การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มต การแปล - การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มต ไทย วิธีการพูด

การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้

การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 มีเป้าหมายเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ ต่อมา รัฐบาลใช้มาตรการทางทหารเข้ากดดันกลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ[1] และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2,100 คน[2] จากนั้น อภิสิทธิ์ประกาศแผนปรองดอง ซึ่งผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม การชุมนุมจึงดำเนินต่อไป และอภิสิทธิ์ก็ประกาศยกเลิกวันเลือกตั้งใหม่ตามแผนปรองดอง ก่อนจะใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม จนกระทั่ง แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2552 เนื่องจากผู้ชุมนุมมีข้อสงสัยว่ากองทัพไทยอยู่เบื้องหลังการยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมทั้งจัดตั้งรัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์[3] ในปีต่อมา นปช. ประกาศจะเริ่มการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553 อภิสิทธิ์จึงเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงอย่างมาก รวมทั้งเข้มงวดกับการตรวจพิจารณาสื่อมวลชนและอินเทอร์เน็ต ตลอดจนสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุที่ดำเนินงานโดยกลุ่มผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่สามารถยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมมิให้เดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานครได้
ผู้ชุมนุมส่วนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัด แต่ก็มีชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งเข้าร่วมการชุมนุมเช่นกัน[4] การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย[5] โดยในช่วงแรก การชุมนุมเกิดขึ้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศบนถนนราชดำเนินและเป็นไปโดยสงบ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การเดินขบวนรอบกรุงเทพมหานคร การรวบรวมเลือดไปเทที่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาล หน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านพักอภิสิทธิ์เพื่อกดดันรัฐบาล จากนั้นมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมสองครั้ง ได้ข้อสรุปว่าจะมีการยุบสภา แต่ไม่สามารถสรุปวันเวลาได้ โดยทั้งก่อนและระหว่างการชุมนุม มีการยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม-79 หลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว[6] ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน กลุ่มผู้ชุมนุมปิดการจราจรที่แยกราชประสงค์ รวมทั้งสร้างแนวป้องกันในบริเวณโดยรอบ วันที่ 8 เมษายน อภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่าห้าคนขึ้นไป และในวันที่ 10 เมษายน กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ศพ มีช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย 1 คน และทหารเสียชีวิต 5 นาย ตลอดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 800 คน สื่อไทยเรียกการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า "เมษาโหด"[7] วันที่ 14 เมษายน แกนนำประกาศรวมที่ชุมนุมไปยังแยกราชประสงค์เพียงแห่งเดียว วันที่ 22 เมษายน เหตุปาระเบิดมือทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 86 คน กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนบุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อหาตัวผู้ลงมือ แต่หาไม่พบ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ในภายหลังชี้ว่าโรงพยาบาลอาจเป็นแหล่งของผู้ลงมือ แต่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำแต่อย่างใด[8] เมื่อวันที่ 28 เมษายน ระหว่างที่ผู้ชุมนุมจากแยกราชประสงค์ กำลังเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตลาดไท ย่านรังสิต ชานกรุงเทพมหานคร แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวขวางกั้น กลางถนนวิภาวดีรังสิต จนเกิดการปะทะกัน โดยมีทหารเสียชีวิต 1 นาย ในเหตุการณ์นี้
อภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดอง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งเสนอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ แต่อภิสิทธิ์ก็ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าวไปเอง[9] หลังจากที่แกนนำ นปช. ยื่นข้อเรียกร้องให้รองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามอบตัวกับตำรวจ แม้จะมีท่าทียอมรับในระยะแรกก็ตาม ต่อมา รัฐบาลสั่งการให้กำลังทหารเข้าล้อมพื้นที่แยกราชประสงค์ ด้วยกำลังรถหุ้มเกราะและพลซุ่มยิง[10] ในระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 41 ศพ และบาดเจ็บกว่า 250 คน ซึ่งกองทัพอ้างว่า พลเรือนถูกยิงโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่ก็ถูกยิงเพราะติดอาวุธ หรือถูกผู้ก่อการร้ายยิง และชี้ว่าผู้ก่อการร้ายบางคนแต่งกายในชุดทหาร[11] ทหารเสียชีวิตนายหนึ่งเพราะถูกพวกเดียวกันยิง[12] สื่อไทยเรียกการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า "พฤษภาอำมหิต"[13] กองทัพได้ประกาศ "เขตใช้กระสุนจริง" โดยทุกคนที่พบเห็นในเขตดังกล่าวจะถูกยิง และเจ้าหน้าที่แพทย์ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่[14][15][16][17] จนวันที่ 19 พฤษภาคม กำลังทหารเข้ายึดพื้นที่เป็นครั้งสุดท้าย จนถึงแยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุม และยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผลให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเกิดความไม่พอใจ จากนั้น เกิดการก่อจลาจลและวางเพลิงสถานที่หลายแห่งทั่วประเทศ[18] ในช่วงค่ำ รัฐบาลประกาศห้ามออกจากเคหสถานในหลายจังหวัด และให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องนำเสนอรายการของรัฐบาลเท่านั้น โดยทหารได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิง ผู้ที่ทำการปล้นสะดม วางเพลิง หรือก่อความไม่สงบได้ทันที[18] ผู้ชุมนุมจำนวน 51 คนยังคงหายสาบสูญจนถึงวันที่ 8 มิถุนายน[19] รัฐบาลอ้างว่าการประท้วงดังกล่าวจะต้องใช้เงินทุนถึง 150,000 ล้านบาท[20]
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
2553 มีเป้าหมายเรียกร้องให้อภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ต่อมา รัฐบาลใช้มาตรการทางทหารเข้ากดดันกลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ [1] และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2,100 คน [2] จากนั้นอภิสิทธิ์ประกาศแผนปรองดอง ซึ่งผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม การชุมนุมจึงดำเนินต่อไป และอภิสิทธิ์ก็ประกาศยกเลิกวันเลือกตั้งใหม่ตามแผนปรองดองเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมจนกระทั่งแกนนำนปชประกาศยุติชุมนุมในวันที่การ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2552 เนื่องจากผู้ชุมนุมมีข้อสงสัยว่ากองทัพไทยอยู่เบื้องหลังการยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมทั้งจัดตั้งรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ [3] ในปีต่อมานปช ประกาศจะเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่การ 14 มีนาคม พ.ศ.กลุ่มผู้ชุมนุมใช้มาตรการต่าง ๆ เช่นการเดินขบวนรอบกรุงเทพมหานคร การรวบรวมเลือดไปเทที่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาล หน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านพักอภิสิทธิ์เพื่อกดดันรัฐบาลได้ข้อสรุปว่าจะมีการยุบสภา แต่ไม่สามารถสรุปวันเวลาได้โดยทั้งก่อนและระหว่างการชุมนุมมีการยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม -79 หลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว[6]กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ศพ มีช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย 1 ทหารเสียชีวิต 5 นายคนและ ตลอดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 800 คน"เมษาโหด" [7] วันที่ 14 เมษายน แกนนำประกาศรวมที่ชุมนุมไปยังแยกราชประสงค์เพียงแห่งเดียว วันที่ 22 เมษายน เหตุปาระเบิดมือทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและได้รับบาดเจ็บอีก 86 คนแต่หาไม่พบผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์พรทิพย์โรจนสุนันท์ ในภายหลังชี้ว่าโรงพยาบาลอาจเป็นแหล่งของผู้ลงมือ แต่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำแต่อย่างใด[8] เมื่อวันที่ 28 เมษายนกำลังเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตลาดไท ย่านรังสิตชานกรุงเทพมหานคร แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวขวางกั้น กลางถนนวิภาวดีรังสิตจนเกิดการปะทะกันโดยมีทหารเสียชีวิต 1 นายในเหตุการณ์นี้
อภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมซึ่งเสนอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ แต่อภิสิทธิ์ก็ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าวไปเอง[9] หลังจากที่แกนนำนปชยื่นข้อเรียกร้องให้รองนายกรัฐมนตรี สุเทพเทือกสุบรรณเข้ามอบตัวกับตำรวจแม้จะมีท่าทียอมรับในระยะแรกก็ตามต่อมา รัฐบาลสั่งการให้กำลังทหารเข้าล้อมพื้นที่แยกราชประสงค์ ด้วยกำลังรถหุ้มเกราะและพลซุ่มยิง [10]14-18 พฤษภาคมส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 41 ศพและบาดเจ็บกว่า 250 คนซึ่งกองทัพอ้างว่า พลเรือนถูกยิงโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่ก็ถูกยิงเพราะติดอาวุธ หรือถูกผู้ก่อการร้ายยิงทหารเสียชีวิตนายหนึ่งเพราะถูกพวกเดียวกันยิง[12] สื่อไทยเรียกการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า "พฤษภาอำมหิต" [13] กองทัพได้ "เขตใช้กระสุนจริง" ประกาศ โดยทุกคนที่พบเห็นในเขตดังกล่าวจะถูกยิงจนวันที่ 19 พฤษภาคม กำลังทหารเข้ายึดพื้นที่เป็นครั้งสุดท้าย จนถึงแยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก แกนนำนปชประกาศยุติการชุมนุมและยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผลให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเกิดความไม่พอใจ จากนั้น เกิดการก่อจลาจลและวางเพลิงสถานที่หลายแห่งทั่วประเทศ[18] ในช่วงค่ำและให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องนำเสนอรายการของรัฐบาลเท่านั้น โดยทหารได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิง ผู้ที่ทำการปล้นสะดมวางเพลิงหรือก่อความไม่สงบได้ทันที [18] ผู้ชุมนุมจำนวน 51 คนยังคงหายสาบสูญจนถึงวันที่ 8รัฐบาลอ้างว่าการประท้วงดังกล่าวจะต้องใช้เงินทุนถึง 150000 ล้านบาท [20]
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติพ.ศ. 2553 เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมพ.ศ 2553 มีเป้าหมายเรียกร้องให้อภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ต่อมารัฐบาลใช้มาตรการทางทหารเข้ากดดันกลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ [1] และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2100 คน [2] จากนั้นอภิสิทธิ์ประกาศแผนปรองดองซึ่งผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติมการชุมนุมจึงดำเนินต่อไปและอภิสิทธิ์ก็ประกาศยกเลิกวันเลือกตั้งใหม่ตามแผนปรองดอง เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมจนกระทั่งแกนนำนปช ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคมพ.ศ. 2553
การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปีพ.ศ 2552 เนื่องจากผู้ชุมนุมมีข้อสงสัยว่ากองทัพไทยอยู่เบื้องหลังการยุบพรรคพลังประชาชนพร้อมทั้งจัดตั้งรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ [3] ในปีต่อมานปช พ.ศประกาศจะเริ่มการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2553 อภิสิทธิ์จึงเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงอย่างมากรวมทั้งเข้มงวดกับการตรวจพิจารณาสื่อมวลชนและอินเทอร์เน็ตตลอดจนสั่งปิดสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุที่ดำเนินงานโดยกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมส่วนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัดแต่ก็มีชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งเข้าร่วมการชุมนุมเช่นกัน [4] การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคมโดยในช่วงแรกถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย [5] กลุ่มผู้ชุมนุมใช้มาตรการต่างๆ เช่นการเดินขบวนรอบกรุงเทพมหานครการรวบรวมเลือดไปเทที่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาลหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์และหน้าบ้านพักอภิสิทธิ์เพื่อกดดันรัฐบาล