Several philosophers and researcher

Several philosophers and researchers outlined historical and social factors supporting the evolution of democracy. Cultural factors like Protestantism influenced the development of democracy, rule of law, human rights and political liberty (the faithful elected priests, religious freedom and tolerance has been practiced).

Others mentioned the influence of wealth (e.g. S. M. Lipset, 1959). In a related theory, Ronald Inglehart suggests that the increase in living standards has convinced people that they can take their basic survival for granted, and led to increased emphasis on self-expression values, which is highly correlated to democracy.[133]

Carroll Quigley concludes that the characteristics of weapons are the main predictor of democracy:[134][135] Democracy tends to emerge only when the best weapons available are easy for individuals to buy and use.[136] By the 1800s, guns were the best weapon available, and in America, almost everyone could afford to buy a gun, and could learn how to use it fairly easily. Governments couldn't do any better: It became the age of mass armies of citizen soldiers with guns[136] Similarly, Periclean Greece was an age of the citizen soldier and democracy.[137]

Recently established theories stress the relevance of education and human capital and within them of cognitive ability to increasing tolerance, rationality, political literacy and participation. Two effects of education and cognitive ability are distinguished: a cognitive effect (competence to make rational choices, better information processing) and an ethical effect (support of democratic values, freedom, human rights etc.), which itself depends on intelligence.[138][139][140]

Evidence that is consistent with conventional theories of why democracy emerges and is sustained has been hard to come by. Recent statistical analyses have challenged modernisation theory by demonstrating that there is no reliable evidence for the claim that democracy is more likely to emerge when countries become wealthier, more educated, or less unequal.[141] Neither is there convincing evidence that increased reliance on oil revenues prevents democratisation, despite a vast theoretical literature called "The Resource Curse" that asserts that oil revenues sever the link between citizen taxation and government accountability, the key to representative democracy.[142] The lack of evidence for these conventional theories of democratisation have led researchers to search for the "deep" determinants of contemporary political institutions, be they geographical or demographic.[143][144]

In the 21st century, democracy has become such a popular method of reaching decisions that its application beyond politics to other areas such as entertainment, food and fashion, consumerism, urban planning, education, art, literature, science and theology has been criticised as "the reigning dogma of our time".[145] The argument is that applying a populist or market-driven approach to art and literature for example, means that innovative creative work goes unpublished or unproduced. In education, the argument is that essential but more difficult studies are not undertaken. Science, which is a truth-based discipline, is particularly corrupted by the idea that the correct conclusion can be arrived at by popular vote.

Robert Michels asserts that although democracy can never be fully realised, democracy may be developed automatically in the act of striving for democracy: "The peasant in the fable, when on his death-bed, tells his sons that a treasure is buried in the field. After the old man's death the sons dig everywhere in order to discover the treasure. They do not find it. But their indefatigable labor improves the soil and secures for them a comparative well-being. The treasure in the fable may well symbolise democracy."[146]

Dr. Harald Wydra, in his book Communism and The Emergence of Democracy, maintains that the development of democracy should not be viewed as a purely procedural or as a static concept but rather as an ongoing "process of meaning formation".[147] Drawing on Claude Lefort's idea of the empty place of power, that "power emanates from the people [...] but is the power of nobody", he remarks that democracy is reverence to a symbolic mythical authority as in reality, there is no such thing as the people or demos. Democratic political figures are not supreme rulers but rather temporary guardians of an empty place. Any claim to substance such as the collective good, the public interest or the will of the nation is subject to the competitive struggle and times of for gaining the authority of office and government. The essence of the democratic system is an empty place, void of real people which can only be temporarily filled and never be appropriated. The seat of power is there, but remains open to constant change. As such, what "democracy" is or what is "democratic" progresses throughout history as a continual and potentially never ending process of social construction.[citation needed]

In 2010 a study by a German military think tank has analyzed how peak oil might change the global economy. The study raises fears for the survival of democracy itself. It suggests that parts of the population could perceive the upheaval triggered by peak oil as a general systemic crisis. This would create "room for ideological and extremist alternatives to existing forms of government".[148]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักปรัชญาและนักวิจัยหลายอธิบายปัจจัยทางสังคม และประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนวิวัฒนาการของประชาธิปไตย ปัจจัยทางวัฒนธรรมเช่นโปรเตสแตนต์ที่มีผลต่อการพัฒนาประชาธิปไตย กฎของกฎหมาย สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพทางการเมือง (ซื่อสัตย์เลือกพระสงฆ์ เสรีภาพทางศาสนา และยอมรับได้รับการฝึกฝน)คนอื่นกล่าวถึงอิทธิพลของทรัพย์สิน (เช่น S. M. Lipset, 1959) ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง โรนัลด์ Inglehart แนะนำว่า เพิ่มคุณภาพชีวิตมีความเชื่อมั่นคนที่พวกเขาสามารถนำไปใช้การอยู่รอดขั้นพื้นฐานของพวกเขาให้ และนำไปสู่การเน้นเพิ่มค่า self-expression ซึ่งเป็นสูง correlated เพื่อประชาธิปไตย[133]คาร์ Quigley สรุปลักษณะของอาวุธใช้จำนวนประตูหลักของประชาธิปไตย: [134] [135] ประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะ เกิดเฉพาะ เมื่ออาวุธสุดจะง่ายสำหรับการซื้อ และใช้[136] โดยเพราะ ปืนมีอาวุธดี และในอเมริกา เกือบทุกคนจะสามารถซื้อปืน และสามารถเรียนรู้วิธีการใช้ง่ายค่อนข้าง รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ที่ดีกว่า: มันเป็นยุคของกองทัพโดยรวมของประชาชนทหารกับปืน [136] ในทำนองเดียวกัน Periclean กรีซเป็นอายุของทหารพลเมืองและประชาธิปไตย[137]เพิ่ง ก่อตั้งทฤษฎีความเครียดที่เกี่ยวข้อง ของการศึกษาและทุนมนุษย์ และพวกเขาสามารถรับรู้การยอมรับเพิ่มขึ้น rationality วัดเมือง และมีส่วนร่วม 2 ผลของการศึกษาและความสามารถในการรับรู้แตกต่าง: ผลกระทบต่อการรับรู้ (ความสามารถจะเลือกเชือด ประมวลผลข้อมูลที่ดีขึ้น) และผลกระทบด้านจริยธรรม (สนับสนุนค่าประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนฯลฯ), ใดนั้นขึ้นอยู่กับปัญญา[138][139][140]หลักฐานที่สอดคล้องกับทฤษฎีทั่วไปทำไมประชาธิปไตยขึ้น และจะยั่งยืน ได้ยากมา วิเคราะห์ทางสถิติล่าสุดได้ท้าทายทฤษฎี modernisation โดยเห็นว่า มีหลักฐานไม่น่าเชื่อถือสำหรับการเรียกร้องที่ประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะเกิดเมื่อเป็นประเทศ wealthier มีการศึกษา หรือน้อยไม่เท่ากัน[141] จะไม่มีหลักฐานน่าเชื่อถือที่พึ่งน้ำมันรายได้เพิ่มป้องกัน democratisation แม้จะเป็นใหญ่ทฤษฎีวรรณกรรมเรียกว่า "ทรัพยากรการสาปแช่ง" ที่ยืนยันว่า น้ำมัน รายได้ตัดการเชื่อมโยงระหว่างภาษีพลเมืองและความรับผิดชอบรัฐบาล หลักสำคัญของประชาธิปไตยตัวแทน[142] ขาดหลักฐานสำหรับเหล่านี้ทฤษฎีทั่วไปของ democratisation ได้นำนักวิจัยเพื่อค้นหาดีเทอร์มิแนนต์ "ลึก" ของสถาบันทางการเมืองร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นทางภูมิศาสตร์ หรือประชากร[143][144]ในศตวรรษที่ 21 ประชาธิปไตยได้กลายเป็น วิธีดังกล่าวนิยมการถึงตัดสินว่า โปรแกรมประยุกต์ของนอกเหนือจากเมืองไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่นบันเทิง อาหาร และแฟชั่น บริโภคนิยม การวางผังเมือง การศึกษา ศิลปะ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ และศาสนศาสตร์ได้ถูก criticised เป็น "เชื่อครองราชย์เวลาของเรา"[145] เป็นอาร์กิวเมนต์ที่ใช้เป็นแนวทางขับ เคลื่อนการตลาด หรือประชานิยมกับศิลปะ และวรรณคดีเช่น หมายความ ว่า งานสร้างสรรค์นวัตกรรมไปยกเลิกประกาศ หรือ unproduced ในการศึกษา อาร์กิวเมนต์เป็นที่ศึกษายาก แต่จำเป็นจะไม่ดำเนินการ วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวินัยที่ใช้จริง เสียหาย โดยความคิดที่สามารถจะมาถึงข้อสรุปที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามคะแนนนิยมMichels โรเบิร์ตยืนยันว่า แม้ว่าประชาธิปไตยสามารถไม่ได้ทั้งหมดเองก็ยังคิด ประชาธิปไตยอาจพัฒนาขึ้นโดยอัตโนมัติในการกระทำของความมุ่งมั่นเพื่อประชาธิปไตย: "ชาวนาในนิทาน บนความตายเตียง บอกบุตรว่า สมบัติฝังอยู่ในฟิลด์ หลังความตายของชายชรา บุตรขุดทุกการค้นพบสมบัติ พวกเขาไม่พบมัน แต่แรงงานของพวกเขา indefatigable ปรับปรุงดิน และยึดไว้การเปรียบเทียบความเป็น สมบัติในนิทานอาจดีท่วงท่าประชาธิปไตย"[146]ดร. Harald Wydra ในหนังสือคอมมิวนิสต์และที่เกิดของประชาธิปไตย เขารักษาว่า การพัฒนาประชาธิปไตยไม่ควรมองว่า เป็นขั้นตอนเพียงอย่างเดียว หรือ เป็นแนวคิดที่คง แต่ค่อนข้าง เป็นอย่างต่อเนื่อง "กระบวนการของการก่อตัวความหมาย"[147] วาดบนโคลด Lefort ความคิดว่างเปล่าของพลังงาน ที่ "พลังงาน emanates จากคน [...] แต่เป็นอำนาจของใคร" เขาหมายเหตุว่า ประชาธิปไตยคือ ความเคารพเก็บตำนานเป็นสัญลักษณ์ในความเป็นจริง ไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นคนหรือเป็นตัวอย่าง ตัวเลขการเมืองประชาธิปไตยไม่ไม้สูงสุดแต่ผู้ปกครองชั่วคราวแทนที่จะเป็นที่ว่างเปล่า เรียกร้องใด ๆ ของสารเช่นดีรวม ประโยชน์สาธารณะ หรือของชาติเป็นการต่อสู้แข่งขันและเวลาของการได้รับอำนาจของรัฐบาลและสำนักงาน สาระสำคัญของระบบประชาธิปไตยเป็นสถานว่าง โมฆะของคนจริงที่สามารถชั่วคราวกรอก และไม่สามารถจัดสรร ของพลังงานมี แต่ยังคงเปิดให้เปลี่ยนคง เช่น คืออะไร "ประชาธิปไตย" หรือเป็น "ประชาธิปไตย" ดำเนินไปตลอดประวัติศาสตร์เป็นแบบอย่างต่อเนื่องและอาจไม่เคยสิ้นสุดขั้นตอนการก่อสร้างทางสังคม[ต้องการอ้างอิง]ในปี 2553 ศึกษา โดยถังคิดว่าทหารเยอรมันได้วิเคราะห์ว่าน้ำมันสูงสุดอาจเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก การศึกษาเพิ่มความกลัวเพื่อความอยู่รอดของประชาธิปไตยเอง แนะนำว่า ส่วนของประชากรสามารถสังเกตแรงกระเพื่อมที่ทริกเกอร์ โดยน้ำมันสูงสุดเป็นวิกฤตระบบทั่วไป นี้จะสร้าง "ห้องแทนอุดมการณ์ และโต่งฟอร์มที่มีอยู่ของรัฐบาล"[148]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักปรัชญาหลายคนและนักวิจัยที่ระบุปัจจัยทางประวัติศาสตร์และทางสังคมที่สนับสนุนการวิวัฒนาการของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ปัจจัยทางวัฒนธรรมเช่นโปรเตสแตนต์อิทธิพลต่อการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยกฎของกฎหมายสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางการเมือง (ซื่อสัตย์พระสงฆ์ได้รับการเลือกตั้งเสรีภาพทางศาสนาและความอดทนได้รับการฝึก). อื่น ๆ ที่กล่าวถึงอิทธิพลของความมั่งคั่ง (เช่นเอสเอ็ม Lipset 1959) ในทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับโรนัลด์ Inglehart แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของมาตรฐานการดำรงชีวิตมีความเชื่อมั่นว่าคนที่พวกเขาสามารถใช้อยู่รอดขั้นพื้นฐานของพวกเขาสำหรับการรับและนำไปสู่การให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นในค่าการแสดงออกซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างมากในการปกครองระบอบประชาธิปไตย. [133] แครอลควิกลีย์ สรุปว่าลักษณะของอาวุธที่มีการทำนายหลักของประชาธิปไตย:. [134] [135] ประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะเกิดเฉพาะเมื่ออาวุธที่ดีที่สุดที่มีอยู่ง่ายสำหรับบุคคลที่จะซื้อและใช้ [136] โดยปี 1800, ปืนอาวุธที่ดีที่สุด พร้อมใช้งานและในอเมริกาเกือบทุกคนสามารถจะซื้อปืนและสามารถเรียนรู้วิธีการใช้งานค่อนข้างง่าย รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ที่ดีกว่า: มันจะกลายเป็นยุคของกองทัพมวลของทหารพลเมืองด้วยปืน [136] ในทำนองเดียวกัน Periclean กรีซอายุของทหารประชาชนและประชาธิปไตย [137]. ทฤษฎีเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่จัดตั้งขึ้นเน้นความเกี่ยวข้องของการศึกษาและมนุษย์ เงินทุนและภายในพวกเขาของความสามารถทางปัญญาที่จะอดทนเพิ่มขึ้นเหตุผลความรู้ทางการเมืองและการมีส่วนร่วม สองผลกระทบของการศึกษาและความสามารถทางปัญญามีความโดดเด่น: ผลกระทบที่มีองค์ความรู้ (ความสามารถในการตัดสินใจที่มีเหตุผลในการประมวลผลข้อมูลที่ดีกว่า) และผลกระทบทางจริยธรรม (การสนับสนุนของค่านิยมทางประชาธิปไตยเสรีภาพสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ) ที่ตัวเองขึ้นอยู่กับหน่วยสืบราชการลับ [138. ] [139] [140] หลักฐานที่แสดงว่ามีความสอดคล้องกับทฤษฎีเดิมที่ว่าทำไมประชาธิปไตยโผล่ออกมาและจะยั่งยืนได้ยากที่จะมาด้วย วิเคราะห์ทางสถิติล่าสุดมีความท้าทายทฤษฎีความทันสมัยโดยแสดงให้เห็นว่าไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการเรียกร้องประชาธิปไตยที่มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเกิดขึ้นเมื่อประเทศกลายเป็นรวยการศึกษามากขึ้นหรือน้อยไม่เท่ากัน. [141] ทั้งที่มีหลักฐานน่าเชื่อว่าเพิ่มการพึ่งพาน้ำมัน