานของเขา แอชเชอร์จะได้รับความสุขและไม่อยากที่จะไป ดังนั้นเขาจะพูดคุยกับ Rebbe เกี่ยวกับการไม่ได้ไปและแอชเชอร์และแม่ของเขาจะอยู่ข้างหลัง แต่แม่ของแอชจะพลาดบางครั้งสามีของเธอและ Rebbe แนะนำให้เธอไปพบกับสามีของเธอในขณะที่แอชอยู่ข้างหลังกับลุงของเขายิทช็อก ขณะที่พวกเขาก็หายไปเขาได้พบกับจาค็อบคาห์นเป็นศิลปินที่ดีมากและมีส่วนร่วมมากขึ้นแม้ในงานศิลปะ คาห์น mentored เขาในทักษะงานศิลปะของเขาในขณะที่ลุงยิทช็อกของเขายังผลักเขาโดยการทำห้องใต้หลังคาของเขาเข้าไปในสตูดิโอศิลปะสำหรับเขา. หลังจากที่ปีที่ผ่านมาพ่อแม่ของแอชเชอร์กลับมาจากยุโรป แล้วเขาก็เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เมื่อพ่อแม่ของเขากลับมาเขาพบว่ามันแปลก ๆ อยู่กับพวกเขา ดังนั้นเขาก็เริ่มที่จะเดินทางไปและออกไปและไล่ตามความรักของเขาของศิลปะมากยิ่งขึ้น เขาเดินไปที่ฟลอเรนซ์และเขารักงานศิลปะที่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารักการวาดภาพของเกลันเจโลที่เรียกว่า Pieta และเขาก็หลงใหลกับไม้กางเขน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชื่อของฉันคืออาเชอร์เลฟ เป็นนวนิยายโดยชา ม โปตอค . มันขึ้นอยู่กับผู้ชายที่ชื่ออาเชอร์และ Lev ปีของเขาเติบโตขึ้น และความรักของเขาสำหรับศิลปะ

หนังสือเล่มนี้ยังเน้นว่าอาเชอร์หลงรักมากที่สุดซึ่งเป็นศิลปะและภาพวาด อาเชอร์มีความสามารถมากในจิตรกรรมและการวาดภาพ เขารักศิลปะอย่างลึกซึ้งด้วย ศิลปะเป็นวิธีของอาเชอร์ expressing ความรู้สึกของเขาเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกว่าไม่มีความสุข เขาเพิ่งจะเริ่มต้นการวาดภาพ อาเชอร์เป็นรูปวาดบางครั้งจะทำให้เขามีปัญหากับครอบครัว ชุมชน และศาสนา

อาเชอร์ อาศัยอยู่ในชุมชนชาวยิว มันเป็น ladover Hasidic ในชุมชน ทุกคนในชุมชนใกล้เคียง เช่น อาเชอร์เป็นครอบครัวใหญ่ และ rebbe คือผู้นำที่แนะนำให้พวกเขา อาเชอร์อาศัยอยู่กับบิดาของเขา aryeh และ แม่ rivkeh ของเขาaryeh เป็นทูตของชุมชน ดังนั้น เขาเป็นบุคคลสำคัญในชุมชน บางครั้งพวกเขาจะต้องย้ายออกจากบ้านเพราะงานของเขา อาเชอร์จะได้รับหดหู่และไม่อยากไป ดังนั้นเขาจะได้พูดคุยกับ rebbe เกี่ยวกับไม่อาเชอร์และแม่ของเขาจะอยู่ข้างหลังแต่แม่ของอาเชอร์คือบางครั้งจะคิดถึงสามีของเธอและ rebbe แนะนำให้เธอไปพบสามีของเธอ ขณะที่อาเชอร์อยู่กับลุงของเขา yitzchok . ในขณะที่พวกเขาได้ไปเจอเจคอบ คาห์น เป็นศิลปินที่ดีมาก และยังได้เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ คาห์น mentored เขามีฝีมือในศิลปะของเขา ในขณะที่ลุง yitzchok ยังผลักเขาให้ห้องใต้หลังคาของเขาเป็นสตูดิโอศิลปะเขา

หลังจากปีผ่านไปพ่อแม่ของอาเชอร์ก็กลับมาจากยุโรป เขาก็อยู่ที่วิทยาลัย เมื่อพ่อแม่ของเขากลับมา เขาพบว่ามันแปลก ๆอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะเดินทางไปและติดตามความรักของเขาของศิลปะมากขึ้น เขาไป Florence และเขารักงานศิลปะมี เขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักของ Michelangelo วาดเรียกว่าปีเอตาและเขาก็หลงใหลกับกางเขนแล้ว