เป็นที่มาของกฎหมายไทยยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายอาญา และบทบัญญัติกฎหมายลักษณะอื่น ๆ ที่ควรแก่การได้รับการสนใจ
ในประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ 1 ถึง บรรพ 4 จะมีลักษณะเป็นบทบัญญัติกฎหมายอันมีที่มาจากหลักกฎหมายของหลาย ๆ ประเทศด้วยกัน เช่น หลักกฎหมายฝรั่งเศส หลักกฎหมายเยอรมัน หลักกฎหมายสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งกฎหมายของประเทศเหล่านี้อาศัยหลัก กฎหมายโรมันมาเป็นรากฐานในการบัญญัติขึ้นมาอีกทีหนึ่ง จึงเท่ากับประเทศไทยเหล่านี้อาศัยหลักกฎหมายโรมันมาเป็นพื้นฐานในการบัญญัติกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของตนเองโดยปริยาย ดังเห็นได้จากบัญญัติกฎหมายลักษณะทรัพย์ ที่แบ่งทรัพย์ออกเป็น วัตถุมีรูปร่าง และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งเหมือนกับหลักกฎหมายโรมันที่แบ่งทรัพย์ (res) ออกเป็นทรัพย์มีรูปร่าง (res corporalis) ซึ่งกฎหมายโรมัน หมายถึง สิ่งที่สามารถรู้สึกได้และสัมผัสได้ และทรัพย์ไม่มีรูปร่าง ซึ่งได้แก่ สิ่งที่ไม่มีตัวตน และไม่อาจสัมผัสได้ และซึ่งมีอยู่โดยกฎหมายเท่านั้น หรือการแบ่งทรัพย์ออกเป็น สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ และการแบ่งทรัพย์ออกเป็นประเภทในลักษณะอื่น ๆ บทบัญญัติเกี่ยวกับที่งอกริมตลิ่ง เกาะแก่งที่เกิดขึ้นในแม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร ฯลฯ
สำหรับบรรพ 5 ครอบครัว และบรรพ 6 มรดก ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กล่าวได้ว่า มีลักษณะที่อาศัยบทบัญญัติในพระอัยการลักษณะผัวเมีย และอัยการลักษณะมรดกเป็นหลักในการบัญญัติกฎหมายขึ้นมา ดังนั้น จึงสมควรที่จะศึกษาพระอัยการทั้งสองลักษณะ เพื่อให้เห็นถึงวิวัฒนาการของกฎหมายไทยในส่วนที่เกี่ยวกับครอบครัวและมรดก ซึ่งสถาบันครอบครัวถือกันว่ามีลักษณะเฉพาะของแต่ละประเทศ ความจริงพระอัยการลักษณะผัวเมียในกฎหมายตราสามดวงยังคงใช้บังคับสำหรับผู้ที่สมรสก่อนการใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 (1 ตุลาคม 2484 ) รวมทั้งการสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรสนั้นๆ และการใช้อำนาจ ปกครองความปกครอง การรับบุตรบุญธรรม หรือสิทธิ และหนี้อันเกิดแต่การนั้น