รายได้จากการป้องกันไม่ให้เป็นประชาธิปไตยแม้จะวรรณกรรมทฤษฎีใหญ่ที่เรียกว่า "คำสาปทรัพยากร" ที่อ้างว่ารายได้จากน้ำมันตัดการเชื่อมโยงระหว่างการจัดเก็บภาษีของประชาชนและความรับผิดชอบของรัฐบาลที่สำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยตัวแทน. [142] ขาดหลักฐานสำหรับทฤษฎีการชุมนุมเหล่านี้มีความเป็นประชาธิปไตย ทำให้นักวิจัยเพื่อค้นหา "ลึก" ปัจจัยของสถาบันทางการเมืองร่วมสมัยไม่ว่าจะเป็นทางภูมิศาสตร์หรือกลุ่มผู้เข้าชม. [143] [144] ในศตวรรษที่ 21 ประชาธิปไตยดังกล่าวได้กลายเป็นวิธีที่นิยมของการเข้าถึงการตัดสินใจว่าโปรแกรมที่นอกเหนือการเมืองยังพื้นที่อื่น ๆ เช่นบันเทิงอาหารและแฟชั่น, การคุ้มครองผู้บริโภค, การวางผังเมือง, การศึกษา, ศิลปะวรรณกรรมวิทยาศาสตร์และเทววิทยาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น "ความเชื่อครองราชย์ของเวลาของเรา". [145] โต้แย้งก็คือการใช้วิธีการประชานิยมหรือการตลาดที่ขับเคลื่อน ศิลปะและวรรณกรรมเช่นหมายความว่างานสร้างสรรค์นวัตกรรมไปไม่ได้พิมพ์หรือ unproduced ในด้านการศึกษาการโต้แย้งว่าการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยากมากขึ้นที่ไม่ได้ดำเนินการ วิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นวินัยความจริงตามที่เสียหายโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ว่าข้อสรุปที่ถูกต้องสามารถมาถึงที่ด้วยคะแนนนิยม. โรเบิร์ตยะอ้างว่าแม้ว่าระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถรู้อย่างเต็มที่ประชาธิปไตยอาจจะพัฒนาโดยอัตโนมัติในการกระทำของความมุ่งมั่น เพื่อประชาธิปไตย. "ชาวนาในนิทานเมื่อตายเตียงของเขาบอกว่าลูกชายของเขาที่สมบัติถูกฝังอยู่ในสนามหลังจากการเสียชีวิตของชายชราลูกหลานขุดทุกที่เพื่อที่จะค้นพบสมบัติที่พวกเขาพบว่ามันไม่. . แต่แรงงานไม่ย่อท้อของพวกเขาปรับปรุงดินและยึดสำหรับพวกเขาเปรียบเทียบเป็นอยู่ที่ดี. สมบัติในนิทานดีอาจเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย. "[146] ดร. แฮรัลด์ Wydra ในหนังสือคอมมิวนิสต์ของเขาและการเกิดขึ้นของประชาธิปไตย, ยืนยันว่าการพัฒนาประชาธิปไตยไม่ควรถูกมองว่าเป็นขั้นตอนอย่างหมดจดหรือเป็นแนวคิดแบบคงที่ แต่เป็นอย่างต่อเนื่อง "กระบวนการของการก่อความหมาย". [147] วาดต่อ Claude ความคิด Lefort ของสถานที่ว่างเปล่าของพลังงานที่ "อำนาจเล็ดลอดออกมาจากคน [... ] แต่เป็นอำนาจของใคร" เขาพูดว่าประชาธิปไตยคือความเคารพต่อผู้มีอำนาจที่เป็นตำนานเป็นสัญลักษณ์ในความเป็นจริงไม่มีสิ่งเช่น คนหรือสาธิต ตัวเลขทางการเมืองประชาธิปไตยไม่ได้ผู้ปกครองสูงสุด แต่ผู้ปกครองชั่วคราวค่อนข้างสถานที่ว่างเปล่า เรียกร้องใด ๆ เช่นสารที่ดีรวมความสนใจของประชาชนหรือความประสงค์ของประเทศอาจมีการต่อสู้ในการแข่งขันและเวลาของเพื่อดึงดูดผู้มีอำนาจของสำนักงานและรัฐบาล สาระสำคัญของระบอบประชาธิปไตยเป็นสถานที่ว่างเปล่าเป็นโมฆะของคนจริงซึ่งจะเต็มไปชั่วคราวและไม่เคยได้รับการจัดสรร ที่นั่งของอำนาจจะมี แต่ยังคงเปิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเช่นนี้สิ่งที่ "ประชาธิปไตย" หรือสิ่งที่เป็น "ประชาธิปไตย" ความคืบหน้าตลอดประวัติศาสตร์เป็นอย่างต่อเนื่องและอาจไม่เคยสิ้นสุดกระบวนการของการก่อสร้างทางสังคม. [อ้างจำเป็น] ในปี 2010 การศึกษาโดยว่ารถถังกองทัพเยอรมันได้วิเคราะห์ว่าน้ำมันสูงสุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจโลก การศึกษาทำให้เกิดความกลัวเพื่อความอยู่รอดของระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง มันแสดงให้เห็นว่าบางส่วนของประชากรที่สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เรียกโดยน้ำมันสูงสุดเป็นวิกฤตระบบทั่วไป นี้จะสร้าง "ห้องหาทางเลือกและอุดมการณ์หัวรุนแรงในรูปแบบที่มีอยู่ของรัฐบาล". [148]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลายนักปรัชญาและนักวิจัยอธิบายประวัติศาสตร์สังคมและปัจจัยสนับสนุนการวิวัฒนาการของประชาธิปไตย ปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น ศาสนาคริสต์มีอิทธิพลต่อการพัฒนาประชาธิปไตย หลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในทางการเมือง ( ซื่อเลือกพระสงฆ์ , เสรีภาพทางศาสนาและความอดทนได้รับการฝึก )

คนอื่นกล่าวถึงอิทธิพลของความมั่งคั่ง ( เช่น เอส เอ็ม lipset 1959 )ในทฤษฎี โรนัลด์ inglehart แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มมาตรฐานการครองชีพจะทำให้คนที่พวกเขาสามารถใช้พื้นฐานของการอยู่รอดได้ และก่อให้เกิดการเพิ่มคุณค่าโดยเน้นการแสดงออกซึ่งมีความสัมพันธ์กับประชาธิปไตย [ 133 ]

แคร์โรลล์ ควิกลีย์พบว่าคุณลักษณะของอาวุธเป็นหลักทำนายของประชาธิปไตย :[ 134 ] [ 135 ] ประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะเกิดเฉพาะเมื่อที่ดีที่สุด อาวุธที่ใช้ได้ง่ายสำหรับบุคคลที่จะซื้อและใช้ [ 136 ] โดยปี 1800 , ปืนเป็นอาวุธที่ดีที่สุดที่สามารถใช้ได้ และในอเมริกา เกือบทุกคนสามารถซื้อปืนและได้เรียนรู้วิธีที่จะใช้มันได้ค่อนข้างง่าย รัฐบาลไม่ได้ทำใด ๆที่ดีกว่า : มันเป็นอายุของมวลของทหารกองทัพประชาชนด้วยปืน [ 136 ] เช่นเดียวกันpericlean กรีซเป็นอายุของประชาชนทหารและประชาธิปไตย [ 137 ]

ก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็ว ๆนี้ทฤษฎีความเครียด ความเกี่ยวข้องของการศึกษาและทุนมนุษย์ และภายในของความสามารถในการรับรู้ การยอมรับเหตุผล การเมือง ความรู้ และการมีส่วนร่วม 2 ผลของการศึกษาและความสามารถในการคิดมีความโดดเด่น : ผลทางปัญญา ( ความสามารถให้เลือกเหตุผลการประมวลผลข้อมูลที่ดีกว่า ) และผลกระทบทางจริยธรรม ( สนับสนุนค่าประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ฯลฯ ) ซึ่งตัวเองขึ้นอยู่กับสติปัญญา [ 138 ] [ 139 ] [ 140 ]

หลักฐานที่สอดคล้องกับทฤษฎีของเหตุผลแบบประชาธิปไตยโผล่ออกมาและจะยั่งยืนได้ยากการวิเคราะห์ทางสถิติล่าสุดได้ท้าทายทฤษฎีความทันสมัย โดยแสดงให้เห็นว่า ไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเมื่อประเทศกลายเป็นมั่งคั่ง มีการศึกษามากหรือน้อยไม่เท่ากัน [ 141 ] ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่า การพึ่งพาน้ำมันป้องกันความเป็นประชาธิปไตยรายได้เพิ่มขึ้น ,แม้จะกว้างใหญ่ทฤษฎีวรรณคดีที่เรียกว่า " ทรัพยากร " คำสาปที่ยืนยันว่ารายได้ภาษีน้ำมันตัดการเชื่อมต่อระหว่างพลเมืองและความรับผิดชอบของรัฐบาล สิ่งสำคัญของประชาธิปไตยแบบตัวแทน [ 142 ] ขาดหลักฐานสำหรับทฤษฎีเหล่านี้ปกติของความเป็นประชาธิปไตยได้นำนักวิจัยเพื่อค้นหา " ปัจจัยลึก " ของสถาบัน ทางการเมืองร่วมสมัยไม่ว่าจะเป็นทางภูมิศาสตร์หรือกลุ่มประชากร [ 143 ] [ 144 ]