ได้ข้อสรุปว่าจะมีการยุบสภาแต่ไม่สามารถสรุปวันเวลาได้โดยทั้งก่อนและระหว่างการชุมนุมหลายสิบครั้งมีการยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 แต่ก็ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว [6] กลุ่มผู้ชุมนุมปิดการจราจรที่แยกราชประสงค์รวมทั้งสร้างแนวป้องกันในบริเวณโดยรอบวันที่ 8 เมษายนอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่าห้าคนขึ้นไปและในวันที่ 10 กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ศพมีช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย 1 คนและทหารเสียชีวิต 5 นายตลอดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 800 คน "เมษาโหด" [7] วันที่ 14 เมษายนแกนนำประกาศรวมที่ชุมนุมไปยังแยกราชประสงค์เพียงแห่งเดียววันที่ 22 เมษายนเหตุปาระเบิดมือทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและได้รับบาดเจ็บอีก 86 คน แต่หาไม่พบผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์พรทิพย์โรจนสุนันท์ในภายหลังชี้ว่าโรงพยาบาลอาจเป็นแหล่งของผู้ลงมือแต่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำแต่อย่างใด [8] เมื่อวันที่ 28 เมษายน กำลังเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตลาดไทย่านรังสิตชานกรุงเทพมหานครแต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวขวางกั้นกลางถนนวิภาวดีรังสิตจนเกิดการปะทะกันโดยมีทหารเสียชีวิต 1 นายในเหตุการณ์นี้
อภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมซึ่งเสนอให้จัดการเลือกตั้งใหม่แต่อภิสิทธิ์ก็ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าวไปเอง [9] หลังจากที่แกนนำนปช ยื่นข้อเรียกร้องให้รองนายกรัฐมนตรีสุเทพเทือกสุบรรณเข้ามอบตัวกับตำรวจแม้จะมีท่าทียอมรับในระยะแรกก็ตามต่อมารัฐบาลสั่งการให้กำลังทหารเข้าล้อมพื้นที่แยกราชประสงค์ด้วยกำลังรถหุ้มเกราะและพลซุ่มยิง [10] 14-18 พฤษภาคมส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 41 ศพและบาดเจ็บกว่า 250 คนซึ่งกองทัพอ้างว่าพลเรือนถูกยิงโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่ก็ถูกยิงเพราะติดอาวุธหรือถูกผู้ก่อการร้ายยิง ทหารเสียชีวิตนายหนึ่งเพราะถูกพวกเดียวกันยิง [12] สื่อไทยเรียกการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า "พฤษภาอำมหิต" [13] กองทัพได้ประกาศโดยทุกคนที่พบเห็นในเขตดังกล่าวจะถูกยิง "เขตใช้กระสุนจริง" จนวันที่ 19 พฤษภาคมกำลังทหารเข้ายึดพื้นที่เป็นครั้งสุดท้ายจนถึงแยกราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกแกนนำนปช ประกาศยุติการชุมนุมและยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผลให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเกิดความไม่พอใจจากนั้นในช่วงค่ำเกิดการก่อจลาจลและวางเพลิงสถานที่หลายแห่งทั่วประเทศ [18] และให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องนำเสนอรายการของรัฐบาลเท่านั้นโดยทหารได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่ทำการปล้นสะดมวางเพลิงหรือก่อความไม่สงบได้ทันที [18] ผู้ชุมนุมจำนวน 51 คนยังคงหายสาบสูญจนถึงวันที่ 8 รัฐบาลอ้างว่าการประท้วงดังกล่าวจะต้องใช้เงินทุนถึง 150ล้านบาท 000 [20]
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จพ.ศ. .2553 เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมพ.ศ..2553 มีเป้าหมายเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ต่อมารัฐบาลใช้มาตรการทางทหารเข้ากดดันกลุ่มผู้ชุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ[ 1 ]และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2 ,100 คน[ 2 ]จากนั้น อภิสิทธิ์ประกาศแผนปรองดอง ซึ่งผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติมการชุมนุมจึงดำเนินต่อไป และอภิสิทธิ์ก็ประกาศยกเลิกวันเลือกตั้งใหม่เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม จนกระทั่งแกนนำนปช.ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปีพ.ศ..2552 เนื่องจากผู้ชุมนุมมีข้อสงสัยว่ากองทัพไทยอยพร้อมทั้งจัดตั้งรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์[ 3 ]ในปีต่อมานปช. ประกาศจะเริ่มการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคมพ.ศ..2553 อภิสิทธิ์จึงเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงอย่ รวมทั้งเข้มงวดกับการตรวจพิจารณาสื่อมวลชนแลตลอดจนสั่งปิดสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุที่ดำเนินงานโดยกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรก็ตามผู้ชุมนุมส่วนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัดแต่ก็มีชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งเข้าร่วมกาการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคมถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาโดยในช่วงแรกกลุ่มผู้ชุมนุมใช้มาตรการต่างๆเช่นการเดินขบวนรอบกรุงเทพมหานครการรวบรวมเลือดไปเทที่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านพักอภิสิทธิ์เพื่อกดดันรัฐบาลได้ข้อสรุปว่าจะมีการยุบสภา แต่ไม่สามารถสรุปวันเวลาได้โดยทั้งก่อนและระหว่างการชุมนุมมีการยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม - 79 หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำมาลงโทษได้แม้แตกลุ่มผู้ชุมนุมปิดการจราจรที่แยกราชประสงค์รวมทั้งสร้างแนวป้องกันในบริเวณโดยรอบวันที่ 8 เมษายน อภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ โดยห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่าห้าคนขึและในวันที่ 10กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ศพ มีช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย 1 คนและทหารเสียชีวิต 5 นายตลอดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 800 คน"เมษาโหด"[ 7 ]วันที่ 14 เมษายนแกนนำประกาศรวมที่ชุมนุมไปยังแยกราชประสงค์เวันที่ 22 เมษายนเหตุปาระเบิดมือทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน 86 คนแต่หาไม่พบผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์พรทิพย์โรจนสุนันท์ ในภายหลังชี้ว่าโรงพยาบาลอาจเป็นแหล่งของผู้ แต่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำแต่อย่างใด[ 8 ]เมื่อวันที่ 28 เมษายนกำลังเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตย่านรังสิตชานกรุงเทพมหานครแต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวขวางกั้น กลางถนนวิภาวดีรังสิต จนเกิดการปะทะกันโดยมีทหารเสียชีวิต 1 นายในเหตุการณ์นี้
ตามมาตรฐานอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดอง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งเสนอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ แต่อภิสิทธิ์ก็ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าวไปเอง [ 9 ]หลังจากที่แกนนำนปช.ยื่นข้อเรียกร้องให้รองนายกรัฐมนตรีสุเทพเทือกสุบรรณเข้ามอบตัวกับตำรวจแม้จะมีท่าทียอมรับในระยะแรกก็ตามต่อมารัฐบาลสั่งการให้กำลังทหารเข้าล้อมพื้นที่แยด้วยกำลังรถหุ้มเกราะและพลซุ่มยิง[ 10 ]14-18 พฤษภาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 41 ศพและบาดเจ็บกว่า 250 คนซึ่งกองทัพอ้างว่าพลเรือนถูกยิงโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่กหรือถูกผู้ก่อการร้ายยิงทหารเสียชีวิตนายหนึ่งเพราะถูกพวกเดียวกันยิสื่อไทยเรียกการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า" พฤษภาอำมหิต "[ 13 ]กองทัพได้ประกาศ"เขตใช้กระสุนจริง"โดยทุกคนที่พบเห็นในเขตดังกล่าวจะถูกยิงจนวันที่ 19 พฤษภาคม กำลังทหารเข้ายึดพื้นที่เป็นครั้งสุดท้ายจนถึงแยกราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกแกนนำนปช.ประกาศยุติการชุมนุมและยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผลให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเกิดความไม่พอใจจากนั้นเกิดการก่อจลาจลและวางเพลิงสถานที่หลายแห่งทในช่วงค่ำและให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องนำเสนอรายการของรโดยทหารได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่ทำการปล้นสะดมวางเพลิงหรือก่อความไม่สงบได้ทันที[ 18 ]ผู้ชุมนุมจำนวน 51 คนยังคงหายสาบสูญจนถึงวันที่ 8รัฐบาลอ้างว่าการประท้วงดังกล่าวจะต้องใช้เง 150 ,000 ล้านบาท[ 20 ]
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: