It was originally copyrighted with

It was originally copyrighted with the
name "One Horse Open Sleigh" on September
16, 1857. It was reprinted in 1859 with the
revised title of "Jingle Bells, or the One
Horse Open Sleigh".
Jingle Bells was often used as a drinking
song at parties: people would jingle the ice
in their glasses as they sung. The double-
meaning of the word "upsot" in the song
was thought humorous, and a sleigh ride
gave an unescorted couple a rare chance
to be together, unchaperoned, in distant
woods or fields, with all the opportunities
that afforded.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เดิมถูกลิขสิทธิ์ด้วยการ ชื่อ "หนึ่งม้าเปิด Sleigh" ในเดือนกันยายน16 ค.ศ. 1857 มันคือ reprinted ในปี 1859 มีการ ปรับปรุงชื่อของ "ระฆังโกดนตรี หรือที่ ม้าเปิด Sleigh" ระฆังโกดนตรีมักจะใช้เป็นดื่ม เพลงที่ฝ่าย: คนจะหลบน้ำแข็ง ในแว่นตาของพวกเขาเป็นพวกเขาสูง สอง-ความหมายของคำว่า "upsot" ในเพลง อารมณ์ขันความคิด และนั่ง sleigh ให้คู่ unescorted เป็นโอกาสที่หายาก การอยู่ด้วยกัน unchaperoned ในระยะไกล ป่าหรือฟิลด์ โอกาสทั้งหมด ที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันถูกลิขสิทธิ์เดิมที่มี
ชื่อ "หนึ่งม้าเลื่อนเปิด" ในเดือนกันยายน
16, 1857 มันได้รับการพิมพ์ในปี 1859 ที่มี
ชื่อแก้ไข "เสียงระฆังหรือหนึ่ง
ม้าเลื่อนเปิด ".
เสียงระฆังถูกมักจะใช้เป็นดื่ม
เพลง ในงานปาร์ตี้: คนจะกริ๊งน้ำแข็ง
ในแก้วของพวกเขาขณะที่พวกเขาร้อง ดับเบิ้ล
ความหมายของคำว่า "upsot" ในเพลง
ที่คิดว่าอารมณ์ขันและการนั่งเลื่อน
ให้คู่อันโอกาสหายากที่
จะอยู่ด้วยกัน, unchaperoned ในที่ห่างไกล
ในป่าหรือสาขาที่มีโอกาส
ที่เจ้าตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันถูกลิขสิทธิ์ด้วย
ชื่อ " ม้าหนึ่งเลื่อนเปิด "
16 กันยายน 1857 . มันพิมพ์ในตอนนี้กับ
แก้ไขชื่อเรื่องของ " Jingle Bells หรือหนึ่งม้าเลื่อนเปิด

" เสียงระฆังมักถูกใช้เป็นเพลงในงานเลี้ยง คนดื่ม

จะกริ๊งน้ำแข็งในแก้วของพวกเขาที่พวกเขาร้อง สอง -
ความหมายของคำว่า " upsot " ในเพลง
คิดอารมณ์ขัน ,แล้วก็นั่งรถเลื่อนให้คู่โดยไม่มีคนพาเข้ามาครับ

หายาก โอกาสได้อยู่ด้วยกันตลอด ในป่าที่ห่างไกล
หรือสาขา ทุกโอกาส
ว่าเจ้าตัว .