ในศตวรรษที่ 21 , ประชาธิปไตยดังกล่าวได้กลายเป็นวิธีที่นิยมของการเข้าถึงการตัดสินใจการประยุกต์ใช้นอกเหนือการเมืองไปยังพื้นที่อื่น เช่น บันเทิง ที่ อาหาร และแฟชั่น กระแสบริโภคนิยม การวางแผน การศึกษา ศิลปะ วรรณกรรม เมืองวิทยาศาสตร์และเทววิทยาที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น " การครองราชย์ของกฎของเวลาของเรา "[ 145 ] อาร์กิวเมนต์ที่ใช้ประชานิยมหรือแนวทางขับเคลื่อนตลาดศิลปะและวรรณคดีตัวอย่างเช่น หมายความว่างานนวัตกรรมสร้างสรรค์ไปเผยแพร่หรือ unproduced . ในการศึกษา , อาร์กิวเมนต์ที่จำเป็น แต่ที่ยากกว่าการเรียนก็ไม่แลก วิทยาศาสตร์ ซึ่งความจริงวินัยตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายโดยความคิดที่ว่าข้อสรุปที่ถูกต้องสามารถมาถึงที่โดยวิธีการโหวต

โรเบิร์ตมิเชลยืนยันว่าแม้ว่าประชาธิปไตยไม่สามารถตระหนัก ประชาธิปไตยอาจจะพัฒนาขึ้นโดยอัตโนมัติในการกระทำของการดิ้นรนเพื่อประชาธิปไตย : " ชาวนาในนิทาน เมื่อตายบนเตียงของเขา บอกลูกชายว่า ขุมทรัพย์ ถูกฝังไว้ในเขตหลังจากความตายของชายชราลูกหลานขุดทุกที่เพื่อค้นพบสมบัติ พวกเขาไม่เจอ แต่แรงงานความพากเพียรของพวกเขาปรับปรุงดินและยึดให้อยู่ดีกินดีเปรียบเทียบ สมบัติในตำนานอาจแสดงถึงประชาธิปไตย . " [ 146 ]

คุณหมอ Harald wydra ในลัทธิคอมมิวนิสต์หนังสือของเขาและการเกิดขึ้นของประชาธิปไตยยังคงยืนยันว่า การพัฒนาประชาธิปไตยไม่ควรดูเป็นอย่างหมดจดกระบวนการหรือเป็นแนวคิดแบบคงที่ แต่เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง " สร้าง " ความหมาย [ 147 ] รูปวาดของโคลด lefort ความคิดที่ว่างของอำนาจที่ " พลังเล็ดลอดออกมาจากคน [ . . . ] แต่เป็นอำนาจของใคร " เขา กล่าวว่า ประชาธิปไตย คือ เคารพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์อำนาจในความเป็นจริงไม่มีสิ่งเช่นคนหรือการสาธิต ตัวเลขทางการเมืองแบบประชาธิปไตยไม่ได้เป็นผู้ปกครองสูงสุด แต่ชั่วคราว ผู้ปกครองเป็นสถานที่ว่างเปล่า การเรียกร้องใด ๆที่สาร เช่น กลุ่มดี ประโยชน์สาธารณะ หรือจะ ของประเทศ คือ เรื่องการ แข่งขัน ดิ้นรน และเวลาของการใช้อำนาจของสำนักงานและรัฐบาลสาระสำคัญของระบอบประชาธิปไตยเป็นสถานที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนซึ่งสามารถแทนชั่วคราว และไม่เคย ได้อย่างเหมาะสม ที่นั่งของอำนาจ คือ มี แต่ ยังคงเปิดการเปลี่ยนแปลงคงที่ เช่นว่า " ประชาธิปไตย " หรืออะไรที่เป็น " ประชาธิปไตย " ที่ตลอดประวัติศาสตร์เป็นอย่างต่อเนื่องและอาจไม่เคยสิ้นสุดกระบวนการของการสร้างสังคม . [ อ้างอิงที่จำเป็น ]

2010 การศึกษาโดยทหารเยอรมันคิดถังได้วิเคราะห์ว่าอาจเปลี่ยนน้ำมันสูงสุดเศรษฐกิจทั่วโลก การศึกษาเพิ่มความกลัวเพื่อความอยู่รอดของประชาธิปไตยนั่นเอง มันแสดงให้เห็นว่า ส่วนของประชากรที่สามารถรับรู้แรงกระเพื่อมที่ทริกเกอร์ โดยน้ำมันสูงสุดโดยทั่วไประบบวิกฤติ นี้จะสร้าง " ห้องสำหรับทางเลือกและลัทธิหัวรุนแรงแบบฟอร์มที่มีอยู่ของรัฐบาล " [ 148 ]